เว็บประกาศฟรี > ลงประกาศ รวมเว็บประกาศฟรี
ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ มีกี่แบบ
ruataewada:
วิธีปลูกผักบุ้งง่าย ๆ มีพื้นที่น้อยก็ทำได้ !
ผักบุ้งเป็นผักสวนครัวที่นำมาประกอบอาหารได้หลายอย่าง อีกทั้งยังปลูกง่ายโตเร็ว แค่ไม่กี่อาทิตย์ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว วิธีปลูกนั้นก็ง่ายแสนง่าย สามารถปลูกได้ทั้งแบบเพาะเมล็ดและใช้รากปักชำ แต่วันนี้เรามีวิธีปลูกผักบุ้งแบบใหม่มาฝาก โดยวิธีนี้จะเป็นวิธีปลูกผักบุ้งแบบไม่ใช้เมล็ด สามารถปลูกได้แม้มีพื้นที่น้อย แบ่งออกเป็น 2 วิธีด้วยกันคือวิธีปลูกผักบุ้งแบบใช้ดินและวิธีปลูกผักบุ้งด้วยเม็ดดินเผา ถ้าอยากรู้ว่าวิธีปลูกผักบุ้งแต่ละวิธีมีความแตกต่างกับขั้นตอนการปลูกอย่างไรบ้าง ก็ตามไปชมพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
อุปกรณ์
- ผักบุ้งสดตัดราก 1 กำมือ
- ปุ๋ยหมักและปุ๋ยมูลไส้เดือน
- กากมะพร้าว
- กระถางสำหรับปลูกแบบมีรู
- จานรองกระถาง
- เม็ดดินเผาสำหรับปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์
- ถาดสำหรับการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ ก้นลึกประมาณ 5 นิ้ว
1. วิธีปลูกแบบใช้ดิน
1. นำต้นผักบุ้งไปแช่ในถังแล้วเติมน้ำลงไปประมาณ 2 ½-3 นิ้ว ทิ้งไว้ 4–5 วัน เพื่อรอให้รากงอก
2. นำปุ๋ยหมักและปุ๋ยมูลไส้เดือนผสมกับกากมะพร้าวผสมให้เข้ากัน แล้วตักใส่กระถางจนเกือบเต็ม
3. ใช้มือขุดดินตรงกลางกระถางออกให้เป็นหลุม แล้วนำต้นผักบุ้งมาวางพร้อมถมดินกลบหลุมปลูกจนเกือบเต็มกระถาง จากนั้นนำจานมารองก้นกระถางไว้เพื่อกักเก็บน้ำเอาไว้
2. วิธีปลูกด้วยเม็ดดินเผา
1. นำเม็ดดินเผาใส่ถาดปลูกเกลี่ยให้เต็มถาดแล้วเติมน้ำ ระดับน้ำไม่เต็มจนล้นหรือน้อยเกินไป
2. ปักผักบุ้งลงในถาดปลูกให้ลึกพอประมาณ เกลี่ยเม็ดดินเผากลบราก
3. หมั่นเปลี่ยนถ่ายน้ำอย่างสม่ำเสมอ
หลังจากนำลงปลูกทั้ง 2 วิธีแล้ว ให้หมั่นเด็ดใบผักบุ้งส่วนล่างที่เริ่มเหี่ยวทิ้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดใบใหม่ เพราะผักบุ้งเป็นผักที่ชอบน้ำ ฉะนั้นถ้าปลูกในกระถางควรหมั่นรดน้ำบ่อย ๆ อย่าปล่อยให้หน้าดินแห้ง และสำหรับผักบุ้งที่ปลูกด้วยวิธีไฮโดรโปนิกส์ให้หมั่นเปลี่ยนน้ำเพื่อให้ออกซิเจนหมุนเวียนไปสู่รากของผักบุ้ง และน้ำที่ใช้ต้องเป็นน้ำสะอาดนั้น ปลูกทิ้งไว้ประมาณ 2 อาทิตย์ แค่นี้ก็เก็บกินได้แล้วค่ะ
3. วิธีปลูกผักบุ้งในตะกร้า
อุปกรณ์
- ตะกร้ามีรูแบบโปร่งๆ 1 ใบ
- กระบะขนาดที่ซ้อนตะกร้าลงไปได้ 1 ใบ
- กาบมะพร้าวสับ
- น้ำปุ๋ยไฮโดร
- กระบะใหญ่
- เมล็ดผักบุ้ง
- น้ำสะอาด
วิธีปลูกแบบใช้เมล็ด
1. นำตะกร้าแบบมีรูมาวางซ้อนกันกับกระบะ
2. นำกาบมะพร้าวสับใส่ตะกร้าโดยให้มีความสูงประมาณ 3/4 นิ้ว
3. ใส่น้ำสะอาด ให้ความสูงของน้ำปริ่มกับกาบมะพร้าว
4. โรยเมล็ดผักบุ้งอย่าให้ติดกันจนเกินไป และนำฝาหรือภาชนะมาปิดด้านบน วางในที่ร่ม ไม่ต้องตากแดด
5. รากจะเริ่มโผล่ใน 2 วัน ในระหว่างนี้ควรสังเกตระดับน้ำ ถ้าลดลงให้เติมให้สูงเท่าเก่า ถ้าต้นเริ่มงอกแล้วก็ไม่ต้องปิดฝาแล้ว (ใบจะได้ไม่เหลือง) และเติมปุ๋ยประมาณวันที่ 5
6. พอครบ 14 วันเติมน้ำปุ๋ยเพิ่ม และเปลี่ยนกระบะใส่น้ำเป็นขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้รากยาว
7. พอครบ 3 สัปดาห์หรือ 21 วัน ต้นจะยาวประมาณ 10-12 นิ้ว แปลว่า ใกล้ตัดได้แล้ว ให้ถ่ายน้ำปุ๋ยออก และใส่น้ำสะอาดไว้ 3-5 วัน เพื่อล้างปุ๋ยตกค้างออกและตัดได้ทันที
โปรโมชั่นสำหรับคุณ รั้วตาข่าย ลวดหนาม
ruataewada:
ทำไมที่ดินถึงมีราคาสูงขึ้น
ที่ดินแปลงหนึ่งมีแค่ที่เดียว
นี่เรียกว่าเป็นจุดเด่นของที่ดินเลยก็ว่าได้ ที่ดินหนึ่งแห่งนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะในตัวมันเอง และมีเพียงชิ้นเดียว ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ หากอยากได้มาครอบครองก็ต้องซื้อต่อสถานเดียวครับ
จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
เมื่อประชากรมีจำนวนมากขึ้น ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้น ยิ่งในปัจจุบันคนต้องการมีพื้นที่ส่วนตัว และต้องการมีครอบครัวเดี่ยวด้วยแล้ว ราคาที่ดินจึงลดลงได้ยาก เมื่อ Demand กับ Supply มาเจอกัน ราคาที่ดินย่อมดีดตัวสูงขึ้น เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัดนั่นเองครับ
ความเจริญของเมือง
แน่นอนว่าเมื่อสังคมเมืองมีการขยายตัว มีห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้า และการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ราคาที่ดินในละแวกนั้นย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ยิ่งใกล้สถานที่ที่เป็นทำเลทองมากเท่าไร แปลว่าคนที่อาศัยอยู่บนที่ดินนั้นจะสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น ดังนั้น ที่ดินบริเวณนั้นจึงแพงและมิอาจประเมินราคาที่ดินได้เลย ส่วนมากคนที่ซื้อต่อจึงเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง
เงินเฟ้อ
ถึงแม้ว่ามูลค่าที่ดินจะเท่าเดิม หรือหยุดนิ่งไปบ้าง แต่ถ้าเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ราคาที่ดินย่อมมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ตามเศรษฐกิจโดยรวมนั่นเองครับ
ข้อสังเกต
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ราคาที่ดินมีราคาสูงขึ้นกว่ามูลค่าของมัน เป็นเพราะช่วงภาวะฟองสบู่ สังคมหันมาลงทุนซื้อที่ดิน สร้างอสังหาฯ เพื่อเก็งกำไร ซึ่งราคาที่ดินที่สูงเกินความเป็นจริง จริงๆ แล้วได้ผสมรวมกำไรที่คาดหวังในอนาคตด้วย ดังนั้น หากมีผู้ซื้อเพื่อเอาไว้ลงทุนในอนาคตมากเท่าไร ราคาที่ดินก็ยิ่งแพงหูฉี่มากเท่านั้นครับ
แต่ถ้าฟองสบู่แตก มูลค่าผสมรวมกำไรที่คาดหวังในอนาคตก็จะลดลงไปด้วย ราคาที่ดินก็อาจจะลดลงเท่ากับมูลค่าที่แท้จริงของมันครับ
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม
ruataewada:
ลวดหนาม คืออะไร?
ลวดหนาม
ลวดหนามเป็นอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเส้นลวดที่นำมาดัดเป็นเกลียว และมีปมหนามที่แหลมคม 3-4 แฉก เส้นลวดทำมาจากโลหะที่มีความแข็งแรงทนทาน
ลวดหนามนิยมนำมาใช้ในการล้อมพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ล้อมสวน ล้อมที่ดิน ล้อมโรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้คนและสัตว์เข้ามาบุกรุก รวมไปถึงใช้เป็นรั้วบอกเขตแดน
จุดกำเนิดของลวดหนามเริ่มขึ้นในสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1867 โดยนายโจเซฟ ฟราย ชาวอเมริกัน ซึ่งได้จดสิทธิบัตรลวดหนามชนิดแรกของโลก ลวดหนามในสมัยนั้นมีลักษณะเป็นเส้นลวดบาง ๆ พันด้วยหนามแหลมคม 2-4 แฉก
ลวดหนามได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นรั้วที่มีประสิทธิภาพสูง ราคาถูก และติดตั้งได้ง่าย
ปัจจุบัน ลวดหนามมีหลากหลายรูปแบบ มีทั้งลวดหนามแบบธรรมดา ลวดหนามแบบมีตาข่าย ลวดหนามแบบมีไฟฟ้า เป็นต้น
ประโยชน์ของลวดหนาม
ลวดหนามมีประโยชน์มากมาย ดังนี้
ใช้เป็นรั้วป้องกันความปลอดภัย
ใช้เป็นรั้วกั้นเขตแดน
ใช้เป็นรั้วล้อมสวนหรือที่ดิน
ใช้เป็นรั้วเลี้ยงปศุสัตว์
ใช้เป็นรั้วป้องกันสิ่งอันตรายจากผู้บุกรุก
ข้อควรระวังในการใช้ลวดหนาม
การใช้ลวดหนามควรระมัดระวังอันตรายจากหนามแหลมคม ซึ่งอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บได้ ควรติดตั้งลวดหนามให้ห่างจากตัวอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างอย่างน้อย 2 เมตร และไม่ควรปีนป่ายหรือสัมผัสกับลวดหนามโดยเด็ดขาด
สรุป
ลวดหนามเป็นอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพสูง ราคาถูก และติดตั้งได้ง่าย นิยมนำมาใช้ในการล้อมพื้นที่ต่าง ๆ เพื่อป้องกันการบุกรุกจากคนและสัตว์
ลวดหนาม ตาข่ายถัก
ruataewada:
ลวดหนาม มีกี่ประเภท
ลวดหนามมี 2 แบบ
ลวดหนาม ที่เราพอจะนึกออกและเคยเห็น มีอยู่ 2 ประเภทที่เห็นได้ชัดๆ คือ
ลวดหนามล้อมบ้านทั่วไป
ลวดหนามหีบเพลง
1. ลวดหนามล้อมบ้านทั่วไป
ลวดหนามประเภทนี้ก็คือลวดหนามล้อมที่ดิน ล้อมบ้าน ล้อมส้วน ล้อมที่ดินทั่วไปของเรานั่นเอง โดยมากจะแบ่ง ตามลักษณะของปมหนาม หรือ รูปแบบวิธี หรือ คุณภาพการพันนั่นเอง
1.1 ลักษณะของหนามปมลวดหนาม
ลวดหนามในปัจจุบัน มีรูปแบบการพันปมหนามอยู่ 2 แบบ คือ
1.1.1 การพันเกลียวหนามแบบธรรมดา (Conventional)
เป็นการพันเกลียวลวดหนามแบบเก่า มีโอกาสที่หนามจะหลุด หรือเกลียวหนามอาจคลายได้ในส่วนของตัวเส้นลวดจะมีการพันเกลียวแบบหลวมๆ ไม่แน่น มีโอกาสที่ติดตั้งแล้วจะทำให้ลวดหนามหย่อนในอนาคต ตัวอย่างมีให้เห็นตามทั่วไป (ตามรูปด้านล่าง)
ลวดหนามทั่วไป
ลวดหนามประเภทนี้เราผมเห็นกันได้มากตามพื้นที่ทั่วไป เส้นลวดมักมีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับลวดหนามประเภทอื่น แต่ค่อนข้างหาซื้อได้ง่าย ซึ่งมีข้อดีคือเป็นลวดหนามที่ราคาถูก มักขายเป็น ชั่งกิโลขาย ข้อเสียหนึ่ง คือเมื่อเป็นการชั่งกิโลขาย 5 กิโลบ้าง 10 กิโลบ้างจะ
ทำให้ความยาวลวดแต่ละม้วน จะไม่เท่ากันเป็นเหตุผลให้การทำงานยากมากขึ้น เนื่องจากการที่ต้องทำการต่อลวดหลายรอบ
อีกหนึ่งปัญหาที่พบเจอกับการล้อมรั้วลวดหนามคือ ขึ้นสนิมง่าย เพราะลวดหนามทั่วไป จะเป็นการชุบแบบไฟฟ้า (Electroplating) ซึ่งการชุบซิงค์แบบนี้ปริมาณซิงค์ที่ชุบค่อนข้างที่บางมาก ๆ ทำให้อายุการใช้งานของลวดหนามทั่วไปเกิดสนิมเร็ว ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
เริ่มขึ้นสนิมแล้ว หรือจะเป็นปัญหาล้อมรั้วลวดหนามทั่วไปจะขาดง่าย ขึงไม่ตึง หย่อน รวมถึงตัวเกลียวหนาม ที่ถักมาไม่แน่นทำให้เป็นสาเหตุของลวดหนามไม่ตึง และหย่อนง่าย ซึ่งถ้าสังเกตการล้อมรั้วลวดหนามทั่วไปที่ติดตั้งตามท้องตลาด ติดตั้งไปได้ 1-2 เดือน รั้วลวดหนามทั่วไปจะเริ่มหย่อนเป็นท้องช้าง ไม่สวยงาม
หรือเห็นรั้วลวดหนามขาดเป็นบางช่วง ทำให้เปลืองงบประมาณในการซื้อลวดหนามมาติดตั้งใหม่ เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าแรง
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
ruataewada:
**พันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยง**
การเลี้ยงปลาเป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมของคนทุกเพศทุกวัย เนื่องจากเป็นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลิน ผ่อนคลาย และยังสามารถเป็นแหล่งอาหารที่ดีอีกด้วย การเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยงนั้น จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
* **วัตถุประสงค์ในการเลี้ยง** ว่าต้องการเลี้ยงปลาเพื่อความสวยงาม เพื่อการบริโภค หรือเพื่อการศึกษา
* **ขนาดของสระเลี้ยง** หากเลี้ยงในสระขนาดใหญ่ ก็สามารถเลี้ยงปลาที่มีขนาดใหญ่ได้ หากเลี้ยงในสระขนาดเล็ก ควรเลี้ยงปลาที่มีขนาดเล็ก
* **อุณหภูมิของน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์จะทนต่ออุณหภูมิของน้ำที่แตกต่างกัน
* **ปริมาณออกซิเจนในน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์ต้องการปริมาณออกซิเจนในน้ำที่แตกต่างกัน
* **ความเค็มของน้ำ** ปลาแต่ละสายพันธุ์ต้องการความเค็มของน้ำที่แตกต่างกัน
* **พฤติกรรมของปลา** ปลาแต่ละสายพันธุ์มีพฤติกรรมที่แตกต่างกัน เช่น ปลาบางชนิดชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง ปลาบางชนิดชอบอยู่ตามลำพัง
**พันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยง**
พันธุ์ปลาที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยมีมากมาย ดังนี้
* **ปลาสวยงาม** เช่น ปลาทอง ปลาหางนกยูง ปลาสอด ปลาหมอสี ปลากัด เป็นต้น
* **ปลาเศรษฐกิจ** เช่น ปลานิล ปลาดุก ปลาตะเพียน ปลาช่อน เป็นต้น
* **ปลาอื่น ๆ** เช่น ปลากะพง ปลาเก๋า ปลาหมอทะเล เป็นต้น
**ตัวอย่างพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยง**
* **ปลาทอง** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาหางนกยูง** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาสอด** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดเล็ก
* **ปลาหมอสี** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในสระขนาดใหญ่
* **ปลากัด** เป็นปลาที่เลี้ยงง่าย ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เหมาะสำหรับการเลี้ยงในภาชนะขนาดเล็ก
**ข้อควรระวังในการเลี้ยงปลา**
* ควรหมั่นทำความสะอาดสระเลี้ยงปลาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของสิ่งสกปรกที่อาจทำให้เกิดโรคในปลา
* ควรให้อาหารปลาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป
* ควรสังเกตพฤติกรรมของปลา หากพบปลาที่มีอาการผิดปกติ ควรรีบแยกเลี้ยงและรักษา
การเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะเลี้ยงนั้น มีความสำคัญต่อความสำเร็จในการเลี้ยงปลา หากเลือกพันธุ์ปลาที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และวัตถุประสงค์ในการเลี้ยง จะช่วยให้ปลาเจริญเติบโตได้ดีและลดความเสี่ยงในการเกิดโรค
โปรโมชั่นสำหรับคุณ ลวดหนาม รั้วลวดหนาม
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version