เว็บประกาศฟรี > ลงประกาศ รวมเว็บประกาศฟรี
ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ มีกี่แบบ
ruataewada:
วิธีปลูกผักบุ้งง่าย ๆ มีพื้นที่น้อยก็ทำได้ !
ผักบุ้งเป็นผักสวนครัวที่นำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง อีกทั้งยังปลูกง่ายโตเร็ว แค่ไม่กี่อาทิตย์ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว วิธีปลูกนั้นก็ง่ายแสนง่าย สามารถปลูกได้ทั้งแบบเพาะเมล็ดและใช้รากปักชำ แต่วันนี้เรามีวิธีปลูกผักบุ้งแบบใหม่มาฝาก โดยวิธีนี้จะเป็นวิธีปลูกผักบุ้งแบบไม่ใช้เมล็ด สามารถปลูกได้แม้มีพื้นที่น้อย แบ่งออกเป็น 2 วิธีด้วยกันคือวิธีปลูกผักบุ้งแบบใช้ดินและวิธีปลูกผักบุ้งด้วยเม็ดดินเผา ถ้าอยากรู้ว่าวิธีปลูกผักบุ้งแต่ละวิธีมีความแตกต่างกับขั้นตอนการปลูกอย่างไรบ้าง ก็ตามไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
อุปกรณ์
- ผักบุ้งสดตัดราก 1 กำมือ
- ปุ๋ยหมักและปุ๋ยมูลไส้เดือน
- กากมะพร้าว
- กระถางสำหรับปลูกแบบมีรู
- จานรองกระถาง
- เม็ดดินเผาสำหรับปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์
- ถาดสำหรับการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ก้นลึกประมาณ 5 นิ้ว
1. วิธีปลูกแบบใช้ดิน
1. นำต้นผักบุ้งไปแช่ในถังแล้วเติมน้ำลงไปประมาณ 2 ½-3 นิ้ว ทิ้งไว้ 4–5 วัน เพื่อรอให้รากงอก
2. นำปุ๋ยหมักและปุ๋ยมูลไส้เดือนผสมกับกากมะพร้าวผสมให้เข้ากัน แล้วตักใส่กระถางจนเกือบเต็ม
3. ใช้มือขุดดินตรงกลางกระถางออกให้เป็นหลุม แล้วนำต้นผักบุ้งมาวางพร้อมถมดินกลบหลุมปลูกจนเกือบเต็มกระถาง จากนั้นนำจานมารองก้นกระถางไว้เพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้
2. วิธีปลูกด้วยเม็ดดินเผา
1. นำเม็ดดินเผาใส่ถาดปลูกเกลี่ยให้เต็มถาดแล้วเติมน้ำ ระดับน้ำไม่เต็มจนล้นหรือน้อยเกินไป
2. ปักผักบุ้งลงในถาดปลูกให้ลึกพอประมาณ เกลี่ยเม็ดดินเผากลบราก
3. หมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากนำลงปลูกทั้ง 2 วิธีแล้ว ให้หมั่นเด็ดใบผักบุ้งส่วนล่างที่เริ่มเหี่ยวทิ้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดใบใหม่ เพราะผักบุ้งเป็นผักที่ชอบน้ำ ฉะนั้นถ้าปลูกในกระถางควรหมั่นรดน้ำบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้หน้าดินแห้ง และสำหรับผักบุ้งที่ปลูกด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ให้หมั่นเปลี่ยนน้ำเพื่อให้ออกซิเจนหมุนเวียนไปสู่รากของผักบุ้ง และน้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำสะอาดนั้น ปลูกทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ แค่นี้ก็เก็บกินได้แล้วค่ะ
3. วิธีปลูกผักบุ้งในตะกร้า
อุปกรณ์
- ตะกร้ามีรูแบบโปร่งๆ 1 ใบ
- กระบะขนาดที่ซ้อนตะกร้าลงไปได้ 1 ใบ
- กาบมะพร้าวสับ
- น้ำปุ๋ยไฮโดร
- กระบะใหญ่
- เมล็ดผักบุ้ง
- น้ำสะอาด
วิธีปลูกแบบใช้เมล็ด
1. นำตะกร้าแบบมีรูมาวางซ้อนกันกับกระบะ
2. นำกาบมะพร้าวสับใส่ตะกร้าโดยให้มีความสูงประมาณ 3/4 นิ้ว
3. ใส่น้ำสะอาด ให้ความสูงของน้ำปริ่มกับกาบมะพร้าว
4. โรยเมล็ดผักบุ้งอย่าให้ติดกันจนเกินไป และนำฝาหรือภาชนะมาปิดด้านบน วางในที่ร่ม ไม่ต้องตากแดด
5. รากจะเริ่มโผล่ใน 2 วัน ในระหว่างนี้ควรสังเกตระดับน้ำ ถ้าลดลงให้เติมให้สูงเท่าเก่า ถ้าต้นเริ่มงอกแล้วก็ไม่ต้องปิดฝาแล้ว (ใบจะได้ไม่เหลือง) และเติมปุ๋ยประมาณวันที่ 5
6. พอครบ 14 วันเติมน้ำปุ๋ยเพิ่ม และเปลี่ยนกระบะใส่น้ำเป็นขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้รากยาว
7. พอครบ 3 สัปดาห์หรือ 21 วัน ต้นจะยาวประมาณ 10-12 นิ้ว แปลว่า ใกล้ตัดได้แล้ว ให้ถ่ายน้ำปุ๋ยออก และใส่น้ำสะอาดไว้ 3-5 วัน เพื่อล้างปุ๋ยตกค้างออกและตัดได้ทันที
โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนาม รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย ลวดหนาม
ruataewada:
** ท่อน้ำร้อนสำหรับบ้าน เลือกอย่างไรให้เหมาะสม
ท่อน้ำร้อนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับบ้านที่ต้องการใช้น้ำร้อนสำหรับทำกิจกรรมต่างๆ เช่น อาบน้ำ ล้างจาน หรือทำอาหาร การเลือกท่อน้ำร้อนที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง บทความนี้จะแนะนำวิธีการเลือกท่อน้ำร้อนสำหรับบ้านอย่างเหมาะสม
**ประเภทของท่อน้ำร้อน**
ท่อน้ำร้อนที่นิยมใช้กันในปัจจุบันมี 2 ประเภทหลักๆ คือ
* ท่อเหล็กอาบสังกะสี (Galvanized Steel Pipe) เป็นท่อที่ผลิตจากเหล็กกล้า ผ่านการอาบสังกะสีเพื่อชะลอการเกิดสนิม ท่อเหล็กอาบสังกะสีมีความแข็งแรง ทนทาน แต่มีน้ำหนักมาก ติดตั้งยาก และเกิดการสูญเสียความร้อนสูง
* ท่อ PPR (Polypropylene Random Copolymer Pipe) เป็นท่อพลาสติกชนิดหนึ่ง ผลิตจากโพลีโพรพิลีน (PP) ซึ่งมีคุณสมบัติทนความร้อนสูง ทนแรงดันได้ดี น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และไม่เป็นสนิม ท่อ PPR เป็นที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีและราคาไม่แพง
**วิธีเลือกซื้อท่อน้ำร้อน**
ในการเลือกซื้อท่อน้ำร้อนสำหรับบ้าน ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
* ขนาดท่อน้ำร้อน ควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ท่อน้ำร้อนสำหรับอาบน้ำควรใช้ท่อขนาด 16-20 มิลลิเมตร
* คุณภาพของท่อน้ำร้อน ควรเลือกท่อที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี เช่น ท่อ PPR ที่ได้มาตรฐาน ISO 9001
* ราคาท่อน้ำร้อน ควรเลือกท่อที่ราคาเหมาะสมกับงบประมาณ
**ข้อควรระวังในการเลือกซื้อท่อน้ำร้อน**
* ไม่ควรเลือกซื้อท่อน้ำร้อนที่มีราคาถูกเกินไป เนื่องจากอาจมีคุณภาพต่ำและอายุการใช้งานสั้น
* ไม่ควรเลือกซื้อท่อน้ำร้อนที่มีขนาดท่อเล็กเกินไป เนื่องจากอาจทำให้น้ำร้อนไหลได้ไม่สะดวก
* ไม่ควรเลือกซื้อท่อน้ำร้อนที่มีขนาดท่อใหญ่เกินไป เนื่องจากจะทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณ
**การติดตั้งท่อน้ำร้อน**
การติดตั้งท่อน้ำร้อนควรดำเนินการโดยช่างประปาที่มีประสบการณ์ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือเฉพาะในการเชื่อมท่อน้ำร้อน
**การดูแลรักษาท่อน้ำร้อน**
การดูแลรักษาท่อน้ำร้อนมีดังนี้
* ควรทำความสะอาดท่อน้ำร้อนเป็นประจำด้วยน้ำสะอาด
* หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนกับท่อน้ำร้อน
* หากท่อน้ำร้อนเกิดความเสียหาย ควรเปลี่ยนท่อใหม่ทันที
**สรุป**
การเลือกท่อน้ำร้อนสำหรับบ้านควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น ขนาดท่อน้ำร้อน คุณภาพของท่อน้ำร้อน และราคาท่อน้ำร้อน นอกจากนี้
ควรติดตั้งท่อน้ำร้อนโดยช่างประปาที่มีประสบการณ์ และควรดูแลรักษาท่อน้ำร้อนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ท่อน้ำร้อนมีอายุการใช้งานยาวนาน
โปรโมชั่นสำหรับคุณ เครื่องเชื่อมท่อ ppr ท่อppr คือppr pipeขนาดท่อ ppr
ruataewada:
**ทำสวนแบบง่าย**
การทำสวนเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ใช้เวลาไม่นาน ลงทุนไม่มาก และสามารถตกแต่งสวนให้สวยงามได้ตามความต้องการ
**การเตรียมพื้นที่ทำสวน**
การเตรียมพื้นที่ทำสวน มีดังนี้
* **เลือกพื้นที่ที่เหมาะสม** พื้นที่ทำสวนควรมีแดดส่องถึงอย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
* **ปรับพื้นที่ให้เรียบเสมอกัน**
* **ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงดิน**
* **ทำร่องหรือหลุมสำหรับปลูกต้นไม้**
**การเลือกต้นไม้สำหรับทำสวน**
การเลือกต้นไม้สำหรับทำสวน ควรพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น
* **ความชอบส่วนตัว**
* **สภาพอากาศ**
* **ขนาดของพื้นที่**
* **ระยะเวลาในการเจริญเติบโต**
**วิธีการปลูกต้นไม้**
วิธีการปลูกต้นไม้ มีดังนี้
* **การปลูกต้นไม้ด้วยเมล็ด**
* **การปลูกต้นไม้ด้วยต้นกล้า**
* **การปลูกต้นไม้ด้วยการปักชำ**
**การดูแลรักษาต้นไม้**
การดูแลรักษาต้นไม้ มีดังนี้
* **การให้น้ำ** รดน้ำต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน
* **การให้ปุ๋ย** ใส่ปุ๋ยบำรุงดินปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกในช่วงต้นฤดูฝน ครั้งที่สองในช่วงปลายฤดูฝน
* **การตัดแต่งกิ่ง** ตัดแต่งกิ่งต้นไม้ปีละ 1 ครั้ง ในช่วงฤดูหนาว
* **การป้องกันศัตรูพืชและโรคพืช** หมั่นตรวจดูต้นไม้เป็นประจำ หากพบศัตรูพืชหรือโรคพืช ให้ใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามคำแนะนำ
**เคล็ดลับการทำสวนแบบง่าย**
เคล็ดลับการทำสวนแบบง่าย มีดังนี้
* **เลือกต้นไม้ที่ปลูกง่าย ดูแลรักษาง่าย**
* **จัดวางต้นไม้ให้เหมาะสมกับพื้นที่**
* **หมั่นดูแลรักษาต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ**
การทำสวนแบบง่ายสามารถทำได้ทุกคน แม้แต่ผู้ที่มีเวลาน้อยหรือพื้นที่จำกัด การทำสวนนอกจากจะทำให้บ้านร่มรื่นและสวยงามแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพกายและสุขภาพจิตอีกด้วย
**ตัวอย่างการทำสวนแบบง่าย**
การทำสวนแบบง่ายสามารถทำได้หลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับความชอบและงบประมาณที่มี ตัวอย่างการทำสวนแบบง่าย ได้แก่
* **การทำสวนผักสวนครัว** เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกผักรับประทานเอง ผักสวนครัวที่นิยมปลูก ได้แก่ ผักคะน้า ผักบุ้ง ผักกาดหอม ผักไชยา แตงกวา เป็นต้น
* **การทำสวนดอกไม้** เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการตกแต่งสวนให้สวยงาม ดอกไม้ที่นิยมปลูก ได้แก่ ดอกดาวเรือง ดอกบานชื่น ดอกพุด ดอกกุหลาบ เป็นต้น
* **การทำสวนไม้ประดับ** เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปลูกไม้ประดับที่มีความสวยงาม ไม้ประดับที่นิยมปลูก ได้แก่ ต้นไทรใบสัก ต้นกระบองเพชร ต้นบอนสี เป็นต้น
หากต้องการทำสวนแบบง่าย สามารถเลือกรูปแบบการทำสวนที่ตนเองชอบ และปฏิบัติตามขั้นตอนและเคล็ดลับที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น การทำสวนก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม
ruataewada:
วิธีปลูกผักบุ้งง่าย ๆ มีพื้นที่น้อยก็ทำได้ !
ผักบุ้งเป็นผักสวนครัวที่นำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง อีกทั้งยังปลูกง่ายโตเร็ว แค่ไม่กี่อาทิตย์ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว วิธีปลูกนั้นก็ง่ายแสนง่าย สามารถปลูกได้ทั้งแบบเพาะเมล็ดและใช้รากปักชำ แต่วันนี้เรามีวิธีปลูกผักบุ้งแบบใหม่มาฝาก โดยวิธีนี้จะเป็นวิธีปลูกผักบุ้งแบบไม่ใช้เมล็ด สามารถปลูกได้แม้มีพื้นที่น้อย แบ่งออกเป็น 2 วิธีด้วยกันคือวิธีปลูกผักบุ้งแบบใช้ดินและวิธีปลูกผักบุ้งด้วยเม็ดดินเผา ถ้าอยากรู้ว่าวิธีปลูกผักบุ้งแต่ละวิธีมีความแตกต่างกับขั้นตอนการปลูกอย่างไรบ้าง ก็ตามไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
อุปกรณ์
- ผักบุ้งสดตัดราก 1 กำมือ
- ปุ๋ยหมักและปุ๋ยมูลไส้เดือน
- กากมะพร้าว
- กระถางสำหรับปลูกแบบมีรู
- จานรองกระถาง
- เม็ดดินเผาสำหรับปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์
- ถาดสำหรับการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ก้นลึกประมาณ 5 นิ้ว
1. วิธีปลูกแบบใช้ดิน
1. นำต้นผักบุ้งไปแช่ในถังแล้วเติมน้ำลงไปประมาณ 2 ½-3 นิ้ว ทิ้งไว้ 4–5 วัน เพื่อรอให้รากงอก
2. นำปุ๋ยหมักและปุ๋ยมูลไส้เดือนผสมกับกากมะพร้าวผสมให้เข้ากัน แล้วตักใส่กระถางจนเกือบเต็ม
3. ใช้มือขุดดินตรงกลางกระถางออกให้เป็นหลุม แล้วนำต้นผักบุ้งมาวางพร้อมถมดินกลบหลุมปลูกจนเกือบเต็มกระถาง จากนั้นนำจานมารองก้นกระถางไว้เพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้
2. วิธีปลูกด้วยเม็ดดินเผา
1. นำเม็ดดินเผาใส่ถาดปลูกเกลี่ยให้เต็มถาดแล้วเติมน้ำ ระดับน้ำไม่เต็มจนล้นหรือน้อยเกินไป
2. ปักผักบุ้งลงในถาดปลูกให้ลึกพอประมาณ เกลี่ยเม็ดดินเผากลบราก
3. หมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากนำลงปลูกทั้ง 2 วิธีแล้ว ให้หมั่นเด็ดใบผักบุ้งส่วนล่างที่เริ่มเหี่ยวทิ้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดใบใหม่ เพราะผักบุ้งเป็นผักที่ชอบน้ำ ฉะนั้นถ้าปลูกในกระถางควรหมั่นรดน้ำบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้หน้าดินแห้ง และสำหรับผักบุ้งที่ปลูกด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ให้หมั่นเปลี่ยนน้ำเพื่อให้ออกซิเจนหมุนเวียนไปสู่รากของผักบุ้ง และน้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำสะอาดนั้น ปลูกทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ แค่นี้ก็เก็บกินได้แล้วค่ะ
3. วิธีปลูกผักบุ้งในตะกร้า
อุปกรณ์
- ตะกร้ามีรูแบบโปร่งๆ 1 ใบ
- กระบะขนาดที่ซ้อนตะกร้าลงไปได้ 1 ใบ
- กาบมะพร้าวสับ
- น้ำปุ๋ยไฮโดร
- กระบะใหญ่
- เมล็ดผักบุ้ง
- น้ำสะอาด
วิธีปลูกแบบใช้เมล็ด
1. นำตะกร้าแบบมีรูมาวางซ้อนกันกับกระบะ
2. นำกาบมะพร้าวสับใส่ตะกร้าโดยให้มีความสูงประมาณ 3/4 นิ้ว
3. ใส่น้ำสะอาด ให้ความสูงของน้ำปริ่มกับกาบมะพร้าว
4. โรยเมล็ดผักบุ้งอย่าให้ติดกันจนเกินไป และนำฝาหรือภาชนะมาปิดด้านบน วางในที่ร่ม ไม่ต้องตากแดด
5. รากจะเริ่มโผล่ใน 2 วัน ในระหว่างนี้ควรสังเกตระดับน้ำ ถ้าลดลงให้เติมให้สูงเท่าเก่า ถ้าต้นเริ่มงอกแล้วก็ไม่ต้องปิดฝาแล้ว (ใบจะได้ไม่เหลือง) และเติมปุ๋ยประมาณวันที่ 5
6. พอครบ 14 วันเติมน้ำปุ๋ยเพิ่ม และเปลี่ยนกระบะใส่น้ำเป็นขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้รากยาว
7. พอครบ 3 สัปดาห์หรือ 21 วัน ต้นจะยาวประมาณ 10-12 นิ้ว แปลว่า ใกล้ตัดได้แล้ว ให้ถ่ายน้ำปุ๋ยออก และใส่น้ำสะอาดไว้ 3-5 วัน เพื่อล้างปุ๋ยตกค้างออกและตัดได้ทันที
โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนาม รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย ลวดหนาม
ruataewada:
ลวดหนาม มีกี่ประเภท
ลวดหนามมี 2 แบบ
ลวดหนาม ที่เราพอจะนึกออกและเคยเห็น มีอยู่ 2 ประเภทที่เห็นได้ชัดๆ คือ
ลวดหนามล้อมบ้านทั่วไป
ลวดหนามหีบเพลง
1. ลวดหนามล้อมบ้านทั่วไป
ลวดหนามประเภทนี้ก็คือลวดหนามล้อมที่ดิน ล้อมบ้าน ล้อมส้วน ล้อมที่ดินทั่วไปของเรานั่นเอง โดยมากจะแบ่ง ตามลักษณะของปมหนาม หรือ รูปแบบวิธี หรือ คุณภาพการพันนั่นเอง
1.1 ลักษณะของหนามปมลวดหนาม
ลวดหนามในปัจจุบัน มีรูปแบบการพันปมหนามอยู่ 2 แบบ คือ
1.1.1 การพันเกลียวหนามแบบธรรมดา (Conventional)
เป็นการพันเกลียวลวดหนามแบบเก่า มีโอกาสที่หนามจะหลุด หรือเกลียวหนามอาจคลายได้ในส่วนของตัวเส้นลวดจะมีการพันเกลียวแบบหลวมๆ ไม่แน่น มีโอกาสที่ติดตั้งแล้วจะทำให้ลวดหนามหย่อนในอนาคต ตัวอย่างมีให้เห็นตามทั่วไป (ตามรูปด้านล่าง)
ลวดหนามทั่วไป
ลวดหนามประเภทนี้เราผมเห็นกันได้มากตามพื้นที่ทั่วไป เส้นลวดมักมีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับลวดหนามประเภทอื่น แต่ค่อนข้างหาซื้อได้ง่าย ซึ่งมีข้อดีคือเป็นลวดหนามที่ราคาถูก มักขายเป็น ชั่งกิโลขาย ข้อเสียหนึ่ง คือเมื่อเป็นการชั่งกิโลขาย 5 กิโลบ้าง 10 กิโลบ้างจะ
ทำให้ความยาวลวดแต่ละม้วน จะไม่เท่ากันเป็นเหตุผลให้การทำงานยากมากขึ้น เนื่องจากการที่ต้องทำการต่อลวดหลายรอบ
อีกหนึ่งปัญหาที่พบเจอกับการล้อมรั้วลวดหนามคือ ขึ้นสนิมง่าย เพราะลวดหนามทั่วไป จะเป็นการชุบแบบไฟฟ้า (Electroplating) ซึ่งการชุบซิงค์แบบนี้ปริมาณซิงค์ที่ชุบค่อนข้างที่บางมาก ๆ ทำให้อายุการใช้งานของลวดหนามทั่วไปเกิดสนิมเร็ว ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
เริ่มขึ้นสนิมแล้ว หรือจะเป็นปัญหาล้อมรั้วลวดหนามทั่วไปจะขาดง่าย ขึงไม่ตึง หย่อน รวมถึงตัวเกลียวหนาม ที่ถักมาไม่แน่นทำให้เป็นสาเหตุของลวดหนามไม่ตึง และหย่อนง่าย ซึ่งถ้าสังเกตการล้อมรั้วลวดหนามทั่วไปที่ติดตั้งตามท้องตลาด ติดตั้งไปได้ 1-2 เดือน รั้วลวดหนามทั่วไปจะเริ่มหย่อนเป็นท้องช้าง ไม่สวยงาม
หรือเห็นรั้วลวดหนามขาดเป็นบางช่วง ทำให้เปลืองงบประมาณในการซื้อลวดหนามมาติดตั้งใหม่ เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าแรง
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version