ประกาศฟรี โพส SEO > โปรโมทเพจร้านค้า

เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด เริ่มวันนี้ เกษตรกร เช็คสิทธิ์-วิธี ด่วน!

<< < (22/27) > >>

ruataewada:
**เลี้ยงปลานิล ปลาเศรษฐกิจที่เลี้ยงง่าย รายได้งาม**

ปลานิลเป็นปลาน้ำจืดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยมีผลผลิตต่อปีเฉลี่ย 200,000-250,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าทางการผลิตกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามีมูลค่าสูงสุดในกลุ่มสัตว์น้ำจืดทั้งหมด ปลานิลเป็นปลาที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว ทนทานต่อสภาพอากาศและโรคภัยไข้เจ็บ จึงเหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นอาชีพหรือเพื่อบริโภคในครอบครัว

**วิธีการเลี้ยงปลานิล**

การเลี้ยงปลานิลสามารถทำได้หลายวิธี ที่นิยมกัน ได้แก่

* **การเลี้ยงในบ่อดิน** เป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด สามารถทำได้ในพื้นที่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก บ่อดินที่ใช้เลี้ยงปลานิลควรมีขนาดกว้างอย่างน้อย 1 เมตร และลึกอย่างน้อย 2 เมตร บ่อดินควรระบายน้ำได้ดี เพื่อป้องกันการสะสมของตะกอน
* **การเลี้ยงในกระชัง** เป็นวิธีที่สะดวกและประหยัดพื้นที่ สามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อน้ำธรรมชาติและบ่อน้ำขุด กระชังที่ใช้เลี้ยงปลานิลควรมีขนาดกว้างอย่างน้อย 2 เมตร และลึกอย่างน้อย 1 เมตร
* **การเลี้ยงในระบบปิด** เป็นวิธีที่ทันสมัยและสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมได้ง่าย ระบบปิดที่ใช้เลี้ยงปลานิล ได้แก่ ระบบบ่อกรอง ระบบบ่อวนน้ำ ระบบบ่อไหลเวียน เป็นต้น

**ปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงปลานิล**

ปัจจัยสำคัญในการเลี้ยงปลานิล ได้แก่

* **พันธุ์ปลา** ควรเลือกพันธุ์ปลานิลที่แข็งแรง ทนทานต่อโรคภัยไข้เจ็บ
* **น้ำ** น้ำที่ใช้เลี้ยงปลานิลควรสะอาด มีปริมาณออกซิเจนเพียงพอ
* **อาหาร** ควรให้อาหารปลานิลอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ
* **การจัดการโรคและศัตรูพืช** ควรหมั่นตรวจดูปลาเป็นประจำ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคและศัตรูพืช

**การเก็บเกี่ยวปลานิล**

ปลานิลสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อมีอายุประมาณ 6-7 เดือน หรือเมื่อมีน้ำหนักประมาณ 500-700 กรัม ปลานิลสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายเมนู เช่น ปลานิลทอด ปลานิลผัดฉ่า ปลานิลต้มยำ เป็นต้น

**ข้อดีของการเลี้ยงปลานิล**

การเลี้ยงปลานิลมีข้อดีหลายประการ ดังนี้

* **เป็นอาชีพที่สร้างรายได้ที่ดี**
* **เป็นอาชีพที่ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก**
* **เป็นอาชีพที่สามารถทำได้ทั้งครอบครัว**
* **เป็นอาชีพที่ไม่ต้องมีความรู้หรือประสบการณ์มาก**

**สรุป**

การเลี้ยงปลานิลเป็นอาชีพที่น่าสนใจและสามารถสร้างรายได้ที่ดีให้กับเกษตรกร ผู้ที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงปลานิลเพิ่มเติม เพื่อนำไปประกอบอาชีพหรือเพื่อบริโภคในครอบครัว

ตะแกรงเหล็ก
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

ruataewada:


ใช้ที่ดินเพื่อประกอบการเกษตร ปลูกแค่ 1 ไร่ก็ทำได้ จ่ายภาษีเพียง 0.01%
ประกาศกระทรวงการคลังและกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเรื่องหลักเกณฑ์การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ได้กำหนดอัตราขั้นต่ำของจำนวนไม้ต้น ไม้ผล ต่อพื้นที่ปลูก 1 ไร่ จึงจะสามารถเรียกว่าใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมได้และจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพียง 0.01% เท่านั้น แต่หากปล่อยให้รกร้างหรือใช้ประโยชน์ด้านอื่นจะต้องจ่ายภาษีในอัตรา 0.30% ซึ่งมากกว่าภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรถึง 30 เท่า
หลายคนจึงหันมาเปลี่ยนที่ดินเปล่า เพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม ซึ่งที่ง่ายที่สุดและเห็นกันเกลื่อนตาคือการปลูกกล้วย ปลูกมะพร้าว แต่รู้หรือไม่ยังมีไม้ผลอีกหลายชนิดที่สามารถปลูกในที่ดินเพื่อประกอบการเกษตรได้

•อัปเดตอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
การใช้ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างตามความหมายของคำว่า “ประกอบการเกษตร” ในระเบียบคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการขึ้นทะเบียนเกษตรกร พ.ศ. 2560 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภค จำหน่าย หรือใช้งานในฟาร์ม แต่ไม่รวมถึงการทำการประมงและการทอผ้า การใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรยังหมายความรวมถึงที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ต่อเนื่องที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมนั้นด้วย

การกำหนดอัตราภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตั้งแต่ปีภาษี 2565-2566 โดยคงอัตราภาษีแบบเดิมเช่นเดียวกับปีภาษี 2563 และ 2564 มีสาระสำคัญ ดังนี้

ที่ดินเพื่อการประกอบเกษตรกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.01-0.1%
ที่อยู่อาศัย แบ่งเป็น
2.1 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 50 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 50 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.03-0.1%
2.2 บ้านหลังหลัก เป็นเจ้าของเฉพาะสิ่งปลูกสร้าง และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน มูลค่าทรัพย์สินไม่เกิน 10 ล้านบาท ได้รับการยกเว้นภาษี มูลค่า 10 ล้านบาทขึ้นไป อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
2.3 บ้านหลังอื่น ๆ อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.02-0.1%
การใช้ประโยชน์อื่น หรือใช้เชิงพาณิชย์ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ร้านอาหาร พาณิชยกรรม อุตสาหกรรม อัตราภาษีที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ อัตราภาษีที่ดินว่างเปล่าที่จัดเก็บในปัจจุบันอยู่ที่ 0.3-0.7%
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม

ruataewada:
**สนิม**

สนิม เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่าง ออกซิเจนและธาตุเหล็ก เกิดเป็นรอยของการเกิดการผุกร่อน เป็น Corrosion ประเภทหนึ่งซึ่งมักเกิดกับโลหะจำพวกเหล็ก

การเกิดสนิมสามารถอธิบายได้ดังนี้

* **ปัจจัยทางเคมี** เหล็กเป็นโลหะที่มีอิเล็กโทรดศักย์ต่ำ เมื่อสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ เหล็กจะสูญเสียอิเล็กตรอนให้กับออกซิเจน เกิดเป็นสารประกอบออกไซด์ของเหล็กที่เรียกว่า สนิม

* **ปัจจัยทางกายภาพ** ความชื้นในอากาศ น้ำฝน และน้ำใต้ดิน เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาการเกิดสนิม

* **ปัจจัยทางสภาพแวดล้อม** อุณหภูมิที่สูง จะทำให้ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเกิดขึ้นเร็วขึ้น

สนิมเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกับโลหะจำพวกเหล็ก ทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของโลหะและทำให้อายุการใช้งานของโลหะลดลง

วิธีป้องกันสนิมสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

* **การเคลือบผิวโลหะ** ด้วยสารเคลือบผิว เช่น อีพ็อกซี่ โพลียูรีเทน หรือสีทาบ้าน จะช่วยป้องกันไม่ให้ออกซิเจนสัมผัสกับเหล็กได้โดยตรง

* **การชุบโลหะ** ด้วยสารกันสนิม เช่น สังกะสี โครเมียม หรือนิกเกิล จะช่วยป้องกันไม่ให้ออกซิเจนสัมผัสกับเหล็กได้โดยตรง

* **การบำรุงรักษาโลหะ** โดยหมั่นทำความสะอาดโลหะและทาสีซ้ำเมื่อสีเดิมเสื่อมสภาพ

หากพบสนิมบนโลหะ ควรรีบกำจัดสนิมออกโดยเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้สนิมลุกลามไปทำลายเนื้อโลหะ

วิธีกำจัดสนิมสามารถทำได้หลายวิธี เช่น

* **การใช้สารเคมี** เช่น น้ำยากัดสนิม หรือน้ำยาขัดสนิม

* **การใช้ความร้อน** เช่น การเชื่อม การเผา หรือการใช้เครื่องเจียร

* **การใช้วิธีทางกายภาพ** เช่น การขัด การถู หรือการใช้แปรงลวด

การเลือกใช้วิธีกำจัดสนิมที่เหมาะสม ควรพิจารณาจากชนิดของสนิม สภาพของโลหะ และสภาพแวดล้อม
ตะแกรงเหล็ก
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

ruataewada:
ทำไมที่ดินถึงมีราคาสูงขึ้น



ที่ดินแปลงหนึ่งมีแค่ที่เดียว
นี่เรียกว่าเป็นจุดเด่นของที่ดินเลยก็ว่าได้ ที่ดินหนึ่งแห่งนั้นมีคุณสมบัติเฉพาะในตัวมันเอง และมีเพียงชิ้นเดียว ไม่สามารถผลิตเพิ่มได้ หากอยากได้มาครอบครองก็ต้องซื้อต่อสถานเดียวครับ

จำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น
เมื่อประชากรมีจำนวนมากขึ้น ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยก็เพิ่มขึ้น ยิ่งในปัจจุบันคนต้องการมีพื้นที่ส่วนตัว และต้องการมีครอบครัวเดี่ยวด้วยแล้ว ราคาที่ดินจึงลดลงได้ยาก เมื่อ Demand กับ Supply มาเจอกัน ราคาที่ดินย่อมดีดตัวสูงขึ้น เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัดนั่นเองครับ

ความเจริญของเมือง
แน่นอนว่าเมื่อสังคมเมืองมีการขยายตัว มีห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้า และการขนส่งสาธารณะที่สะดวกสบาย ราคาที่ดินในละแวกนั้นย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย ยิ่งใกล้สถานที่ที่เป็นทำเลทองมากเท่าไร แปลว่าคนที่อาศัยอยู่บนที่ดินนั้นจะสะดวกสบายในการใช้ชีวิตมากขึ้น ดังนั้น ที่ดินบริเวณนั้นจึงแพงและมิอาจประเมินราคาที่ดินได้เลย ส่วนมากคนที่ซื้อต่อจึงเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์นั่นเอง

เงินเฟ้อ
ถึงแม้ว่ามูลค่าที่ดินจะเท่าเดิม หรือหยุดนิ่งไปบ้าง แต่ถ้าเกิดปัญหาเงินเฟ้อ ราคาที่ดินย่อมมีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย ตามเศรษฐกิจโดยรวมนั่นเองครับ

ข้อสังเกต
อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ราคาที่ดินมีราคาสูงขึ้นกว่ามูลค่าของมัน เป็นเพราะช่วงภาวะฟองสบู่ สังคมหันมาลงทุนซื้อที่ดิน สร้างอสังหาฯ เพื่อเก็งกำไร ซึ่งราคาที่ดินที่สูงเกินความเป็นจริง จริงๆ แล้วได้ผสมรวมกำไรที่คาดหวังในอนาคตด้วย ดังนั้น หากมีผู้ซื้อเพื่อเอาไว้ลงทุนในอนาคตมากเท่าไร ราคาที่ดินก็ยิ่งแพงหูฉี่มากเท่านั้นครับ
แต่ถ้าฟองสบู่แตก มูลค่าผสมรวมกำไรที่คาดหวังในอนาคตก็จะลดลงไปด้วย ราคาที่ดินก็อาจจะลดลงเท่ากับมูลค่าที่แท้จริงของมันครับ
ตะแกรงเหล็ก
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

ruataewada:
ลวดหนาม มีกี่ประเภท

ลวดหนามมี 2 แบบ
ลวดหนาม ที่เราพอจะนึกออกและเคยเห็น มีอยู่ 2 ประเภทที่เห็นได้ชัดๆ คือ

ลวดหนามล้อมบ้านทั่วไป
ลวดหนามหีบเพลง
1. ลวดหนามล้อมบ้านทั่วไป
ลวดหนามประเภทนี้ก็คือลวดหนามล้อมที่ดิน ล้อมบ้าน ล้อมส้วน ล้อมที่ดินทั่วไปของเรานั่นเอง โดยมากจะแบ่ง ตามลักษณะของปมหนาม หรือ รูปแบบวิธี หรือ คุณภาพการพันนั่นเอง

  1.1 ลักษณะของหนามปมลวดหนาม
ลวดหนามในปัจจุบัน มีรูปแบบการพันปมหนามอยู่ 2 แบบ คือ

1.1.1 การพันเกลียวหนามแบบธรรมดา (Conventional)
เป็นการพันเกลียวลวดหนามแบบเก่า มีโอกาสที่หนามจะหลุด หรือเกลียวหนามอาจคลายได้ในส่วนของตัวเส้นลวดจะมีการพันเกลียวแบบหลวมๆ ไม่แน่น มีโอกาสที่ติดตั้งแล้วจะทำให้ลวดหนามหย่อนในอนาคต ตัวอย่างมีให้เห็นตามทั่วไป (ตามรูปด้านล่าง)
ลวดหนามทั่วไป

ลวดหนามประเภทนี้เราผมเห็นกันได้มากตามพื้นที่ทั่วไป เส้นลวดมักมีขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับลวดหนามประเภทอื่น แต่ค่อนข้างหาซื้อได้ง่าย ซึ่งมีข้อดีคือเป็นลวดหนามที่ราคาถูก มักขายเป็น ชั่งกิโลขาย ข้อเสียหนึ่ง คือเมื่อเป็นการชั่งกิโลขาย 5 กิโลบ้าง 10 กิโลบ้างจะ
 ทำให้ความยาวลวดแต่ละม้วน จะไม่เท่ากันเป็นเหตุผลให้การทำงานยากมากขึ้น เนื่องจากการที่ต้องทำการต่อลวดหลายรอบ

อีกหนึ่งปัญหาที่พบเจอกับการล้อมรั้วลวดหนามคือ ขึ้นสนิมง่าย เพราะลวดหนามทั่วไป จะเป็นการชุบแบบไฟฟ้า (Electroplating) ซึ่งการชุบซิงค์แบบนี้ปริมาณซิงค์ที่ชุบค่อนข้างที่บางมาก ๆ ทำให้อายุการใช้งานของลวดหนามทั่วไปเกิดสนิมเร็ว ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี
เริ่มขึ้นสนิมแล้ว หรือจะเป็นปัญหาล้อมรั้วลวดหนามทั่วไปจะขาดง่าย  ขึงไม่ตึง หย่อน  รวมถึงตัวเกลียวหนาม ที่ถักมาไม่แน่นทำให้เป็นสาเหตุของลวดหนามไม่ตึง และหย่อนง่าย ซึ่งถ้าสังเกตการล้อมรั้วลวดหนามทั่วไปที่ติดตั้งตามท้องตลาด ติดตั้งไปได้ 1-2 เดือน รั้วลวดหนามทั่วไปจะเริ่มหย่อนเป็นท้องช้าง ไม่สวยงาม
หรือเห็นรั้วลวดหนามขาดเป็นบางช่วง  ทำให้เปลืองงบประมาณในการซื้อลวดหนามมาติดตั้งใหม่ เสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าแรง

ตะแกรงเหล็ก
ลวดหนาม
รั้วลวดหนาม
รั้วตาข่าย
ลวดหนามกันสนิม

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version