แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 60
1
motor expo 2024: Ford เผยวิวัฒนาการความแข็งแกร่งของ Ranger ที่ทำให้เป็นรถระดับตำนาน

ฟอร์ด เรนเจอร์ เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) โดยมีหัวใจสำคัญคือการเป็นรถที่แข็งแกร่งตามแบบฉบับของฟอร์ดในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมสมรรถนะที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นับเป็นเวลากว่า 40 ปี ที่ฟอร์ด เรนเจอร์ ได้รับความนิยมและครองรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย โดยปัจจุบัน ฟอร์ด เรนเจอร์ มีจำหน่ายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก
 


ประวัติศาสตร์รถบรรทุกของฟอร์ด
ฟอร์ดผลิตรถบรรทุกมานานกว่า 100 ปี โดยเริ่มจากการเปิดตัวรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กในช่วงต้นปี พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) และเข้าสู่ธุรกิจรถบรรทุกอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) ด้วยรถโมเดล ทีที (Model TT) ที่มีโครงรถและเพลาล้อหลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับรถโมเดล ที (Model T) จึงทำให้รองรับน้ำหนักได้ถึง 1 ตัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการผลิตรถยนต์ที่น่าเชื่อถือซึ่งได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานหนัก ตามแนวคิด Built stronger to last longer
 

 
วิวัฒนาการของรถกระบะ
ในกลางปี พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) ฮูเบิร์ท เฟรนช์ กรรมการผู้จัดการของฟอร์ด ออสเตรเลีย ในขณะนั้น ได้รับจดหมายจากชาวนาสามีภรรยาคู่หนึ่งว่าตนไม่มีกำลังพอที่จะซื้อทั้งรถเพื่อใช้โดยสารและรถสำหรับบรรทุกของได้ จึงอยากได้รถคันเดียวที่ทำได้ทั้งหมด เขาจึงได้ให้นักออกแบบนามว่า ลูอิส แบนด์ท ออกแบบรถโดยสารที่บรรทุกสัมภาระหนักได้ด้วย รถกระบะฟอร์ดจึงถือกำเนิดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

การออกแบบของแบนด์ทแตกต่างจากรถกระบะทั่วไปในสมัยนั้นที่ตัวแค็บเป็นไม้ กระบะท้ายเป็นเหล็ก โดยเขาสร้างรถเป็นแบบคูเป้ (2 ที่นั่ง ตัวแค็บทำจากเหล็ก หน้าต่างทำจากกระจก) ติดตั้งกระบะท้ายทำจากเหล็ก และออกแบบให้ตัวแค็บและกระบะท้ายมีความต่อเนื่องเป็นคันเดียวกัน เพิ่มพื้นที่บรรทุกมากขึ้น รถคันแรกได้ออกจากสายการผลิตในปี พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) และจำหน่ายไปกว่า 22,000 คันในระหว่างปี พ.ศ. 2483 – 2497 (ค.ศ. 1940-1954)
 
รถกระบะฟอร์ดรุ่นต้นแบบที่ออกแบบโดยแบนด์ท กลายเป็นคอนเซ็ปต์ที่ส่งต่อไปผลิตทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเป็นรากฐานสำคัญให้รถตระกูลฟอลคอน ถึง 7 รุ่น ตลอดช่วงปี พ.ศ. 2504–2559 (ค.ศ. 1961-2016) รถตระกูลแบนแทมในประเทศแอฟริกาใต้ รวมถึงในประเทศสหรัฐอเมริกายังมีการนำการออกแบบคอนเซ็ปต์นี้ไปใช้ในรถตระกูลมาเวอริคอีกด้วย คำว่า ยูท (ute) ที่แบนด์ทใช้เรียกนวัตกรรมของเขายังมีอิทธิพลให้ผู้คนในออสเตรเลียนำไปใช้ในความหมายเดียวกับรถกระบะ (Pickup) นับแต่นั้นเป็นต้นมา
 


กำเนิดฟอร์ด เรนเจอร์ ในสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2525 หรือ ค.ศ.1982)
ก่อนหน้านี้ เรนเจอร์ เคยเป็นหนึ่งในรถรุ่นย่อยของฟอร์ด เอฟ ซีรี่ส์ ในปี พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) และฟอร์ด บรองโก ในปี พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972)มาก่อน ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) ฟอร์ด เรนเจอร์ คันแรกเปิดตัวสู่สาธารณะที่งานซีราคิวส์ ออโตโชว์ โดยนับเป็นรุ่นปี 1983 แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่มีพื้นที่รองรับโดยสารได้ถึง 3 คนและรับน้ำหนักบรรทุกได้ 1,600 ปอนด์ (ประมาณ 725 กก.) พร้อมส่งมอบขุมพลังระดับตำนานของฟอร์ดและการประหยัดน้ำมัน โดยเพียง 5 วันให้หลัง รถคันแรกได้ออกจากสายการผลิตที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้
 
 
ฟอร์ด เรนเจอร์กลายเป็นรถกระบะขนาดเล็กที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 10 ปีติดต่อกัน  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 - 2539 (ค.ศ. 1987-1996) นอกจากนี้ ยังสร้างชื่อเสียงได้อย่างถล่มทลายในการแข่งขันออฟโรด SCORE ถึงสี่ฤดูกาลติดต่อกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 - 2530 (ค.ศ. 1984-1987) รวมถึงสร้างความสำเร็จให้กับทีม Rough Riders ของฟอร์ดในปี พ.ศ. 2534 – 2538 (ค.ศ. 1991-1995)

 
การเติบโตระดับโลกของฟอร์ด เรนเจอร์ (พ.ศ. 2541 หรือ ค.ศ. 1998)
ตัวอักษร Ranger ปรากฏครั้งแรกบนรถกระบะที่จำหน่ายในยุโรปและเอเชียในปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) โดยมาแทนที่รุ่นคูริเออร์ที่เป็นหน้าเป็นตาของรถกระบะฟอร์ดในภูมิภาคนี้มากว่า 30 ปี เรนเจอร์เปิดตัวด้วยกระบะแค็บ 3 รูปแบบ ตัวเลือกฐานล้อ 2 แบบ และมาในเครื่องยนต์และแรงบิดที่ทรงพลังให้เลือก ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ผลิตขึ้นในโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) จังหวัดระยอง
 
 
ถือกำเนิดฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค (พ.ศ. 2548 หรือ ค.ศ. 2005)
ไวลด์แทรค เป็นรุ่นย่อยของรถกระบะตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้รถทั้งสำหรับทำงาน และพักผ่อน ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค สร้างมาเพื่อสะท้อนความแกร่ง ด้วยล้อที่ใหญ่ขึ้น สปอร์ตบาร์อันเป็นเอกลักษณ์ ราวกระบะท้าย ราวหลังคา และบันไดข้าง ซึ่งยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบไวลด์แทรคมาจนถึงทุกวันนี้

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 2 (พ.ศ. 2549 หรือ ค.ศ. 2006)
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 2 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งด้านประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือด้วยการออกแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลคอมเมนเรล 2 แบบ ฟอร์ดจึงยุติการทำตลาดโมเดลคูริเออร์ในออสเตรเลียและเอเชีย และหันมาปรับโฉมฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีกในปี พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) ด้วยการออกแบบกระจังหน้าลายสามแถบแบบใหม่ และส่งรุ่นย่อยไวลด์แทรคไปจำหน่ายในประเทศอื่นๆ มากขึ้น รวมถึงประเทศไทย
 

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 3 (พ.ศ. 2554 หรือ ค.ศ. 2011)
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 3 ที่พัฒนาในประเทศออสเตรเลีย เปิดตัวในงานแสดงรถยนต์นานาชาติออสเตรเลีย 2010 ที่ซิดนีย์ โดยรวมคุณสมบัติของรถกระบะขนาดกลางที่ใช้กันทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน และนับว่าเป็นกระบะขนาดกลางที่ทรงพลังที่สุดที่ฟอร์ดเคยผลิตมา โดยมีโรงงานผลิตอยู่ที่จังหวัดระยอง ประเทศไทย และเมืองซิลเวอร์ตัน ประเทศแอฟริกาใต้ โดยจัดจำหน่ายไปยังกว่า 180 ประเทศ

 
การปรับโฉมของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 3 (พ.ศ. 2558 หรือ ค.ศ. 2015)
ฟอร์ดได้ปรับโฉมเรนเจอร์อีกครั้ง โดยมีจุดเด่นที่กระจังหน้าแถบเดียวทรงรีที่แทนกระจังหน้าสามแถบทรงเหลี่ยม ภายในออกแบบใหม่ด้วยแผงหน้าปัดที่ดุดันขึ้นโดยมีหน้าจอ SYNC ติดตั้งไว้ตรงกลาง อีกทั้งฟอร์ดยังเพิ่มฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีในรถรุ่นอื่นในเซ็กเมนต์ เช่น ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ และระบบช่วยจอดทั้งหน้าและหลัง
 
ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม)
ฟอร์ดเปิดโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ในปี พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) และเริ่มผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั่วโลกในเวลาต่อมา

 
การเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ (พ.ศ. 2561 หรือ ค.ศ. 2018)
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสมรรถนะสูงดีเอ็นเอฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เผยโฉมเป็นครั้งแรกโดยใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ และระบบกันสะเทือนด้วยโช้คอัพ FOX ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษเพื่อการใช้งานแบบออฟโรด สร้างความคึกคักให้กับทั้งลูกค้าและสื่อมวลชน
 

ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ (พ.ศ. 2565 หรือ ค.ศ. 2022)
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 4 ได้เผยโฉมพร้อมกันทั่วโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ในรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมด ภายใต้แนวทางการออกแบบที่มุ่งเน้นผู้ใช้งานเป็นหลัก ก้าวข้ามขีดจำกัดของการออกแบบภายนอกแบบเดิมๆ ด้วยกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ไฟหน้าใหม่รูปตัว C และบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย โดยมาเปิดตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) พร้อมกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งมีการออกแบบกระจังหน้าและไฟหน้าเหมือนกับเรนเจอร์ พร้อมนำเสนอเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 และโช้คอัพ FOX แบบไลฟ์ วาล์ว ยกระดับสมรรถนะด้านออฟโรดให้เหนือมาตรฐานสำหรับผู้หลงใหลการขับขี่ออฟโรดตัวจริง
 

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คว้าชัยชนะในการแข่งขันบาฮา 1000 (พ.ศ. 2565 หรือ ค.ศ. 2022)
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ได้สร้างผลงานแทบไร้ที่ติในการแข่งขันออฟโรดครอสคันทรีสุดโหด SCORE-International Baja 1000 ที่จัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโกไปจนถึงเมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย รถกระบะสมรรถนะสูงคันนี้ถูกปรับแต่งสำหรับการแข่งขันในออสเตรเลียโดยทีม Kelly Racing รวมถึงทดสอบและปรับปรุงโดยทีม Lovell Racing และ Huseman Engineering ในสหรัฐอเมริกา
 

เรนเจอร์ยังคงพัฒนาต่อไป (พ.ศ. 2566 หรือ ค.ศ. 2023)
ฟอร์ดยังคงนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ในเรนเจอร์อย่างต่อเนื่องทั่วโลกรวมถึงในไทย โดยการสร้างปรากฏการณ์ขึ้นอีกครั้งด้วยฟอร์ด เรนเจอร์ สตอร์มแทร็ค นำเสนอนวัตกรรมที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในเรนเจอร์อย่างราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ๆ ในรถกระบะได้สนุกยิ่งขึ้น

 
เรนเจอร์ ไวลด์แทรค พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 (พ.ศ. 2567 หรือ ค.ศ. 2024)
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) ฟอร์ดยกระดับมาตรฐานเซ็กเมนต์รถกระบะอีกครั้งในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค วี 6 รถกระบะรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ แกร่งไปอีกขั้นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ที่ได้รับความนิยมมายาวนานในต่างประเทศ มีความเสถียรและทนทาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังและแรงบิดมากขึ้นสำหรับการลากจูงและการขับขี่แบบออฟโรด

หมายเหตุ: ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการออกแบบ และพัฒนาในประเทศออสเตรเลีย ผลิตที่โรงงานฟอร์ด 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) รวมถึงในโรงงานที่เมืองซิลเวอร์ตัน พริทอเรีย (ฟอร์ด แอฟริกาใต้) และจัดจำหน่ายไปยังกว่า 180 ประเทศ

2
motor expo 2024: Ford เผยวิวัฒนาการความแข็งแกร่งของ Ranger ที่ทำให้เป็นรถระดับตำนาน

ฟอร์ด เรนเจอร์ เปิดตัวครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) โดยมีหัวใจสำคัญคือการเป็นรถที่แข็งแกร่งตามแบบฉบับของฟอร์ดในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมสมรรถนะที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า นับเป็นเวลากว่า 40 ปี ที่ฟอร์ด เรนเจอร์ ได้รับความนิยมและครองรางวัลระดับโลกมาแล้วมากมาย โดยปัจจุบัน ฟอร์ด เรนเจอร์ มีจำหน่ายในกว่า 180 ประเทศทั่วโลก
 


ประวัติศาสตร์รถบรรทุกของฟอร์ด
ฟอร์ดผลิตรถบรรทุกมานานกว่า 100 ปี โดยเริ่มจากการเปิดตัวรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กในช่วงต้นปี พ.ศ. 2448 (ค.ศ. 1905) และเข้าสู่ธุรกิจรถบรรทุกอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2460 (ค.ศ. 1917) ด้วยรถโมเดล ทีที (Model TT) ที่มีโครงรถและเพลาล้อหลังที่แข็งแกร่งมากขึ้นเมื่อเทียบกับรถโมเดล ที (Model T) จึงทำให้รองรับน้ำหนักได้ถึง 1 ตัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการผลิตรถยนต์ที่น่าเชื่อถือซึ่งได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อการใช้งานหนัก ตามแนวคิด Built stronger to last longer
 

 
วิวัฒนาการของรถกระบะ
ในกลางปี พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) ฮูเบิร์ท เฟรนช์ กรรมการผู้จัดการของฟอร์ด ออสเตรเลีย ในขณะนั้น ได้รับจดหมายจากชาวนาสามีภรรยาคู่หนึ่งว่าตนไม่มีกำลังพอที่จะซื้อทั้งรถเพื่อใช้โดยสารและรถสำหรับบรรทุกของได้ จึงอยากได้รถคันเดียวที่ทำได้ทั้งหมด เขาจึงได้ให้นักออกแบบนามว่า ลูอิส แบนด์ท ออกแบบรถโดยสารที่บรรทุกสัมภาระหนักได้ด้วย รถกระบะฟอร์ดจึงถือกำเนิดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

การออกแบบของแบนด์ทแตกต่างจากรถกระบะทั่วไปในสมัยนั้นที่ตัวแค็บเป็นไม้ กระบะท้ายเป็นเหล็ก โดยเขาสร้างรถเป็นแบบคูเป้ (2 ที่นั่ง ตัวแค็บทำจากเหล็ก หน้าต่างทำจากกระจก) ติดตั้งกระบะท้ายทำจากเหล็ก และออกแบบให้ตัวแค็บและกระบะท้ายมีความต่อเนื่องเป็นคันเดียวกัน เพิ่มพื้นที่บรรทุกมากขึ้น รถคันแรกได้ออกจากสายการผลิตในปี พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934) และจำหน่ายไปกว่า 22,000 คันในระหว่างปี พ.ศ. 2483 – 2497 (ค.ศ. 1940-1954)
 
รถกระบะฟอร์ดรุ่นต้นแบบที่ออกแบบโดยแบนด์ท กลายเป็นคอนเซ็ปต์ที่ส่งต่อไปผลิตทั่วโลก นอกจากนี้ ยังเป็นรากฐานสำคัญให้รถตระกูลฟอลคอน ถึง 7 รุ่น ตลอดช่วงปี พ.ศ. 2504–2559 (ค.ศ. 1961-2016) รถตระกูลแบนแทมในประเทศแอฟริกาใต้ รวมถึงในประเทศสหรัฐอเมริกายังมีการนำการออกแบบคอนเซ็ปต์นี้ไปใช้ในรถตระกูลมาเวอริคอีกด้วย คำว่า ยูท (ute) ที่แบนด์ทใช้เรียกนวัตกรรมของเขายังมีอิทธิพลให้ผู้คนในออสเตรเลียนำไปใช้ในความหมายเดียวกับรถกระบะ (Pickup) นับแต่นั้นเป็นต้นมา
 


กำเนิดฟอร์ด เรนเจอร์ ในสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2525 หรือ ค.ศ.1982)
ก่อนหน้านี้ เรนเจอร์ เคยเป็นหนึ่งในรถรุ่นย่อยของฟอร์ด เอฟ ซีรี่ส์ ในปี พ.ศ. 2508 (ค.ศ. 1965) และฟอร์ด บรองโก ในปี พ.ศ. 2515 (ค.ศ. 1972)มาก่อน ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) ฟอร์ด เรนเจอร์ คันแรกเปิดตัวสู่สาธารณะที่งานซีราคิวส์ ออโตโชว์ โดยนับเป็นรุ่นปี 1983 แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่มีพื้นที่รองรับโดยสารได้ถึง 3 คนและรับน้ำหนักบรรทุกได้ 1,600 ปอนด์ (ประมาณ 725 กก.) พร้อมส่งมอบขุมพลังระดับตำนานของฟอร์ดและการประหยัดน้ำมัน โดยเพียง 5 วันให้หลัง รถคันแรกได้ออกจากสายการผลิตที่เมืองหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้
 
 
ฟอร์ด เรนเจอร์กลายเป็นรถกระบะขนาดเล็กที่ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 10 ปีติดต่อกัน  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2530 - 2539 (ค.ศ. 1987-1996) นอกจากนี้ ยังสร้างชื่อเสียงได้อย่างถล่มทลายในการแข่งขันออฟโรด SCORE ถึงสี่ฤดูกาลติดต่อกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 - 2530 (ค.ศ. 1984-1987) รวมถึงสร้างความสำเร็จให้กับทีม Rough Riders ของฟอร์ดในปี พ.ศ. 2534 – 2538 (ค.ศ. 1991-1995)

 
การเติบโตระดับโลกของฟอร์ด เรนเจอร์ (พ.ศ. 2541 หรือ ค.ศ. 1998)
ตัวอักษร Ranger ปรากฏครั้งแรกบนรถกระบะที่จำหน่ายในยุโรปและเอเชียในปี พ.ศ. 2541 (ค.ศ. 1998) โดยมาแทนที่รุ่นคูริเออร์ที่เป็นหน้าเป็นตาของรถกระบะฟอร์ดในภูมิภาคนี้มากว่า 30 ปี เรนเจอร์เปิดตัวด้วยกระบะแค็บ 3 รูปแบบ ตัวเลือกฐานล้อ 2 แบบ และมาในเครื่องยนต์และแรงบิดที่ทรงพลังให้เลือก ฟอร์ด เรนเจอร์ ยังเป็นหนึ่งในรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ผลิตขึ้นในโรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) จังหวัดระยอง
 
 
ถือกำเนิดฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค (พ.ศ. 2548 หรือ ค.ศ. 2005)
ไวลด์แทรค เป็นรุ่นย่อยของรถกระบะตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการใช้รถทั้งสำหรับทำงาน และพักผ่อน ฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค สร้างมาเพื่อสะท้อนความแกร่ง ด้วยล้อที่ใหญ่ขึ้น สปอร์ตบาร์อันเป็นเอกลักษณ์ ราวกระบะท้าย ราวหลังคา และบันไดข้าง ซึ่งยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการออกแบบไวลด์แทรคมาจนถึงทุกวันนี้

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 2 (พ.ศ. 2549 หรือ ค.ศ. 2006)
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 2 ได้สร้างมาตรฐานใหม่ทั้งด้านประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือด้วยการออกแบบที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล และตัวเลือกเครื่องยนต์ดีเซลคอมเมนเรล 2 แบบ ฟอร์ดจึงยุติการทำตลาดโมเดลคูริเออร์ในออสเตรเลียและเอเชีย และหันมาปรับโฉมฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีกในปี พ.ศ. 2552 (ค.ศ. 2009) ด้วยการออกแบบกระจังหน้าลายสามแถบแบบใหม่ และส่งรุ่นย่อยไวลด์แทรคไปจำหน่ายในประเทศอื่นๆ มากขึ้น รวมถึงประเทศไทย
 

ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 3 (พ.ศ. 2554 หรือ ค.ศ. 2011)
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 3 ที่พัฒนาในประเทศออสเตรเลีย เปิดตัวในงานแสดงรถยนต์นานาชาติออสเตรเลีย 2010 ที่ซิดนีย์ โดยรวมคุณสมบัติของรถกระบะขนาดกลางที่ใช้กันทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน และนับว่าเป็นกระบะขนาดกลางที่ทรงพลังที่สุดที่ฟอร์ดเคยผลิตมา โดยมีโรงงานผลิตอยู่ที่จังหวัดระยอง ประเทศไทย และเมืองซิลเวอร์ตัน ประเทศแอฟริกาใต้ โดยจัดจำหน่ายไปยังกว่า 180 ประเทศ

 
การปรับโฉมของฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 3 (พ.ศ. 2558 หรือ ค.ศ. 2015)
ฟอร์ดได้ปรับโฉมเรนเจอร์อีกครั้ง โดยมีจุดเด่นที่กระจังหน้าแถบเดียวทรงรีที่แทนกระจังหน้าสามแถบทรงเหลี่ยม ภายในออกแบบใหม่ด้วยแผงหน้าปัดที่ดุดันขึ้นโดยมีหน้าจอ SYNC ติดตั้งไว้ตรงกลาง อีกทั้งฟอร์ดยังเพิ่มฟีเจอร์ที่ไม่เคยมีในรถรุ่นอื่นในเซ็กเมนต์ เช่น ระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ และระบบช่วยจอดทั้งหน้าและหลัง
 
ฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม)
ฟอร์ดเปิดโรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) ในปี พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) และเริ่มผลิตฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดทั่วโลกในเวลาต่อมา

 
การเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ (พ.ศ. 2561 หรือ ค.ศ. 2018)
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ รถกระบะสมรรถนะสูงดีเอ็นเอฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ เผยโฉมเป็นครั้งแรกโดยใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ และระบบกันสะเทือนด้วยโช้คอัพ FOX ที่ปรับแต่งมาเป็นพิเศษเพื่อการใช้งานแบบออฟโรด สร้างความคึกคักให้กับทั้งลูกค้าและสื่อมวลชน
 

ฟอร์ด เรนเจอร์ และฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันใหม่ (พ.ศ. 2565 หรือ ค.ศ. 2022)
ฟอร์ด เรนเจอร์ เจเนอเรชันที่ 4 ได้เผยโฉมพร้อมกันทั่วโลกเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ในรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมด ภายใต้แนวทางการออกแบบที่มุ่งเน้นผู้ใช้งานเป็นหลัก ก้าวข้ามขีดจำกัดของการออกแบบภายนอกแบบเดิมๆ ด้วยกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ไฟหน้าใหม่รูปตัว C และบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย โดยมาเปิดตัวที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2565 (ค.ศ. 2022) พร้อมกับฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชันที่ 2 ซึ่งมีการออกแบบกระจังหน้าและไฟหน้าเหมือนกับเรนเจอร์ พร้อมนำเสนอเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 และโช้คอัพ FOX แบบไลฟ์ วาล์ว ยกระดับสมรรถนะด้านออฟโรดให้เหนือมาตรฐานสำหรับผู้หลงใหลการขับขี่ออฟโรดตัวจริง
 

ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ คว้าชัยชนะในการแข่งขันบาฮา 1000 (พ.ศ. 2565 หรือ ค.ศ. 2022)
ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ได้สร้างผลงานแทบไร้ที่ติในการแข่งขันออฟโรดครอสคันทรีสุดโหด SCORE-International Baja 1000 ที่จัดขึ้นที่ประเทศเม็กซิโกไปจนถึงเมืองริเวอร์ไซด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย รถกระบะสมรรถนะสูงคันนี้ถูกปรับแต่งสำหรับการแข่งขันในออสเตรเลียโดยทีม Kelly Racing รวมถึงทดสอบและปรับปรุงโดยทีม Lovell Racing และ Huseman Engineering ในสหรัฐอเมริกา
 

เรนเจอร์ยังคงพัฒนาต่อไป (พ.ศ. 2566 หรือ ค.ศ. 2023)
ฟอร์ดยังคงนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ในเรนเจอร์อย่างต่อเนื่องทั่วโลกรวมถึงในไทย โดยการสร้างปรากฏการณ์ขึ้นอีกครั้งด้วยฟอร์ด เรนเจอร์ สตอร์มแทร็ค นำเสนอนวัตกรรมที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในเรนเจอร์อย่างราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ๆ ในรถกระบะได้สนุกยิ่งขึ้น

 
เรนเจอร์ ไวลด์แทรค พร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร วี 6 (พ.ศ. 2567 หรือ ค.ศ. 2024)
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) ฟอร์ดยกระดับมาตรฐานเซ็กเมนต์รถกระบะอีกครั้งในประเทศไทย ด้วยการเปิดตัวฟอร์ด เรนเจอร์ ไวลด์แทรค วี 6 รถกระบะรุ่นย่อยใหม่ล่าสุดในตระกูลฟอร์ด เรนเจอร์ แกร่งไปอีกขั้นด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร ที่ได้รับความนิยมมายาวนานในต่างประเทศ มีความเสถียรและทนทาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกำลังและแรงบิดมากขึ้นสำหรับการลากจูงและการขับขี่แบบออฟโรด

หมายเหตุ: ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ ได้รับการออกแบบ และพัฒนาในประเทศออสเตรเลีย ผลิตที่โรงงานฟอร์ด 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ โรงงานฟอร์ด ไทยแลนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง (เอฟทีเอ็ม) โรงงานออโต้อัลลายแอนซ์ ประเทศไทย (เอเอที) รวมถึงในโรงงานที่เมืองซิลเวอร์ตัน พริทอเรีย (ฟอร์ด แอฟริกาใต้) และจัดจำหน่ายไปยังกว่า 180 ประเทศ

3
ปัญหาที่ผู้จัดฟันใสต้องเจอ

การจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันรูปแบบใหม่ที่ใช้นวัตกรรมสมัยใหม่เข้ามาช่วยในการรักษา ซึ่งการจัดฟันแบบใสเป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นในหมู่วัยรุ่น กลุ่มดารานักแสดงหรือพิธีกร รวมไปถึงสาขาอาชีพที่ต้องใช้บุคลิกภาพในการทำงาน เพราะการจัดฟันไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด ผลลัพธ์ก็คือการทำให้เรามีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ และยังช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟันให้ดีขึ้นอีกด้วย รวมไปถึง การใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ถ้าหากเรามีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถรับประทานอาหารได้ดียิ่งขึ้น สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ละเอียดยิ่งขึ้น


ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วย นอกจากนี้ ในเรื่องของบุคลิกภาพ ถ้าหากเรามีฟันที่สวยเป็นธรรมชาติ ก็จะทำให้เรารู้สึกมั่นใจเวลาที่เรายิ้มแย้มหรือพูดคุยพบปะผู้คน และถ้าหากใครที่ต้องใช้บุคลิกภาพในการทำงานแล้ว การที่เรามีรอยยิ้มที่สดใส มั่นใจ ก็จะยิ่งเอื้อเฟื้อให้กับงานของเราได้เป็นอย่างดี ทำให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานด้วย


ทั้งนี้ ในเรื่องของการจัดฟันแบบใส ก็ยังมีข้อดีหลายข้อไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือที่มีความใส เมื่อเวลาที่เราสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใสแล้ว จะทำให้คนอื่นมองแทบไม่ออกเลยว่าเรากำลังเข้ารับการจัดฟันอยู่ ก็จะช่วยทำให้เรามีบุคลิกภาพที่ดีและยิ้มได้มั่นใจมากกว่าการที่มีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก นอกจากนี้ ยังไม่ส่งผลกระทบในการออกเสียง เพราะปัญหาการพูดไม่ชัด ถือเป็นปัญหาที่ผู้เข้ารับการจัดฟันส่วนใหญ่มักจะต้องเจอปัญหาดังกล่าว แต่การเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้นจะทำให้ ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องไม่เผชิญกับปัญหาเหล่านี้ และที่เป็นจุดเด่นของการจัดฟันแบบใสก็คือ การที่คุณสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันได้ขณะรับประทานอาหาร ก็จะทำให้คุณได้รับประทานอาหารที่มีความหลากหลายขึ้น โดยไม่ต้องระแวงในเรื่องของเครื่องมือการจัดฟันและผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถถอดเครื่องมือได้ขณะทำความสะอาดช่องปากและฟัน ก็จะทำให้เรามีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง เพราะการที่เราไม่มีเครื่องมืออยู่ภายในช่องปากจะสามารถทำให้เราได้ทำความสะอาดช่องปากได้อย่างเต็มที่


ถึงแม้ว่าการ จัดฟันแบบใสจะมีข้อดีและมีข้อเด่นหลายข้อ แต่ก็ยังมีปัญหาที่ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสจะต้องเจอ ซึ่งวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงปัญหาส่วนใหญ่ที่ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสมักจะต้องเผชิญ ซึ่งปัญหาแรกเลยก็คือการมีพฤติกรรมที่ส่งผลทำให้เครื่องมือการจัดฟันมีสีที่เปลี่ยนไป หลายคนมีพฤติกรรมการรับประทานอาหารแบบจุกจิกซึ่งจะมักรับประทานอาหารอยู่ตลอดทั้งวันและอาจจะลืมถอดเครื่องมือการจัดฟันออก ดังนั้น อาจจะทำให้เครื่องมือมีสีที่เปลี่ยนไปได้ รวมไปถึง ผู้ที่ชอบดื่มกาแฟเป็นประจำ ถ้าหากไม่ดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันแล้ว ก็อาจจะทำให้เครื่องมือได้รับความเสียหายและมีสีที่เปลี่ยนไปได้เช่นเดียวกัน ต่อมาในเรื่องของการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟัน ซึ่งอันนี้ถือเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อยเลยทีเดียว เพราะผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสหลายคนมักจะลืมสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันซึ่งเครื่องมือการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการจัดฟันจะต้องสวมใส่วันละ 20 – 22 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้


ถ้าหากไม่มีระเบียบวินัยในการสวมใส่เครื่องมือก็อาจจะทำให้ผลการรักษาเกิดการคาดเคลื่อนได้ และปัญหาอีกอย่างหนึ่งที่มักจะพบได้บ่อยก็คือ การทำเครื่องมือการจัดฟันหายหรืออาจจะเผลอลืมขณะรับประทานอาหาร เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใส สามารถถอดออกได้ขณะรับประทานอาหาร บางคนที่เข้ารับการจัดฟันแบบใสเมื่อไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็อาจจะเผลอลืมทิ้งไว้และทำให้ต้องทำเครื่องมือการจัดฟันชิ้นใหม่ ซึ่งปัญหานี้ก็มักเกิดกับผู้ที่เข้ารับการจัดฟันที่อยู่ในช่วงสวมใส่รีเทนเนอร์ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่มักพบได้บ่อยเลยทีเดียว  อย่างไรก็ตาม ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้มีสุขภาพฟันที่แข็งแรง หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย


4
ก่อนตัดสินใจเข้ารับการจัดฟันใส ควรศึกษาเรื่องใดให้มากเป็นพิเศษ

การจัดฟันแบบใส เป็นการรักษาทางทันตกรรมอย่างหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย ที่เข้ามาช่วยในการรักษา รวมไปถึงการวางแผนการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากกว่าแต่ก่อน ทำให้การจัดฟันแบบใส เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาของผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างของฟันที่มีความผิดปกติ  ซึ่งปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการรับประทานอาหาร การพูดคุย พบปะผู้คน และรวมไปถึงบุคลิกภาพของเราด้วย เพราะถ้าหากเรามีฟันที่มีรูปร่างผิดปกติ ก็จะทำให้เรารับประทานอาหารได้ไม่สะดวก ทำให้มีบุคลิกภาพที่ไม่มั่นใจได้


นอกจากนี้ การจัดฟันแบบใสยังช่วยเสริมสร้างให้ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพราะผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสออกได้ขณะแปรงฟัน ทำให้สามารถทำความสะอาดช่องปากและฟันได้อย่างเต็มที่ โดยไม่มีเครื่องมือการจัดฟันเป็นอุปสรรคและยังช่วยทำให้สามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย และที่สำคัญแม้คุณจะมีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ก็สามารถสร้างความมั่นใจ ยิ้มได้เต็มที่ เพราะเครื่องมือแบบใสที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะบุคคล มีความใสเมื่อสวมใส่แล้วแทบจะมองไม่ออกเลยว่ากำลังอยู่ในระหว่างการจัดฟันอยู่ และนี่ก็เป็นจุดเด่นที่ทำให้หลายๆคนเลือกใช้วิธีการเข้ารับการจัดฟันแบบใสในการแก้ไขปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน แต่ในเรื่องการเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้น ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันแบบใส เราควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อที่จะได้รับมือและทราบถึงขั้นตอนการรักษารวมไปถึงข้อปฏิบัติต่างๆที่ควรปฏิบัติขณะเข้ารับการรักษา


และในวันนี้ คลินิกเราจะมาพูดถึงเรื่องของการจัดฟันแบบใสกับเรื่องที่ผู้เข้ารับการจัดฟันควรรู้ก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา ซึ่งก่อนการรักษานั้นผู้เข้ารับการรักษาควรปรึกษาทันตแพทย์อยู่แล้ว เพื่อทำการตรวจประเมินช่องปากเบื้องต้นว่า สามารถเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้หรือไม่ และใช้ระยะเวลานานแค่ไหน รวมไปถึงจะได้ทราบถึงขั้นตอนการจัดฟันแบบใสว่า มีขั้นตอนอย่างไรบ้างและจะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเข้ารับการจัดฟันแบบใส และต้องบอกก่อนว่าในปัจจุบันนี้มีคลินิกทันตกรรมที่เปิดให้บริการเป็นจำนวนมาก ทำให้เรามีทางเลือกมากยิ่งขึ้นว่าเราจะเข้ารับการรักษาที่คลินิกใด ซึ่งในข้อนี้เราควรเลือกคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญและได้รับการรับรองให้บริการในด้านการจัดฟันแบบใสและต้องมีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญผ่านการรับรองจากสถาบันอเมริกา ซึ่งทางคลินิกของเรามี ทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและผ่านการรับรองให้บริการในด้านการจัดฟันแบบใสได้ ซึ่งทำให้ผู้เข้ารับการรักษามั่นใจได้ว่าการเข้ารับการจัดฟันแบบใสที่คลินิกจะทำให้คุณมีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติได้อย่างแน่นอน เรื่องต่อมาที่เราจะต้องศึกษาให้ละเอียด


นั่นก็คือวิธีการปฎิบัติตนทั้งก่อนและหลังเข้ารับการจัดฟันแบบใส โดยเราควรจะทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์ เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามแผนการรักษาทันตแพทย์ได้วางไว้ และที่สำคัญที่สุดผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใสจะต้องมีระเบียบวินัยในการสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันตามที่ทันตแพทย์ได้กำหนดไว้ เพราะถ้าหากไม่ใส่เป็นประจำก็จะทำให้ผลการรักษาเกิดการคาดเคลื่อนได้และจะทำให้ฟันกลับมามีปัญหาอีกซึ่งอาจจะต้องทำการจัดฟันใหม่ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้ว  ผู้เข้ารับการรักษาควรจะสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันอย่างน้อยวันละ 20-22 ชั่วโมง


ทั้งหมดนี้ก็คือ เรื่องที่เราควรจะศึกษาให้ดีอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส เพื่อที่จะได้เตรียมตัว เตรียมใจที่จะเข้ารับบริการอย่างไม่มีความกังวลใดๆ สำหรับใครที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส ทางคลินิกของเราก็มีโปรโมชั่นพิเศษ สำหรับผู้ที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส โดยราคาเริ่มต้นที่ 49,000 บาท จากปกติ 69,000 บาท

5
กระชายสกัด: กระชายขาวกับโควิด

กระชายขาว เป็นหนึ่งในสมุนไพรที่คนเชื่อกันว่า ช่วยต้านเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ นอกจาก ฟ้าทลาย โจร ขิง มะขามป้อม ขมิ้นชัน กระเทียม โดยได้แปรรูปสมุนไพรต่างๆในรูปแบบของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิด แคปซูล แบบอัดผงละเอียด เพื่อการเข้าถึงที่ง่าย พกพาสะดวก และง่ายต่อการรับประทาน ยังสามารถหาซื้อ ได้ง่ายตามร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ โรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศ

กระชายขาวเป็นกระแสไปทั่วประเทศ ว่ามีฤทธิ์ต้านเชื้อและช่วยรักษาโควิด-19 ได้ เพราะมีการวิจัย พบว่า สารสกัดจากกระชายขาวสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของ COVID-19 ได้ โดยสารสำคัญทั้ง 2 ตัวที่อยู่ในกระชายขาว คือ Pandulatin A , Pinostrobin


กระชายขาวเมื่อนำมาสกัดจากงานวิจัยในหลอดทดลองพบว่า มีประสิทธิผลในการยับยั้งเชื้อได้ 2 รูปแบบ ดังนี้

-    กระชายขาวสกัดสามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อได้
-    กระชายขาวสกัดสามารถยับยั้งการผลิตเชื้อไวรัสจากเซลล์ หมายถึงเซลล์นั้นไม่สามารถที่ จะผลิตเชื้อไวรัสใหม่ได้เลย

ถึงแม้ว่ากระชายขาวสกัดจะมีฤทธิ์ต้านเชื้อโควิด-19 ได้จริง การจะบริโภคกระชายขาวไม่ว่าจะใน รูปแบบใดก็ยังคงต้องได้รับคำแนะนำปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อความปลอดภัย เพราะต้อง ปลอดภัยและปริมาณการบริโภคที่เหมาะสมด้วย

ทั้งนี้ การดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้ปลอดภัยจากโรคเชื้อก่อโรคต่างๆได้ ยังคงต้องใส่หน้ากาก อนามัย , หมั่นล้างมือ และฉีดพ่นแอลกอฮอล์ทุกครั้งหลังจากที่สัมผัสสิ่งของที่อาจปนเปื้อนได้ , หลีกเลี่ยง การสัมผัสสารคัดหลั่ง ของเหลวในร่างกายที่อาจจะทำให้คนอื่นติดเชื้อ , Social Distance เว้นระยะห่าง อย่างน้อย 1-2 เมตร



กระชายขาวมหิดล

ย้อนรอย กระชายขาวมหิดล สุดยอดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ เมื่อปี 2020 กระชายขาว เป็นกระแสโด่งดังทั่วประเทศ เมื่อมีข่าวดีถึงงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดล สารสกัดกระชายขาว สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสได้ จึงเป็นที่มาให้ประชาชนพูดกันติดปาก “กระชายขาวมหิดล”

กระชายขาว หรือที่รู้จักกันดีในนาม กระชายแกง สมุนไพรไทยพื้นบ้าน มากด้วยสรรพคุณ และคุณประโยชน์หลากหลาย มีปริมาณฤทธิ์ความเข้มข้นที่มากกว่าสารสกัดฟ้าทะลายโจรถึง 30 เท่า และดีกว่าสารสกัดขิง 10 เท่า จึงเป็นสุดยอดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ต้านเชื้อก่อโรคอย่างเชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี

จากงานวิจัยด้วยความร่วมมือของคณะวิทยาศาสตร์ และคณะแพทย์ศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล รวมทั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) หรือ TCELS พบว่า สารสกัดกระชายขาว สามารถยับยั้งเชื้อไวรัสได้ ยังสามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัสได้กว่า 100%

เมื่อมีข่าวออกสื่อกระจายทั่วประเทศจึงทำให้ กระชายขาว หรือ กระชายขาวมหิดล ช่วยยับยั้งเชื้อไวรัสได้ ผู้บริโภคไม่น้อยหาซื้อรับประทาน ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เกิดเกษตรกรหน้าใหม่หันมาปลูก กระชายขาว เพื่อดำรงเลี้ยงชีพสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ เศรษฐกิจตื่นตัว ผู้ผลิตมีความเชื่อมั่นในว่า กระชายขาว นั้นสามารถยับยั้งเชื้อไวรัสและช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้

จากกระแส กระชายขาว ต้านเชื้อไวรัสได้นั้น จึงทำให้เกิดเกิดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกระชายขาวหลากหลายยี่ห้อแอบอ้างถึงผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อขายของ กล่าวอ้างถึงสรรพคุณที่อาจทำให้เกิดความเชื่อที่ผิดพลาดให้กับผู้บริโภคได้ โดยไม่ได้คำนึงถึงข้อควรระวัง และปริมาณการรับประทานเข้าไป ที่อาจมีความเสี่ยงต่ออันตรายกับผู้ที่เป็นโรคประจำตัวได้ เป็นการโฆษณาเกินจริงเข้าข่ายหลอกลวงผู้บริโภค

ย้อนข่าว กระชายขาวมหิดล วันที่ 25 พฤษภาคม 2021 นำโดย  ศ.นพ.บรรจง มไหสวริยะ อธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ออกหนังสือลงนามแถลงการณ์ เรื่อง การอ้างถึงผลงานการวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อประกอบการโฆษณาผลิตภัณฑ์ เกี่ยวกับสรรพคุณของกระชายขาวสกัด ในการต้านโควิด

โดยระบุว่า ตามที่มีผลิตภัณฑ์กระชายขาวสกัดจำนวนหนึ่ง อ้างถึงผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (TCELS) เกี่ยวกับสรรพคุณของสารกระชายขาวสกัดในการต้านโรคโควิด-19 เพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์

มหาวิทยาลัยมหิดล และ TCELS ขอชี้แจงว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยมหิดล หรือ TCELS และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน การนำภาพต่างๆ ของนักวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล และ TCELS ไปเพื่อประกอบการโฆษณาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวนั้น เป็นการดำเนินการโดยไม่ได้รับอนุญาต

ทั้งนี้ คณะนักวิจัย พบว่า กระชายขาวสกัดมีฤทธิ์ต้านเชื้อก่อโรคโควิด-19 ได้ในหลอดทดลอง และอยู่ระหว่างการศึกษาเพิ่มเติม ในด้านความปลอดภัย ปริมาณที่เหมาะสมต่อการบริโภค และข้อบ่งชี้การใช้ในมนุษย์เพื่อการต้านโรคโควิดอย่างเหมาะสม ดังนั้น จึงไม่มีความเห็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันเกี่ยวกับการต้านโรคโควิดได้


 

6
ยาแก้เมาเหล้า เทคนิคการบรรเทาอาการเมาค้าง

ก่อนที่จะแก้ไขอาการเมาค้าง เรามาติดตามกระบวนการแผลงฤทธิ์เดชของแอลกอฮอล์ในร่างกายไว้เป็นความรู้กันก่อน ซึ่งแบ่งเป็นปฏิกิริยาได้ดังนี้

   
ปฏิกิริยาแรก

    จะเกิดขึ้นทันทีที่ดื่มเหล้าแล้วแอลกอฮอล์เข้าสู่ตับเอนไซม์ในตัวคนเราจะเปลี่ยนแอลกอฮอล์เป็นสารตัวใหม่ ชื่ออะเซ็ตทัลดีไฮด์ แล้วเปลี่ยนต่อเป็น อะซิเทต แล้วเคลื่อนตัวไปยังสมองของต่อมควบคุมระดับเกลือและน้ำตาลในร่างกาย รวมไปถึงอวัยวะต่าง ๆ อีกมากมายหลายส่วน ผลจากการเคลื่อนตัวไปยังส่วนต่าง ๆ นี่เองทำให้ร่างกายสำแดงอาการเริ่มตั้งแต่อาการสมองโปร่งโล่งสบายในระยะแรก แล้วค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความรู้สึกกับถูกบีบหนัก ๆ ร่างกายเริ่มผิดเพี้ยน เคลื่อนไหวโซซัดโซเซ ลิ้นก็ชักจะแข็ง ๆ พูดจาอ้อแอ้ หูอื้อ ตาลายและแดงกล่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ บางคนถึงขนาดความจำเสื่อมไปชั่วขณะ ถ้าดื่มต่อไปอย่างยั้งไม่หยุดก็จะตามมาติด ๆ ด้วยอาการคลื่นไส้อาเจียน และเกิดปฏิกิริยาผิดเพี้ยนอื่น ๆ ตามมาอีกนับไม่ถ้วน

   
ปฏิกิริยาต่อมา

    เป็นกระบวนการต่อเนื่องจากปฏิกิริยาแรก ส่งผลให้สมองเกิดการเปลี่ยนแปลง ปกติเซลล์สมองจะมีกลไกป้องกันตัวเอง โดยการเปลี่ยนแปลงผนังเซลล์ให้หนามากพอที่จะไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้ามาทำลาย ดังนั้นเมื่อแอลกอฮอล์เดินทางมาสู่สมองเซลล์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อ ป้องกันตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนเกิดผลของการแฮ้งก์โอเวอร์หรืออาการเมาค้างตามมาในที่สุด

   
ปฏิกิริยาสุดท้าย

    เป็นกระบวนการแห้งเหือดของน้ำหรือของเหลวภายในร่างกายเพราะแอลกอฮอล์เป็นสารที่ ทำให้เกิดการปลดปล่อยของเหลวในร่างกาย โดยดูดซึมและขับถ่ายในรูปปัสสาวะและยังขับสารอาหารสำคัญ ๆ ออกมาอีกด้วย ในร่างกายเหล่านี้หลงเหลืออยู่ในปริมาณต่ำสุด เช่น แมกนีเซียม โปตัสเซียม รวมไปถึงวิตามินต่าง ๆ อีกหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 6 วิตามินซี เป็นต้น

    ด้วยปฏิกิริยาดังกล่าว จึงมักพบอาการที่มักได้ยินผู้ดื่มพูด ๆ กัน ว่าในหัวจะเหมือนมีใครอาค้อนมากระหน่ำ ปวดหนึบ ๆ บางคนปวดจี๊ด ๆ ต่อเนื่องหรือบางคนปวดตลอดเป็นระยะยาว ๆ แล้วยิ่งถ้าขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวร่างกาย แม้แต่เพียงน้อยนิด ก็จะยิ่งปวดหัวหนักเข้าไปอีก ท้องไส้จะเบาโหวง คลื่นเหียนเหมือนเพิ่งลงจากรถไฟเหาะตีลังกามาสักสิบรอบ นอกจากนี้เจ้าตัวยังพบกับความยากลำบากในการลืมตา โดยเฉพาะถ้ามีลำแสงสาดส่องเข้ามากระทบดวงตาอันฉ่ำไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์แล้ว ละก็จะยิ่งทวีความปวดร้าวในหัวเหมือนหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ อย่างไงอย่างงั้น แถมอาการเมาค้างยังทำให้ระบบประสาทสัมผัสปั่นป่วนตามไปด้วย กล่าวคือเสียงที่เคยกระทบโสตประสาทว่าไพเราะนักหนากลับกลายเป็นเสียงที่น่า รำคาญไปเสียนี่ จะกินจะลิ้มชิมของอร่อยสักเพียงใดก็เหมือนลิ้นคนกลายเป็นจระเข้ คือ ไม่รู้รสอะไรเลย แล้วริมฝีปากก็จะแห้ง เหมือนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายในบ้าน อาการเพี้ยน ๆ ที่เกิดขึ้นอีกก็คือ สภาพความปั่นป่วนในหัวอก หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำตามมาด้วยการเสียสมรรถภาพในการเคลื่อนไหวจะลุกจะนั่ง จะเดิน ก็แข็งทื่อ ไม่รวดเร็วคล่องแคล่วเหมือนใจนึก แถมท้ายด้วยการอาเจียนขนานใหญ่ ตามมาติด ๆ ด้วยอาการผะอืดผะอม คืออาเจียนก็ไม่อาเจียน แล้วก็เป็นอยู่อย่างนี้นานทั้งวัน จะว่าไปแล้วอาการเมาค้างที่เกิดขึ้นนี้ช่างเป็นอาการที่ยืดความทรมานออกไป ไม่จบสินสักที

   
ข้อมูลทั่วไป

    อาการเมาค้างเป็นภาวะหรืออาการที่คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ คือ การที่ร่างกายขาดน้ำ เป็นผลที่เกิดหลังจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินร่างกาย จะสามารถรับได้ ส่งผลให้เสียสมดุลของฮอร์โมน เกิดการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาท และสารทางชีวภาพอื่น ๆ ในร่างกาย

    อาการเมาค้างโดยทั่วไป ได้แก่ ปวดหัว มึนหัว เวียนศีรษะ คอแห้ง ผิวหน้าแห้ง ริมฝีปากแห้ง หน้าบวม ตาบวมผื่นแดง รอยแดง หน้าซีดเซียว คลื่นเหียน คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องขึ้น ท้องเฟ้อ หรือท้องร่วง ถ่ายเหลว รับประทานอาหารไม่ได้ เบื่ออาหาร นอนไม่ได้ สะลึมสะลือ กระเพาะอาหารเกิดการระคายเคือง มือสั่น ใจสั่น เหนื่อย เหงื่อออก หรืออ่อนเพลีย หมดแรงลุกไม่ขึ้น ตัวเย็น กล้ามเนื้อเกร็ง (ตะคริว) ความดันโลหิตลดลง และรู้สึกไม่สบาย สะดุ้ง ตกใจง่าย

   
นอกเหนือจากอาการที่มองเห็นทางร่างกายแล้ว

    อาการเมาค้างยังมีผลทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น คนที่เป็นโรคหัวใจจึงมีอัตราการเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากการเมาค้างง่ายกว่า คนปกติด้วย เป็นการเพิ่มการทำงานของหัวใจ ปรากฏการณ์นี้มีผลต่อการตายจากโรคหัวใจ อาการเมาค้างยังส่งผลเสียต่อประสาท โดยทำให้การแพร่ของคลื่นสมองช้ากว่าปกติเป็นเวลาหลายชั่วโมง หลังจากร่างกายขจัดแอลกอฮอล์ออกไปแล้ว และการทำงานของกล้ามเนื้อร่วมประสาทบกพร่องเป็นเวลานาน แม้ว่าจะไม่ปรากฏแอลกอฮอล์ในเลือดแล้วก็ตาม อาการเมาค้างยังทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และขาดสารอาหาร
   
อาการ เมาค้างยังเกิดจากหลายปัจจัย และอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้สัมพันธ์กับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มแต่เพียงอย่าง เดียวปัจจัยเสริมอื่นๆ อยู่อีก คือ กระเพาะอาหารว่างก่อนดื่ม อดนอนมาก่อนหรือนอนหลับไม่เพียงพอ มีความเครียดเป็นทุนเดิม ปัจจัยทางด้านสังคมจิตวิทยา การเพิ่มการการเคลื่อนไหวร่างกายขณะดื่ม หรืออยู่ในภาวะขาดน้ำ เป็นต้น และยังขึ้นอยู่กับปริมาณการดื่มในช่วงเวลาหนึ่งๆ ต่อน้ำหนักของคนดื่ม พูดง่ายๆ ว่าน้ำหนักน้อย มีสิทธิ์ไปไว สุดท้ายเป็นเรื่องอายุ ยิ่งแก่ยิ่งเมาค้างได้ง่าย

    วิธีบำบัดฟื้นฟูสภาพ และเทคนิควิธีการดูแลบรรเทาอาการเมาค้างเบื้องต้น

    • เช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำเย็นและประคบด้วยผ้าเย็นบริเวณใบหน้าและศีรษะ
    • ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ทั้งวัน เพื่อให้ความเป็นพิษหมดไปโดยเร็ว
    • ดื่มน้ำหวาน เช่น น้ำส้ม (น้ำอัดลม) เครื่องดื่มเกลือแร่ น้ำหวานต่าง ๆ เพื่อชดเชยเกลือแร่ที่สูญเสียไป และช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายสดชื่น
    • ดื่มน้ำผลไม้คั้นที่มีรสเปรี้ยวจัด แก้ไขการอาเจียน เช่น น้ำส้ม หรือน้ำมะนาว
    • ดื่มน้ำผลไม้สด ๆ หรือผลไม้สดแช่เย็นฉ่ำ ช่วยล้างพาและแก้อาการ เพื่อชดเชยวิตามินซี เพิ่มปริมาณออกซิเจนในเลือด ชดเชยพลังงานที่ร่างกายต้องการ อันจะทำให้ร่างกายสดชื่น (ควรใช้เครื่องคั้นน้ำผลไม้แยกกากยกเว้นบางชนิดที่ควรใช้เครื่องปั่น)


น้ำแตงโมแช่เย็นเจี๊ยบ

        นอกจากนี้อาจผสมสตรอเบอรี่ ด้วยก็ได้ ซึ่งเป็นผลไม้หนึ่งเข้ากันได้ดีกับแตงโม เพราะให้รสชาติหลากหลาย อาจสลับใช้ฮันนี่ดิวผสมแบล็คเบอรี่ บ้างก็ได้ ใช้แตงโมขนาด 1 นิ้ว 1 ชิ้น สตรอเบอรี่เด็ดก้านออกแล้ว 6 ผล ถ้าให้ชื่นใจยิ่งขึ้น ควรแช่เย็นผลไม้ก่อนนำมาคั้น

       
น้ำแครอทผสมแอปเปิ้ล

        ดูจะเป็นน้ำผักผล ไม้หลักๆ ที่ดีที่สุด และเหมาะจะเป็นเครื่องดื่มแก้วแรก สำหรับผู้ที่เริ่มทดลอง เริ่มด้วยการผสมน้ำคั้นทั้งสองอย่างนี้ในปริมาณเท่าๆ กัน และค่อยๆ ปรับเปลี่ยนสัดส่วนตามที่คุณชอบ ใช้แครอท 4 หัว แอปเปิ้ล 1 ลุก

       
น้ำจับฉ่าย

        น้ำผักผลไม้ชนิดนี้จะมีรสดียิ่งขึ้นถ้าเหยาะซอสพริก 2-3 หยด หรือเพิ่มกระเทียมสักกลีบ หรือพริกสดก็จะได้รสชาติแปลกออกไป
        ใช้มะเขือเทศสุก 2 ลูก แครอท 2 ลูก บีทรูท ½ หัว เชเลอรี่ 1 ต้น แตงกวา 1 ลูก

        น้ำวุ้นจากใบว่านหางจระเข้
        น้ำสมุนไพรนี้ช่วยให้ตับสามารถทำงานได้เป็นปกติเร็วขึ้น ช่วยสลายพิษได้


    • สูดกลิ่นหอม โดยใช้นำมันหอมระเหย ด้วยวิธีดังนี้


        สูดกลิ่นจากเตาระเหย (มิลลิลิตร) เฟนเนล 2 หยด, ลาเวนเดอร์ 1 หยด, น้ำมันจันทน์ 2 หยด, เลมอน 4 หยด

        นวดตัว (ผสมน้ำมันนวด 50 หรือแช่ในอ่างอาบน้ำ) เฟนเนล 5 หยด, ลาเวนเดอร์ 3 หยด, น้ำมันจันทน์ 5 หยด, เลมอน 10 หยด

        ประคบน้ำร้อน หรือประคบน้ำเย็น เฟนเนล 1 หยด, จูนิเปอร์ 2 หยด, โรสแมรี่ 1 หยด


    • ดื่มนมอุ่น ๆ ทีเดียวให้หมดแก้ว แต่ไม่ควรดื่มมากอาจจะอาเจียนหนักขึ้นได้
    • ค่อยจิบเครื่องดื่มร้อน ๆ เช่น น้ำชา ชามะนาว ส่วนกาแฟอย่าดื่ม ขณะเมาค้าง เนื่องมาจากกาแฟมีคาเฟอีน เมื่อดื่มเข้าไปจะทำให้ร่างกายขาดน้ำมากขึ้น
    • อย่าปล่อยให้ท้องว่าง พยายามรับประทานอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ก๋วยเตี๋ยว ไม่ควรกินอาหารที่มีไขมัน หรือมีรสจัดมากเกินไป เพราะจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการอาเจียนมากขึ้น
    • ไม่ควรนอนจมอยู่บนเตียงทั้งวัน ควรจะลุกขึ้นมา สูดอากาศบริสุทธิ์ เพราะออกซิเจนจะช่วยให้เกิดกระบวนการเมตะบอลิซึมมากขึ้น ทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดลดลงจนรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า มากขึ้น
    • ถ้าไม่ดีขึ้น แน่นอนต้องพึ่งพายาหอมผสมน้ำอุ่น ยาดม หรือยาธาตุ และยาสมุนไพรขมิ้นชัน ซึ่งจะทำให้ระบบย่อยอาหารมีสภาพเป้นกลาง หรือเป็นปกติมีความสมดุลขึ้น
    • ควรนอนหลับ นอนพักผ่อนให้ได้อีกสักระยะหนึ่ง ก่อนไปทำงานประเภทขับรถหรือทำงานเครื่องจักรกล
    • หากปวดศีรษะมาก รับประทานยาบรรเทาอาการ คือ แอสไพริน ควรกินยานี้ตอนเช้า ห้ากินก่อนเข้านอน หรือเวลาที่แอลกอฮอล์ยังสะสมอยู่ในร่างกายมาก หรือ หากคลื่นไส้อาเจียนก็ต้องใช้ยาแก้คลื่นไส้อาเจียนและข้อควรระวังคือ ไม่ควรรับประทานพาราเซมอล เพราะทั้งแอลกอฮอล์และพาราเซตามอลมีอันตรายต่อตับ

   
ข้อควรระวัง หรือลักษณะอาการที่ควรพบแพทย์

    หากมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียนมาก ใจสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น ความดันโลหิตลดลง ห้องร่วงรุนแรงจนทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ และอ่อนเพลีย เมาค้างเป็นนานกว่า 1 วัน ให้รีบไปพบแพทย์

   
วิธีป้องกันอาการ “เมาค้าง”

    ก่อนดื่ม

    • ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ขณะท้องว่าง เพราะอาหารในกระเพาะ จะช่วยป้องกันไม่ให้แอลกอฮอล์ ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดเร็วเกินไป เตรียมตัวให้พร้อมด้วยการกินอาหารที่มีไขมันสูง เช่น นม หมูทอด เค้ก ขนมหวาน เนย หรืออื่นๆ จะได้ช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร ไม่ให้แอลกอฮอล์ซึมผ่านสู่อวัยวะต่างๆ ได้เร็วนักแล้วก็จงตบท้ายด้วยอาหารประเภทโปรตีน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลา ไก่ ไข่ นม ถั่ว เป็นต้น
    • ควรรับประทานยาแก้ปวดกลุ่ม NSIDS หรือไอบูโพรเฟนก่อนเมแอลกอฮอล์ เพราะยาจะมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์prostaglandin ที่ทำให้เกิดอาการปวด แต่ไม่ควรรับประทานพาราเซตามอลโดยไม่จำเป็นขณะดื่ม หรือก่อนนอนหลังจากดื่ม เพราะทั้งแอลกอฮอล์และพาราเซตามอลมีอันตรายต่อตับ เมื่อรับประทานพร้อมกันจะอันตรายมากขึ้น
    • ปัจจุบันนี้มีเครื่องดื่มป้องกันอาการเมาค้างที่ดื่มก่อนไปดื่มแอลกอฮอล์ด้วยก็พอจะช่วยได้ มักขายตามร้านสะดวกซื้อ

   
ระหว่างขณะดื่ม

    • ควรทานอาหาร/กับแกล้มของขบเคี้ยวสลับกับการดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยชะลอการเมาได้มาก แต่ก็ควรดื่มให้น้อยด้วย
    • เลี่ยงอาหารประเภทไขมัน ขณะดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้อาเจียนได้ง่าย
    • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มชนิดที่ผสมเข้าด้วยกัน
    • เมื่อดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มน้ำตามด้วย เพื่อจะได้จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์เข้าสู่เส้นเลือด และป้องกันอาการร่างกายขาดน้ำ
    • การป้องกันในระหว่างดื่ม ถ้ามีโอกาสได้ถือเหล้าติดมือไปฝากในวงเหล้า ถือว่าท่านเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ในการดื่มได้ ดังนั้นควรเลือกเหล้าชนิดที่มีดีกรีอ่อนหน่อย จะได้ช่วยให้กระบวนการเมตาบอลิซึมทำงานเผาผลาญแอลกอฮอล์ได้ดี แล้วยิ่งถ้าได้ดื่มเหล้าที่แช่เย็นเจี๊ยบแบบที่เพิ่งออกมาจากช่องฟรีซในตู้ เย็นได้ นอกจากจะทำให้ดื่มได้ไม่บาดคอแล้วยังช่วยให้ดื่มได้นานโดยไม่เมาเร็วเกินไป ด้วย

   
หลังดื่ม

    • ก่อนกลับบ้านถ้าเมาต้องไม่ขับรถ ควรจะดื่มน้ำส้ม เพราะวิตามินซีจะช่วยเร่งการเผาผลาญอาหาร หรือจะดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ที่พวกนักกีฬาดื่มกันก็ไม่เลว
    • ควรดื่มน้ำมากๆ ก่อนเข้านอนด้วย เพื่อช่วยให้การขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย และลดการกระตุ้นให้ร่างกายดึงน้ำจากสมองมาใช้มีผลให้สมองเกิดการหดตัว
    • ควรดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำผสมน้ำตาลเกลือแร่ก่อนเข้านอน เนื่องจากแอลกอฮอล์เข้าไปแทนที่น้ำตาลในตับระดับน้ำตาลในร่างกายจึงลดลง ทำให้คุณเกิดอาการเวียนศีรษะและอ่อนเพลีย

   
คำแนะนำทั่วไป

    • หลีกเลี่ยงการผสมเครื่องดื่มต่างชนิดเข้าด้วยกัน
    • หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ในขณะท้องว่าง อาหารในกระเพาะจะช่วยป้องกันไม่ให้แอลกอฮอล์ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิตเร็ว เกินไป การกินอาหารยิ่งมากระหว่างดื่มแอลกอฮอล์จะยิ่งลดผลกระทบของแอลกอฮอล์ต่อระบบ ร่างกาย
    • ควรดื่มน้ำมาก ๆ ก่อนนอน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
    • ไม่ควรดื่มกาแฟเพื่อบรรเทาอาการเมาค้าง เพราะกาแฟมีฤทธิ์ขับปัสสาวะจะยิ่งทำให้การเสียดุลของของเหลวในร่างกายแย่ลง
    • อย่าขับรถ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล เมื่อมีอาการเมาค้าง
    • รับประทานอาหารที่ย่อยง่าย มีคุณค่าทางโภชนาการและหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไขมัน
    • เดี๋ยวนี้ก็มีเครื่องดื่มบรรเทาอาการเมาค้างที่ดื่มหลังจากไปดื่มแอลกอฮอล์มาก ซึ่งก็พอจะช่วยได้มักขายตามร้านสะดวกซื้อ

    สูตรลับดับอาการเมาค้าง

    มีการบอกเล่าสืบต่อกันมาช้านานแล้ว ซึ่งเป็นสูตรที่ชาวต่างประเทศเชื่อกันว่าน่าจะได้ผลดี จะขอยกตัวอย่างสูตรเหล่านั้นพอเป็นสังเขป ดังนี้

    • สูตรดื่มน้ำส้มเย็นเชี้ยบที่แช่ค้างคืน โดยผสมกับไข่ดิบเข้าด้วยกัน
    • สูตรจิบน้ำมันดอกคำฝอยผสมน้ำมันงา
    • สูตรจิบน้ำมันขิง ผสมโซดา น้ำ น้ำมะนาวหรือน้ำส้ม
    • สูตรกินแอสไพริน 2 เม็ด ในตอนเช้าและดื่มน้ำตามมากๆ
    • สูตรกินปลาทูน่าที่ผสมน้ำมะนาว มะเขือเทศ กระเทียม พริก แตงกวา
    • สูตรกินซุปไก่ผสมหอมใหญ่ แครอต แป้งข้าวโพด เกลือ กระเทียม
    • สูตรกินน้ำกะหล่ำปลีดอง ผสมน้ำมันมะกอกเข้าด้วยกัน
    • สูตรฝานมะนาวเป็นแว่นแล้วนำมาถูรักแร้
    • สูตรทิ่มเข็มบนจุกก๊อกตามจำนวนดริ๊งที่ดื่ม(ยิ่งแปลกกว่าดื่ม) แต่ควรระวังอาจจะหยิบเข็มผิดๆ ถูกๆ หรือหยิบเข็มได้ก็อาจจะจิ้มพลาดไปถูกเพื่อนข้างๆ เข้า
    • สูตรอบไอน้ำ แต่จะต้องไปตรวจสุขภาพก่อนว่าเป็นความดันโลหิตสูงหรือไม่ หรือมีโรคภัยไข้เจ็บอะไร มิฉะนั้นแทนที่จะหายเมาค้าง ท่านอาจะจะพับดับชีพได้เหมือนกัน
    • สูตรใช้เปลือกของต้นควินินซึ่งขมปี๋จะช่วยรักษาการเมาค้างได้ นอกจากควินินแล้วพืชที่มีรสขมอื่นๆ ก็มักจะมีคุณสมบัตินี้เช่นกัน เช่น dandelion, gentian, mugwort และ angostura สำหรับ angostura นั้น มีทำเป็นน้ำยาขมเอาไว้ผสมเหล้า เรียกว่า Angostura Bitters เมื่อเกิดเมาค้าง จงเอา Angostura Bitters 2-3 หยดใส่ในน้ำร้อน เติม roselle และมะขามเพื่อปรุงรส ดื่มน้ำชานี้เยอะๆ จะช่วยแก้การเมาค้างได้
    • สูตรทานแปะก๊วย นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นเป็นผู้พบว่าเมล็ดแปะก๊วยมีเอนไซม์ซึ่งจะช่วยให้ร่าง กายขจัด แอลกอฮอล์ได้เร็วขึ้น การกินเมล็ดแปะก๊วยจึงช่วยรักษาอาการเมาค้างได้ ในญี่ปุ่นมักจะเสิร์ฟเมล็ดแปะก๊วยในเวลามีปาร์ตี้โดยเชื่อกันว่าจะป้องกัน การเมาและเมาค้าง

7
ธีรินทร์ทาวน์ ราชพฤกษ์ - พระราม 5 (Teerin Town Ratchapruek - Rama 5)
โครงการธีรินทร์ทาวน์ ราชพฤกษ์-พระราม 5 ทาวน์โฮม 2 ชั้น สไตล์ Modern British Colonial ที่ผ่านการออกแบบอย่างพิถีพิถัน พร้อมคลับเฮ้าส์สองชั้นสไตล์ British Colonial เรียบหรู สัมผัสความสะดวกสบายด้วยฟังก์ชันที่ครบครัน สะดวกทุกการใช้ชีวิต บนทำเลราชพฤกษ์ - พระราม 5

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ              ธีรินทร์ทาวน์ ราชพฤกษ์ - พระราม 5 (Teerin Town Ratchapruek - Rama 5)
 เจ้าของโครงการ         ธีรินทร์กรุ๊ป
 แบรนด์ย่อย              ธีรินทร์ทาวน์
 ราคา                     เริ่มต้น 3.95 ลบ. (ณ. วันที่ 20 พ.ค. 67)

 ประเภทบ้าน            ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล           บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ          14 ไร่ 2 งาน 66 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน             149 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด        2 แบบ
  เนื้อที่บ้าน              ตั้งแต่ 19.2 ถึง 21.7 ตร.ว.
 พื้นที่ใช้สอย             ตั้งแต่ 124 ถึง 141 ตร.ม.
 จำนวนชั้น               2 ชั้น
 หน้ากว้าง                5.7 ม.
 จำนวนห้องนอน        3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ         2 คัน
 สาธารณูปโภค          สวนสาธารณะ (สวนส่วนกลาง), คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV, อื่นๆ (ระบบรักษาความปลอดภัย 2 ชั้น, EV Charger), Keycard System

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน                 นนทบุรี, บางบัวทอง, บางใหญ่, ปากเกร็ด
 ที่ตั้ง                 ตำบลบางไผ่ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้ทางด่วน (ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (ด่านบางบำหรุ), ทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก (ด่านตลิ่งชัน))
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนราชพฤกษ์, ถนนกาญจนาภิเษก, ถนนบรมราชชนนี)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ศูนย์การค้า
1. แม็คโคร นครอินทร์ 0.8 กม.
2. ตลาดพระราม 5 6 กม.
3. เดอะคริสตัล ราชพฤกษ์ 7 กม.
4. ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์วิลล์ 7 กม.
5. ศูนย์การค้าเซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ 10 กม.
6. โลตัส บางใหญ่ 11 กม.

 
โรงพยาบาล
1. โรงพยาบาลศูนย์บริการการแพทย์นนทบุรี 4 กม.
2. โรงพยาบาลยันฮี 8 กม.
3. โรงพยาบาลศรีสวรรค์ ราชพฤกษ์ 10 กม.
4. โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ (การุญเวชเดิม) 12 กม.
5. โรงพยาบาลธนบุรี 14 กม.


สถานศึกษา
1. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ 5 กม.
2. มหาวิทยาลัย ราชพฤกษ์ 5 กม.
3. โรงเรียนเทพศิรินทร์ นนทบุรี 10 กม.


การเดินทางอื่นๆ
1. สะพานพระราม 5 1.5 กม.
2. สะพานพระราม 7 5 กม.

 ปีที่สร้างเสร็จ
โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 หมายเหตุ
 สอบถามเพิ่มเติม
Tel. 02-449-5402



บ้านโครงการใหม่ 2024: ธีรินทร์ทาวน์ ราชพฤกษ์ - พระราม 5 (Teerin Town Ratchapruek - Rama 5) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/house/

8
ฮอนด้า Honda Goldwing DCT ปี 2024
Honda GOLDWING เฉดสีทูโทนใหม่ ได้แก่ ?สีขาว-ดำ Pearl Glare White Graphite Black และ ?สีเทา-ดำ Heavy Gray Metallic & Graphite Black? ผสานความเรียบหรู และความดุดันอย่างลงตัว เสริมความสง่างามของรถทัวริ่งระดับท็อปคลาสให้ก้าวไปอีกขั้น แรงด้วยขุมพลังด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 1,800 ซีซี SOHC 24 วาล์ว มาพร้อมโหมดการขับขี่ถึง 4 แบบ คือ Tour, Sport, Econ และ Rain ขับเคลื่อนด้วยชุดเกียร์อัจฉริยะ DCT ปรับความเร็วได้ 7 สปีด เอกสิทธิ์เฉพาะของฮอนด้า พร้อมระบบควบคุมความเร็วต่ำพิเศษ หรือ 'Walking' และระบบคันเร่งไฟฟ้า ที่ทำงานร่วมกับระบบควบคุมแรงบิด Honda Selectable Torque Control (HSTC) ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างแม่นยำและนุ่มนวล เสริมความปลอดภัยอีกขั้นด้วยระบบถุงลมนิรภัย Airbag System ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์ช่วยตรวจจับเมื่อเกิดแรงปะทะ หรืออุบัติเหตุ เพิ่มความมั่นใจขึ้นอีกขั้นในทุกการเดินทาง ยกระดับประสบการณ์การขับขี่ที่เหนือจินตนาการ

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                  Honda
   รุ่น                       ฮอนด้า Honda Goldwing DCT ปี 2024
   ประเภทรถ              Sport Touring Bigbike
   ปีที่เปิดตัว              2024
   ราคา                   1,355,000 บาท


สเปค
   รูปแบบเกียร์                  เกียร์ออโต้
   ระบบเกียร์                    7-Speed automatic DCT , plus reverse and walking mode
   รายละเอียดเครื่องยนต์      GL1800 GOLDWING TOUR (DCT) SC79E / Liquid-cooled 4-stroke 24 valve SOHC flat-6
   ระบบระบายความร้อน        น้ำ
   ระบบสตาร์ท                สตาร์ทไฟฟ้า (มือ)
   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)      1833 CC
   แบบเครื่องยนต์               4 จังหวะ
   ระบบจุดระเบิด                Full Transistorized ignition
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง      เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), เบนซิน 95
   ระบบจ่ายน้ำมัน               หัวฉีด
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)       21 ลิตร

   ระบบกันสะเทือน
ล้อหน้า Double wishbone type; 4.3 inches travel, ล้อหลัง Pro Arm single-side swingarm with Pro-Link single shock with computer-controlled spring preload adjustment with two memory presets 4.1 inches trave

   ระบบเบรค                     ล้อหน้า ดิสก์เบรก (Hydraulic dual 320mm discs, ABS), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (Hyraulic singlel 316mm discs, ABS)
   แบบวงล้อ                     แมกซ์
   ขนาดยาง                      ล้อหน้า 130/70R18M/C 63H, ล้อหลัง 200/55R16M/C 77H
   ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.) 2,615 x 905 x 1,430
   น้ำหนักตัวรถ                  388.00 กก.



bigbike ฮอนด้า Honda Goldwing DCT ปี 2024 อ่านบทความเพ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.checkraka.com/motorcycle/bigbike/

9
มาแล้วจ้าสำหรับใครที่กำลังต้องการจะใช้บริการ รถรับจ้างขนของ ช่วงปีใหม่ เรามีรถที่ไว้คอยบริการมากมายทั้ง รถกระบะรับจ้าง รถรับจ้างย้ายบ้าน รถหกล้อรับจ้าง รถ 4 ล้อใหญ่รับจ้าง เช่ารถกระบะรับจ้าง รถสิบล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง รถขนของ และรถรับจ้างทั่วไป ทุกงานบริการเราพร้อมที่จะให้ แก่ลูกค้าทุกคนที่ต้องการขนย้ายของ ไม่ว่าคุณจะ ย้ายหอ ย้ายสำนักงาน ขนของย้ายบ้าน ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายสินค้า อุปโภคบริโภค อุปกรณ์ก่อสร้าง ไซต์งานก่อสร้าง หรือจะขนย้ายอื่นๆ เราก็มีความพร้อม ที่จะให้บริการท่านตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยประสบการณ์และความชำนาญที่ยาวนานกว่า 15 ปี



เราบริการลูกค้าทุกระดับ เต็มความประทับใจ มี พนักงานยกของ  จำนวนมากไว้คอยบริการลูกค้าทุกจุดทุกพื้นที่ในประเทศไทยซึ่งใน รถรับจ้างช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 นี้ ทางเราได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของ รถรับจ้าง ที่จะเข้ามาให้บริการลูกค้า เป็นอย่างดี เพื่อต้องการที่จะ สนับสนุนงานขนย้ายให้กับลูกค้าได้ทุกประเภท เราเตรียมความพร้อมในเรื่องของ คุณภาพของรถ ประสิทธิภาพของรถ และพนักงานยกของ จำนวนมากมาย เพื่อที่จะได้ไม่ต้องขาดตกบกพร่องในระหว่างการให้บริการลูกค้าทุกคน ซึ่งจากประสบการณ์และการทำงานของเราโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันสำคัญ

เรารู้ดีอยู่แล้วว่าจะต้องมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพราะบางคนต้องการที่ย้ายที่อยู่ กลับต่างจังหวัด ย้ายงานใหม่ ขนย้ายบ้าน หรือย้ายออฟฟิศ ต่างมีความจำเป็นเป็นอย่างมากที่จะใช้บริการ รถรับจ้างขนย้ายของ เข้าไปให้บริการดังนั้น ทีมงานขนส่ง เราจึงมีการวางแผนที่ดีให้กับลูกค้าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาหลายปี เราให้บริการลูกค้า เป็นจำนวนมาก และเราจะรู้ถึง ปัญหา และการแก้ไขปัญหาในระหว่างหน้างานที่เราให้บริการในช่วงเทศกาลวันสำคัญ ได้เป็นอย่างดี เพื่อนคนไหนที่ต้องการจะใช้บริการสามารถ ตรวจเช็คราคาค่าขนย้าย หรือจะขอมาพูดคุยรายละเอียด ขอคำแนะนำงานขนย้ายต่างๆกับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมงผ่านช่องทาง LINE Facebook เว็บไซต์ หรือ เบอร์โทรได้

บริการทุกระดับประทับใจให้ความเป็นกันเองราคาถูกจริง


พื้นที่ที่เราให้บริการ รถรับจ้างราคาถูก รถรับจ้างเที่ยวกลับ ตอนนี้เราให้ บริการในช่วงเทศกาลปีใหม่ เริ่มตั้งแต่เดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคม เรามีรถเที่ยวกลับจำนวนมากไว้คอยบริการลูกค้า แต่ก็ยังมีจำนวนจำกัด เนื่องจากว่าในช่วงเทศกาลดังกล่าวนี้มีผู้เข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสำหรับใครที่มีแผนจะขนย้ายของที่แน่นอน

ท่านต้องรีบจอง รถขนของราคาถูก นี้เป็นการด่วน เพื่อที่ท่านจะได้ประหยัดต้นทุนค่าขนย้าย หากท่านติดขัดประการใดยังไงโทรมาคุยปรึกษากันก่อนเรามี รถรับจ้างขนของราคาถูก ไปคอยบริการอยู่ทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยไม่ว่าคุณต้องการที่จะขนย้ายไปยังจังหวัดไหน เราก็พร้อมที่จะให้บริการท่าน ได้อย่างไม่มีปัญหา สามารถพูดคุยโทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่หรือผู้ที่ดูแลท่านได้เลยทันที สงสัยอะไรสอบถามได้ เรามีคำตอบและมีการวางแผนดีๆไว้ให้กับท่าน อย่างแน่นอน

อย่าลืมนะคะหากท่านสนใจที่จะใช้บริการ รถกระบะรับจ้างขนของ รถ6ล้อรับจ้าง รถหกล้อรับจ้างย้ายบ้าน รถรับจ้างขนของ ขนย้ายของ ขนย้ายออฟฟิศ ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายเครื่องจักร รถสิบล้อรับจ้าง รถเทลเลอร์รับจ้าง รถเฮี๊ยบรับจ้าง หรือ รถรับจ้างอื่นๆทั่วไป เราพร้อมที่ให้บริการท่านได้อย่างไม่มีปัญหาทุกงานบริการ จะย้ายหอย้ายบ้าน ย้ายอะไรก็ตามแต่ โทรเข้ามาปรึกษากับเราได้เลยทันทีเรายินดีให้บริการท่านตลอด 24 ชั่วโมง เราอยากให้คุณเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง กับทีมงานขนส่งกับเราเรามีความมั่นใจว่าจะให้บริการ ท่านและให้คำแนะนำท่านได้เป็นอย่างดีที่สุดจากประสบการณ์แต่การทำงานของเราขอบคุณลูกค้าทุกท่าน

บริการรถกระบะรับจ้างราคาถูก
ผู้ที่เข้ามาใช้บริการรายเก่าและรายใหม่ เรามีความสุขและมีความดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับโอกาสเข้าไปรับใช้ท่าน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ นี้เราขอให้ลูกค้าทุกคน จงมีแต่ความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดขอให้ได้สมดังปรารถนา กิจการรุ่งเรือง มั่งคั่ง สุขภาพร่างกายแข็งแรง ตลอดปีและตลอดไป รถรับจ้างขนย้ายของขนส่ง ขอขอบคุณท่านเป็นอย่างสูงนะค่ะ

รถกระบะรับจ้าง รับจ้างขนของช่วงปีใหม่ บริการดี ถูก ประทับใจ 6ล้อรับจ้าง ย้ายบ้าน ทั่วไป อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-pickup.com/

10
หากลูกค้าท่านใดกำลังมองหางานบริการ รถรับจ้าง ที่ราคาถูกไม่รู้ว่าที่ไหนมี เรามีบริการรถรับจ้างขนของ ทุกชนิด กระบะรับจ้าง รถ6ล้อรับจ้าง รถ10ล้อรับจ้าง รถเทรลเลอร์รับจ้าง รถเฮียบรับจ้าง ที่จะมาบริการ รับจ้างขนของ ให้กับทุกท่าน เราขอมาแนะนำจ้าสำหรับใครที่มองหา บริการ ขนย้าย ย้ายหอ ย้ายบ้าน ขนย้าย ขนของ ที่มาพร้อมบริการ คนยกสินค้า เราก็มีบริการมาให้ลูกค้าเลือกใช้บริการอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น รถรับจ้าง รถรับจ้างราคาถูก รถ6ล้อรับจ้างย้ายบ้าน

รถ10ล้อรับจ้างขนสินค้าการเกษตร รถขนส่งสินค้าทั่วไป ที่พร้อมให้บริการ ลูกค้าสามารถบอกเราได้ว่าต้องการรถแบบไหนใช้ในงานอะไรเราก็จะจัดส่งรถที่เหมาะสมกับการใช้งานไปให้ลูกค้า โดยลูกค้าสามารถโทรสอบถามเราได้ก่อนเรียกใช้บริการหรือโทรมาขอคำปรึกษาเราก็มีพนักงานที่พร้อมให้คำปรึกษาให้กับลูกค้าของเรา พนักงานเรามากประสบการณ์ท่านสามารถปรึกษาได้ในเรื่องการให้บริการ ค่าจ้างรถรับจ้าง หรือการบริการงานขนย้าย เรามีรถทุกชนิดทุกประเภทมาให้ลูกค้าเลือก


บริการรถกระบะรับจ้างราคาถูก

ใช้บริการของเราได้เลย เรื่องราคาไม่ต้องเป็นกังวลไปคะราคาเราสบายถุงสบายกระเป๋า ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว เรื่องค่ามัดจำลูกค้าสามารถตกลงได้ว่าจะมัดจำกับเราเท่าไร หรือต้องการจ่ายหน้างาน เราสามารถคุยตกลงกันก่อนได้เพื่อความสบายใจของลูกค้าหรือข้อตกลงอะไรให้ลูกค้าต้องกังวล ราคามาตรฐานไม่ต้องห่วงหรือกลัวเลย เพราะเราอยู่คู่ลูกค้ามาแล้วทั่วประเทศทั่วจังหวัดทั่วทุกอำเภอ ในเรื่องราคานี้ไม่ต้องพูดถึงลูกค้าทุกท่านได้รับความเป็นธรรมอย่างแน่นอน 

บริการเรา ซื่อสัตย์ ซื่อตรง ใส่ใจในทุกงานบริการ พนักงานที่มากด้วยประสบการณ์ความพร้อมที่จะให้บริการลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น พนักงานขับรถที่มีความชำนาญเส้นทาง ไม่ว่าลูกค้าต้องการไปไหนเส้นทางใดพนักงานขับรถของเราก็สามารถพาลูกค้าไปถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย เพราะการบริการของเราดีกว่าที่ลูกค้าเคยใช้บริการมาแล้วอย่างแน่นอนคะ เราไม่ได้มีแค่งานบริการ รถรับจ้าง แค่นั้นนะคะเรายังมีการบริการ คนขนย้าย ขนของ ที่จะช่วยใน งานย้ายบ้าน ย้ายคอนโด ย้ายหอ

เยอะแยะมากมายเลยคะที่รอให้บริการลูกค้าอยู่ ทั้งนอกและในประเทศเราก็สามารถพาลูกค้าไปได้จะใกล้หรือไกลระยะทางไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับการให้บริการของเรา เพราะเราไปมาทั่วประเทศทุกจังหวัดทุกอำเภอ จะเพิ่มไปอีกจะเป็นไรไปคะ เพียงแค่เป็นความต้องการของลูกค้าเราก็พร้อมที่จะสนองความต้องการของลูกค้าในทันที งานปลอดภัยต้องยกให้เราเป็นที่หนึ่งคะ มาใช้บริการเราแล้วท่านจะได้รับการบริการที่ดีที่เราพร้อมมอบให้กับลูกค้าไม่ต้องเชื่อในสิ่งที่เราพูดมาเพียงแค่ลองเปิดใจ


มาใช้บริการดูแล้วท่านจะเห็นความแตกต่างของการให้บริการที่ท่านจะได้รับประทับใจไม่ลืม ลูกค้าทุกท่านที่มาใช้บริการเราส่วนมากแล้วจะกลับมาใช้บริการเราอีกอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เราได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าหากลูกค้าท่านใดอยากเรียกใช้งานบริการด้าน รถรับจ้าง รถรับจ้างราคาถูก รถ10ล้อรับจ้าง รถเฮียบรับจ้าง รถพ่วงรับจ้าง รถขนส่งสินค้า รถกระบะรับจ้าง รถกระบะขนของ รถ6ล้อรับจ้าง หรือไม่ว่าจะเป็นรถอะไรที่ลูกค้าต้องการอยากเรียกใช้บริการ เราก็มีรถมากมายที่พร้อม

ใช้งานและให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชม. ทุกคำติชมทำให้เราอยู่ข้างคนไทยมามากกว่า 15 ปี และทั้งนี้เรายังมี Facebook Fanpage Line ให้ลูกค้าสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเราได้ ไม่ว่าจะไปไหนงานอะไรหนักเบาแค่ไหนเราก็พร้อมให้บริการเพียงแค่นึกถึงเราท่านจะได้มากกว่า บริการรถรับจ้าง หรือการบริการขนย้ายแบบธรรมดาๆ ทุกปัญหาของลูกค้าเรามีทางออกที่ดีให้ลูกค้าเสมอมา เราเน้นในทุกความใส่ใจของงานบริการ รถรับจ้าง ทุกเรื่องงานบริการจึงทำให้เราพร้อมให้บริการ

ลูกค้ามาตลอด 15 ปี ขอบคุณลูกค้าทุกท่านที่ให้เราดูแลในเรื่องการใช้บริการ รถรับจ้าง งานบริการขนย้ายที่ลูกค้านึกถึงเรา ลูกค้าสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลจากทางเราได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องรีรอ ราคาต่อรองได้ ขอคำแนะนำดีจากเราฟรีๆไม่มีค่าใช้จ่าย ลองกดเข้ามาเลย เรารอคุณอยู่นะคะ



วิธีเลือกหาบริการ รถกระบะรับจ้าง อย่างสบายใจ คุณภาพและราคา อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.rodrubjang-pickup.com/

11
หลายคนมีฟันคุด ที่เป็นปัญหากวนใจทำให้เรามีอาการปวดฟัน แบบทรมานแทบจะนอนไม่หลับเลยทีเดียว และการที่เราปวดฟันคุดนั้น อาจจะส่งผลให้เรามีอาการปวดหัวร่วมด้วย ซึ่งหากเรามีฟันคุดก็ควรที่เข้ารับการถอนฟันออก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต เพราะฟันคุด คือฟันที่ไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติในช่องปาก อาจจะโผล่ขึ้นมาได้เพียงบางส่วน หรือฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกรทั้งซี่ ฟันซี่ที่พบว่าเป็นฟันคุดบ่อยที่สุด คือ ฟันกรามล่างซี่สุดท้าย ซึ่งอยู่ด้านในสุดของกระดูกขากรรไกรล่าง โดยปกติแล้วฟันซี่นี้ควรจะขึ้นในช่วงอายุ 18 – 25 ปี อาจโผล่ขึ้นอยู่ในลักษณะตั้งตรง เอียง หรือนอนในแนวระนาบ และมักจะอยู่ชิดกับฟันข้างเคียงเสมอ


นอกจากนี้ฟันซี่อื่นๆแล้ว ก็อาจจะคุดได้ เช่น ฟันเขี้ยว ฟันกรามน้อยแต่พบได้น้อย แต่ฟันคุดหากปล่อยไว้แล้วมีอาการปวด ทันตแพทย์จะแนะนำให้เราผ่าออก ซึ่งการผ่าฟันคุดเป็นการผ่าตัดเพื่อนำฟันที่ไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติออก แต่ถ้ามีไม่มีอาการรุนแรงจนเกินไป ทันตแพทย์จะทำรักษาด้วยการตกแต่งเนื้อเยื่อโดยรอบ หรืออาจจะแนะนำให้รักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น หากมีการอักเสบเล็กๆ ที่เหงือกบริเวณด้านหลังของฟันที่จะทำให้เกิดอาการเจ็บขณะกัดฟัน ทันตแพทย์อาจทำการรักษาเนื้อเยื่อบริเวณที่อักเสบ หรือแนะนำให้ผู้ป่วยเปลี่ยนวิธีแปรงฟัน และให้ผู้ป่วยใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดที่ซอกฟันด้านหน้าและด้านหลังของฟันคุด ซึ่งจะช่วยให้เหงือกมีสุขภาพที่ดีขึ้นและหลีกเลี่ยงการเกิดโรคเหงือกอักเสบหรือการติดเชื้อบริเวณรอบๆ ฟันคุดได้ด้วย


สำหรับวันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงปัญหาที่หลายๆคนมักเผชิญและเป็นปัญหากวนใจที่อาจจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของเราได้ เพราะถ้าหากอาการปวดฟันคุดกำเริบขึ้นมา อาจจะส่งผลต่อการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวันได้ วันนี้เราจะมาพูดถึงคำถามที่ว่า ทำไมเราจะต้องผ่าตัดฟันคุด ต้องบอกก่อนว่าฟันคุด ถ้าหากไม่มีอาการเจ็บปวดหรือส่งผลกระทบใดต่อสุขภาพฟัน ทันตแพทย์ก็จะแนะนำให้รักษาโดยวิธีการอื่น โดยที่ไม่ต้องถอนฟัน แต่ถ้าหากฟันคุดทำให้เกิดอาการปวดขึ้นมา ก็อาจจะก่อให้เกิดปัญหา หรือการเอกซเรย์แสดงให้เห็นว่าฟันคุดส่งผลกระทบต่อฟันซี่อื่นๆ อย่างชัดเจน หรือหากมีสาเหตุอื่นๆ ที่เกิดจากฟันคุดก็จำเป็นต้องผ่าตัดออก โดยสาเหตุที่อาจทำให้ทันตแพทย์ตัดสินใจผ่าฟันคุดออกเพื่อทำการรักษาและแก้ไขทันที


ยกตัวอย่างเช่น ถ้าฟันคุดเกิดสร้างความเสียหายให้กับฟันซี่อื่นๆ บริเวณใกล้เคียง ก็อาจจะก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดภายในช่องปาก หรือปัญหาในการกัดได้ รวมไปถึงอาจจะสร้างความเสียหายที่ขากรรไกร ฟันคุดอาจก่อให้เกิดถุงน้ำรอบๆ แล้วอาจทำให้บริเวณขากรรไกรนั้นถูกทำลายจนเป็นหลุมและทำลายเส้นประสาทที่บริเวณขากรรไกรได้ บางกรณีอาจเกิดปัญหาที่ไซนัส ฟันคุดสามารถก่อให้เกิดอาการปวด แรงดัน หรืออาการบวมที่ไซนัส นอกจากนี้ ฟันคุดยังเป็นสาเหตุของการเกิดเหงือกอักเสบ เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณรอบ ๆ ฟันคุดเกิดการอักเสบ จะทำให้เกิดอาการบวมและยากต่อการทำความสะอาด และแน่นอนการเกิดฟันผุ ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดอาการเหงือกบวมจากฟันคุดจะทำให้เกิดช่องว่างระหว่างฟัน และทำให้เชื้อแบคทีเรียเข้าไปเจริญเติบโต และก่อให้เกิดฟันผุตามมาได้


ดังนั้น ถ้าหากเกิดปัญหาหรืออาการที่กล่าวมาข้างต้น เราควรที่จะปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการผ่าฟันคุดออกทันที เพื่อป้องกันการอักเสบของเหงือกที่ปกคลุมฟัน เพราะจะมีเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ใต้เหงือกได้ แล้วไม่สามารถทำความสะอาดได้ อาจจะทำให้เกิดการสะสมจนทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันตามมา ทั้งนี้ เชื้อแบคทีเรียที่มาสะสมอยู่จะทำให้เหงือกอักเสบ ปวดและบวมเป็นหนอง ถ้าทิ้งไว้การอักเสบจะลุกลามไปใต้คาง หรือใต้ลิ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ง่าย นับว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายคนไม่ควรมองข้าม ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจในเรื่องของการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟัน เพื่อที่จะได้มีสุขภาพฟันที่ดี และเป็นการป้องกันการเกิดปัญหาในอนาคตด้วย



จัดฟันบางนา: ทำไมต้องผ่าฟันคุด อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/category/จัดฟันบางนา/

12
หลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันเพื่อแก้ปัญหาฟันสามารถทำได้ตั้งแต่ในเด็ก โดยไม่ต้องรอฟันน้ำนมหลุดหมดก่อนหรือรอจนฟันแท้ขึ้นครบ การรักษาตั้งแต่เริ่มแรกอาจจะทำให้ใช้เวลาในการรักษาน้อยกว่า แล้วยังไม่ยุ่งยาก ลดค่าใช้จ่าย และได้ผลการรักษาที่ดีและส่งผลดีในระยะยาวด้วย โดยการจัดฟันในเด็กนั้นจริงๆแล้ว สามารถเริ่มจัดฟันได้ตั้งแต่ 3-4 ขวบโดยไม่ต้องรอให้เด็กฟันแท้ขึ้นครบแล้ว พ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนอาจคิดว่าฟันน้ำนมของเด็กนั้นไม่มีความสำคัญ


เพราะคิดว่า ในอนาคตก็จะมีฟันแท้ขึ้นมาแทนที่อยู่ ซึ่งต้องบอกว่า นี่คือความคิดที่ผิดเพราะฟันน้ำนมของเด็กนั้นมีผลต่อการขึ้นของฟันแท้ และเมื่อพ่อแม่ผู้ปกครองสังเกตเห็นว่า เด็กเริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ก็ควรพาเด็กเข้าพบทันตแพทย์ ซึ่งในการจัดฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองก็จะต้องศึกษารายละเอียดให้ดี และควรปรึกษาทันตแพทย์จัดฟันโดยตรงเพื่อเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อให้เด็กได้ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาในอนาคตได้

แต่ถึงแม้การจัดฟันในเด็กจะมีข้อดี แน่นอนว่าจะต้องมีข้อเสียด้วยเช่นกัน แต่วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงข้อเสียของการจัดฟันในเด็กด้วยเครื่องมือ EF LINE ถึงแม้จะเป็นข้อเสียแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เพราะเด็กทุกคนสามารถปรับตัวให้เข้ากับเครื่องมือได้อย่างแน่นอน และผลการรักษาของการจัดฟัน EF LINE ในเด็กนั้น ถือว่าคุ้มค่ามากเลยทีเดียว เพราะจะช่วยทำให้เด็กมีรูปร่างฟันที่ดี มีสุขภาพช่องปากและฟันที่แข็งแรง เพราะการที่เด็กเข้ารับการจัดฟันในเด็กนั้น เด็กจำเป็นที่จะต้องเอาใส่ใจในเรื่องของการทำความสะอาดช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันการเกิดฟันผุและปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างการจัดฟัน
 

ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงเครื่องมือการจัดฟัน EF LINE ก่อนว่า เป็นอย่างไร เผื่อพ่อแม่ผู้ปกครองบางคนอาจจะไม่เคยได้ยินหรือรู้จักการจัดฟันแบบ EF LINE โดยเครื่องมือ EF LINE สามารถใช้ได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 4 -15 ปี โดยเครื่องมือชนิดนี้มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกันของเด็กไม่ว่าจะเป็นปัญหารูปหน้าที่มีคางยุบ ค้างเบี้ยวกระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้น ซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า เป็นต้น


ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อท่านพบความผิดปกติดังที่ได้กล่าวมาหรือในกรณีที่ไม่ทราบว่าบุตรหลานของท่านมีความผิดปกติใดๆแฝงอยู่หรือไม่ จึงควรพาบุตรหลานเข้ารับการตรวจช่องปากและฟันและวางแผนการรักษากับทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้บุตรหลานของท่านไม่เสียโอกาสที่จะได้รับการแก้ไขปัญหาและช่วยปรับโครงสร้างใบหน้าเพื่อผลการจัดฟันที่ดีขึ้น ใช้เวลาน้อยลง และประหยัดค่าใช้จ่ายด้วย สำหรับข้อเสียของการจัดฟันในเด็กโดยใช้เครื่องมือ EF LINE ถือเด็กอาจจะต้องปรับตัวในการสวมใส่เครื่องมือ เพราะในช่วงแรกอาจจะทำให้รู้สึกไม่คุ้นชิน อาจจะทำให้รู้สึกอึดอัดในช่วงแรก นี่คือข้อเสียที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการรับประทานอาหาร


การใช้ชีวิตประจำวันของเด็กได้ ซึ่งตัวเครื่องมือการจัดฟัน EF LINE เด็กจะต้องสวมใส่เครื่องมือตลอดเวลาแม้กระทั่งเวลานอน อาจจะทำให้เกิดความไม่คุ้นชินได้ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นข้อเสียของการจัดฟันในเด็ก โดยเครื่องมือ EF LINE ซึ่งทางพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตุและดูแลในการสวมใส่เครื่องมือของเด็กด้วย เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์วางแผนไว้


สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด อยากพาบุตรหลาของท่านเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการจัดฟันในเด็ก และมีประสบการณ์ทางด้านทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงมั่นใจได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม สามารถบดเคี้ยวอาหารได้ดี และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะทางคลินิกของเรา อยากให้เด็กๆทุกคนที่สุขภาพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ มีรอยยิ้มที่มั่นใจ และยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของบุคลิกภาพของเด็กได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว



ข้อเสียของการจัดฟันเด็กด้วยเครื่องมือ EF LINE  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://www.idolsmiledental.com/การจัดฟันเด็ก/

13
ตกบ่ายทีไรเป็นต้องง่วงจนตาปรือทุกที ทั้งที่ช่วงพักเที่ยงยังรู้สึกคึกคักดีอยู่เลย! พอง่วงแล้วเนี่ยสมาธิทำงานก็ไม่มี คิดงานก็ไม่ออก หรือถ้ายังเป็นนักเรียนอยู่ ก็เรียนไม่รู้เรื่อง ฟังครูสอนไม่ทันอี๊กก เจอแบบนี้คงต้องงัด “10 วิธีแก้ง่วงตอนบ่าย” มาใช้กันแล้วล่ะ!


อาการง่วงนอนตอนบ่าย เกิดจากอะไร?

ธรรมชาติร่างกายของคนเรามักจะง่วงนอนอยู่ 2 ช่วงเวลา คือ

    ช่วงระหว่างเที่ยงคืน ถึง 7 โมงเช้า
    และบ่ายโมง ถึง 4 โมงเย็น

ใครที่ต้องทำงานในช่วงเวลาดังกล่าว ก็มีโอกาสสูงที่จะง่วงนอนได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่นอนหลับไม่เพียงพอ ส่วนสาเหตุของการ ง่วงนอนตอนบ่าย นั้น สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น

● นอนดึก หรือนอนน้อย คือตัวการหลักของอาการ ง่วงนอนตอนบ่าย เพราะโดยเฉลี่ยแล้ว ร่างกายของเราต้องพักผ่อนอย่างน้อย 7-9 ชั่วโมงต่อวัน (อาจจะมาก หรือน้อยกว่านี้ตามแต่ละบุคคล)

● ปัญหาสุขภาพจิต เช่น การเปลี่ยนแปลงของสุขภาพจิต โดยสาเหตุของอาการง่วงนอนส่วนใหญ่มักมาจากอาการเบื่อหน่าย ขณะที่ภาวะซึมเศร้าก็ส่งผลให้เกิดความอ่อนเพลีย จนเป็นสาเหตุของอาการง่วงเหงาหาวนอน

● สภาพอากาศ และสิ่งแวดล้อม เช่น อากาศที่เย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศในที่ทำงาน หรือห้องเรียน บรรยากาศที่เงียบสงบ ก็สามารถทำให้ง่วงได้

● ทำงานมากเกินไป เมื่อคุณทำงานหนัก จนทำให้ร่างกายไม่ได้พักผ่อนจนเพียงพอ จะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย และรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา

● นอนไม่เป็นเวลา การนอนไม่เป็นเวลา จะทำให้ระบบการทำงานของร่างกายรวน เมลาโทนิน สารก่อให้เกิดความง่วงที่ออกฤทธิ์ตามช่วงเวลากลางวัน – กลางคืน ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืน และรู้สึกง่วงเหงาหาวนอนในตอนกลางวัน

● เป็นโรคประจำตัวที่ส่งผลต่อการนอนหลับ และทำให้ง่วงระหว่างวัน เช่น โรคหืด ภาวะหัวใจล้มเหลว ข้ออักเสบรูมาตอยด์

● โรคลมหลับ เป็นความผิดปกติด้านการนอนที่เกิดขึ้นอย่างเรื้อรัง (ในไทยพบผู้ป่วยโรคนี้น้อย) ผู้ป่วยจะรู้สึกง่วงอย่างมากในช่วงกลางวัน และมักหลับไปโดยไม่รู้ตัว บางรายอาจมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงกะทันหันร่วมด้วย

● ผลข้างเคียงจากยา ยา 4 กลุ่มใหญ่ ที่ทำให้หลับมากทั้งกลางคืน และกลางวัน ได้แก่ ยากล่อมประสาท ยาแก้ภูมิแพ้ ยากันชัก และยาลดน้ำมูก เป็นต้น

● ติดยาเสพติด ติดสุรา หรือเกิดภาวะถอนยา ทำให้เกิดภาวะหลับง่าย สูบบุหรี่ เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะหลับง่าย หากเกิดร่วมกับ สาเหตุอื่นจะทำให้มีอาการมากขึ้น

แต่ละช่วงวัย นอนแค่ไหนถึงจะพอ?

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ จะทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงอายุที่แตกต่างกัน ร่างกายก็ต้องการ การนอนเพื่อสุขภาพ ในปริมาณที่ไม่เท่ากันนะ

มูลนิธิการนอนหลับแห่งชาติ (National Sleep Foundation) ในสหรัฐอเมริกา ระบุระยะเวลาในการนอนหลับที่เหมาะสม โดยแบ่งตามอายุ ดังนี้

    เด็กแรกเกิด อายุ 0-3 เดือน ควรนอนวันละ 14-17 ชั่วโมง
    เด็กทารก อายุ 4-11เดือน ควรนอนวันละ 12-15 ชั่วโมง
    เด็กหัดเดิน อายุ 1-2 ปี ควรนอนวันละ 11-14 ชั่วโมง
    เด็กอนุบาล 3-5 ปี ควรนอนวันละ 10-13 ชั่วโมง
    เด็กประถม 6-13 ปี ควรนอนวันละ 9-11 ชั่วโมง
    เด็กมัธยม 14-17 ปี ควรนอน 8-10 ชั่วโมง
    เด็กมหาลัย 8-25 ปี ควรนอน 7-9 ชั่วโมง
    ผู้ใหญ่ 26-64 ปี ควรนอน 7-9 ชั่วโมง
    ผู้สูงวัย 65 ปีขึ้นไป ควรนอน 7-8 ชั่วโมง

รู้หรือไม่? สมาคมการแพทย์เพื่อการนอนหลับโลก (The World Association of Sleep Medicine : WASM) ได้กำหนดจัดกิจกรรม “วันนอนหลับโลก : World Sleep Day” ขึ้นในวันศุกร์สัปดาห์ที่สองของเดือนมีนาคมในทุก ๆ ปี

เพื่อให้ประชากรโลกได้ตระหนัก และให้ความสำคัญกับปัญหาการนอนหลับ หากไม่เร่งแก้ไขก็อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรังทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตได้


10 วิธีแก้ง่วงตอนบ่าย

1. นอนตอนกลางคืนให้เพียงพอ

ลองดูว่า ปกติแล้วคุณเข้านอนกันตอนกี่โมง และตื่นกี่โมง ถ้าเวลานอนของคุณน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงติดต่อกันหลายวันล่ะก็ การที่คุณง่วงนอนตอนบ่าย ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ซึ่งสามารถแก้ได้ง่าย ๆ ด้วยการเข้านอนให้เร็วขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่


2. มื้อเที่ยงให้หลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรต

อาหารจำพวกแป้ง และน้ำตาล ทำให้เราเกิดอาการง่วงซึมได้ โดยเฉพาะอาหารมื้อใหญ่ ๆ ที่เน้นแป้ง และน้ำตาล เพราะจะทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงกระเพาะอาหารมากขึ้น เพื่อเร่งย่อยอาหาร และทำให้เลือดที่ไหลไปเลี้ยงสมองมีน้อยลง หรือไหลเวียนช้าลง ทำให้เรารู้สึกง่วงซึม เฉื่อยชาได้


3. งีบหลับก่อนเริ่มกิจกรรมยามบ่าย

ถ้าง่วงมากนักก็หลับไปเลย มีผลการวิจัยหลายชิ้นระบุว่า การงีบ 10-20 นาที จะทำให้ร่างกายตื่นตัวและเพิ่มพลังให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นได้ดี ในช่วงเวลานี้จะสามารถปลุกให้ตื่นได้ง่าย

แต่ก็ไม่ควรงีบหลับเกินครึ่งชั่วโมงนะ เพราะคุณอาจจะหลับลึกไปเลย และทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกมึนงง และกลายเป็นง่วงหนักยิ่งกว่าเดิมได้


4. ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายบ้าง

อีกหนึ่งวิธี แก้ง่วงตอนบ่าย ที่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าได้ทันตาก็คือ การลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสาย เมื่อนั่งทำงานติดต่อกันหลาย ๆ ชั่วโมง แล้วรู้สึกง่วง อ่อนเพลีย ก็ให้ลุกขึ้นมาเดินเล่นเปลี่ยนอิริยาบทบ้าง อาจจะเดินไปเข้าห้องน้ำ หรือเดินไปมาในออฟฟิศก็ได้

เพราะการเดิน สามารถเพิ่มระดับพลังงานในร่างกายให้สูงขึ้น และลดอาการอ่อนล้าได้ ช่วยให้ร่างกายได้รับออกซิเจนเข้าสู่สมอง หลอดเลือด และกล้ามเนื้อ จึงทำใหรู้สึกตื่นตัว และสดชื่นขึ้น


5. ลูบหน้าด้วยน้ำเย็น

การใช้น้ำเย็นล้างหน้า ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยลบความง่วงออกที่ได้ผลดีมาก เพราะความเย็นของน้ำเย็น จะกระตุ้นประสาทสัมผันของคุณให้ตื่นตัวขึ้น และทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น


6. พักสายตาเป็นระยะ ๆ

การนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ และต้องจ้องมองหน้าจอติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้ดวงตาของคุณอ่อนล้า อ่อนเพลีย และส่งผลให้รู้สึกง่วงได้ จึงควรพักสายตาจากหน้าจอเป็นระยะ การพักสายตาด้วยการเดินไปที่หน้าต่าง และมองออกไปด้านนอกไกล ๆ นอกจากจะช่วยให้หายง่วงแล้ว ยังช่วยลดปัญหาเรื่องอาการปวดศีรษะ ล้า แสบตา ทำให้ดวงตารู้สึกสบายขึ้น


7. ดื่มน้ำระหว่างวัน

น้ำเปล่า เป็นตัวช่วยชั้นเลิศในการ แก้ง่วงตอนบ่าย การดื่มหรือจิบน้ำสะอาดเย็น ๆ อยู่เรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่นได้ดี จะช่วยทำให้ระดับออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น ร่างกายดูดซึมน้ำไปใช้เลี้ยงเลือดได้ทันที ช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กับร่างกายได้ดี


8. ลดความเครียดระหว่างวัน

ความเครียดทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เมื่อความเครียดลดลงก็จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียน้อยลง


9. ลดน้ำหนัก

น้ำหนักตัวที่มากขึ้น จะส่งผลให้ร่างกายทำงานหนักขึ้นจนเกิดความอ่อนเพลีย และง่วงนอนระหว่างวัน ดังนั้นการลดน้ำหนัก ด้วยการออกกำลังกายแบบง่าย ๆ เช่น เดินเร็ว แกว่งแขนไปมาวันละ 30 นาที แค่นี้ก็จะช่วยให้เรามีน้ำหนักที่ลดลง และอย่าลืมลด/งด การบริโภค น้ำตาล แป้ง ที่เป็นสาเหตุหลักของความอ้วนด้วยล่ะ


10. ดื่มกาแฟดำ

กาแฟดำ มีสารคาเฟอีน ซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง เพื่อลดความง่วง ความเหนื่อยล้า และกาแฟดำยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีกมาก เช่น ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน, ลดความเสี่ยงสมองเสื่อม, สามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้

ข้อควรระวัง! การดื่มกาแฟ ไม่ควรดื่มเยอะจนเกินไป เพราะ กาแฟมีฤทธิ์ขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมจากอาหาร และยังกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรด ซึ่งจะทำให้เกิดอาการอักเสบของกระเพาะอาหาร, ลำไส้ และเป็นกรดไหลย้อนได้




วิธีแก้ง่วงตอนบ่าย พร้อมแบบทดสอบอาการง่วงนอน  อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

14
โรคสมองเสื่อม แม้จะฟังดูไกลตัวแต่จริง ๆ แล้วหากไม่ได้รับการป้องกันและบำรุงสมองตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็อาจทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคสมองเสื่อมเมื่อแก่ตัวลงได้มากขึ้น วันนี้เราจึงจะพาคุณมารู้จักโรคสมองเสื่อม พร้อมทั้ง 5 วิธีดูแลสมอง และ 8 วิตามินบำรุงสมองให้แข็งแรงและห่างไกลโรคสมองเสื่อมกัน

โรคสมองเสื่อม เกิดจากอะไร?

โรคสมองเสื่อม (Dementia) เป็นภาวะที่สมองของคนเราเสื่อมสภาพลง และไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพดังเดิม ทำให้เกิดการหลงลืมเรื่องราว รวมถึงสิ่งที่คุ้นเคยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อตนเอง ชื่อคนใกล้ตัว เส้นทางกลับบ้าน และอื่น ๆ นอกจากนั้นยังอาจส่งผลให้มีพฤติกรรมที่ผิดแปลกไปจากเดิมได้ด้วย โรคสมองเสื่อมจึงเป็นโรคที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วยโดยตรง

โรคสมองเสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุ พันธุกรรม ความเครียดต่าง ๆ หรือแม้แต่พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ละเลยการดูแลและบำรุงสมอง เช่น การไม่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การไม่ออกกำลังกาย และพักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงพฤติกรรมที่เป็นการทำลายสุขภาพร่างกาย และสมองด้วย เช่น การดื่มสุรา และสูบบุหรี่เป็นประจำ

ภาวะสมองเสื่อมแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ

    การเสื่อมของเซลล์สมองตามอายุ ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่อาจทําได้เพียงชะลอการเสื่อมให้เกิดขึ้นช้าลง
    เกิดจากสาเหตุภายนอกและโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การได้รับการกระทบกระเทือนที่สมอง โรคทางสมอง หรือการติดเชื้อ แม้กระทั่งการใช้ชีวิตหนัก นอนพักผ่อนน้อย ซึ่งป้องกันได้ไม่ยาก

ผู้สูงอายุควรบริหารสมองควบคู่กับการบำรุงด้วยวิตามินบำรุงสมอง
วิธีดูแลและบำรุงสมองให้แข็งแรง ห่างไกลโรคสมองเสื่อม

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคสมองเสื่อมนั้นมีอยู่มากมาย แต่หลาย ๆ สิ่งก็เป็นปัจจัยภายนอกที่เราสามารถควบคุมได้ ด้วยการดูแลตัวเองให้ดีขึ้น โดยอาจทำตาม 5 ข้อแนะนำเหล่านี้ เพื่อเป็นการดูแล บริหาร และบำรุงสมองของเราให้แข็งแรง และทำงานได้มีประสิทธิภาพ ไม่เสื่อมไวนั่นเอง


การบริหารสมองเป็นประจำด้วยวิธีต่าง ๆ

✓ การเล่นเกม ทำงาน และงานอดิเรกต่าง ๆ ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความคิด ใช้สมองในการวางแผน คิดวิเคราะห์ หรือคำนวณ เปรียบเหมือนการออกกำลังกายให้สมองของเรามีสมรรถภาพที่ดี แข็งแรง และพร้อมใช้งานอยู่เสมอ


การพักผ่อนให้เพียงพอในทุก ๆ วัน

✓ การพักผ่อนเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ สำหรับการดูแลสมอง เพราะถึงแม้ว่าจะบริหารสมองหนักแค่ไหน แต่หากไม่ได้นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ สมองก็จะทำงานหนักจนเกินไป และไม่ได้มีเวลาฟื้นฟู หรือซ่อมแซมตัวเอง ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคสมองเสื่อมให้มากขึ้นอีก และการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง จะช่วยควบคุมความเครียด รู้จักผ่อนคลายโดยการหากิจกรรมทําให้เพลิดเพลิน เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เลี้ยงสัตว์



การออกกำลังกายเป็นประจำ

✓ จะช่วยบำรุงสมองของคนเราให้แข็งแรงอยู่เสมอได้ เพราะการออกกำลังกายจะทำให้เลือดไหลเวียนดี ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองได้เต็มที่ ทำให้สมองทำงานได้เป็นปกติ และแข็งแรงด้วยเช่นกัน การออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอ ในผู้สูงอายุ อาจไม่จําเป็นต้องออกกําลังกายอย่างหนัก หรือหักโหมนัก ควรออกกําลังกายเบาๆ อย่างเช่น เดินเบาๆ วิ่งเหยาะๆ หรือโยคะ เป็นต้น


อาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่

✓ การรับประทานเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพของคุณในองค์รวมไม่ใช่เพียงแค่การทำงานของสมองเท่านั้น เพราะการรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ จะช่วยให้คุณได้รับสารอาหารสำคัญ ๆ ครบถ้วน และทำให้ทุกระบบในร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอต่อการทำงานอย่างเป็นปกติ และมีประสิทธิภาพ เช่น วิตามินบี 1 ที่พบมากใน นม ถั่วเหลือง รําข้าว ตับ ไข่แดง เป็นต้น และทานผักใบเขียวเพื่อให้ได้รับสารโคลีน (choline) ซึ่งจําเป็นต่อการนําไปสร้างสารสื่อประสาท

การบำรุงด้วยอาหารเสริม และวิตามินบำรุงสมอง

✓ เพิ่มเติมจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นโอเมกา 3 วิตามินบี และอื่น ๆ จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเหล่านี้ในปริมาณที่เพียงพอ และมากกว่าการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน หรือ การบำรุงด้วยสารสกัดจากดอกพรมมิ (Bacopa monnieri) มีสรรพคุณทางยา ให้สารสำคัญที่ชื่อว่า Bacosides ช่วยปกป้องการเกิดความเสียหายของสมองและระบบประสาท ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในเรื่องของการดูแลความจำ ป้องกันอัลไซเมอร์ เสริมสร้างการทำงานของสมอง ช่วยพัฒนาการเรียนรู้ สารสกัดจากดอกพรมมิเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ ที่ไม่มีผลข้างเคียง อีกทั้งยังช่วยบำารุงสุขภาพโดยรวมได้ดีอีกด้วย


อาหารเสริม และวิตามินบำรุงสมอง

ประโยชน์น้ำมันปลาในรูปแบบอาหารเสริมช่วยบำรุงสมอง


1. โอเมกา 3

โอเมกา 3 เป็นกรดไขมันที่สำคัญมากต่อการเจริญเติบโตของคนในทุก ๆ ช่วงวัย โดยเฉพาะในด้านพัฒนาการทางสมองของเด็ก ๆ โดยประโยชน์ของโอเมกา 3 ที่มีต่อสมองนั้นจะมาจากสาร DHA หรือ Docosahexaenoic Acid ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อสมองมากมาย เพราะป้องกันโรคเกี่ยวกับสมองได้ ทั้งโรคสมองเสื่อม โรคความจำเสื่อม โรคหลอดเลือดสมอง และโรคอื่น ๆ อีกมากมาย อีกทั้งยังช่วยบำรุงและดูแลให้สมองและร่างกายทำงานได้เป็นปกติ แข็งแรงอยู่เสมอด้วย


2. วิตามินบี 1

วิตามินบี 1 เป็นวิตามินที่พบได้ในสมองของมนุษย์อยู่แล้ว จึงเป็นวิตามินสำคัญที่ควรได้รับอย่างเพียงพอ เพื่อการทำงานที่เป็นปกติของระบบประสาทและสมอง โดยที่วิตามินบี 1 นั้นมีความสำคัญมากต่อในการส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาทกับสมอง


3. วิตามินบี 6

วิตามินบี 6 เป็นวิตามินสำคัญสำหรับคนในวัยทำงาน เพราะเป็นวิตามินบำรุงสมองที่กระตุ้นการทำงานของสมอง พร้อมกระตุ้นให้หลั่งสารผ่อนคลาย ทำให้รู้สึกตื่นตัวและมีสมาธิมากขึ้น จึงทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในแต่ละวัน


4. วิตามินบี 12

วิตามินบี 12 ได้มีการศึกษาและวิจัยว่ามีส่วนช่วยในการเรียนรู้และการจดจำของคนเรา การได้รับวิตามินบี 12 อย่างเพียงพอเป็นประจำจะช่วยให้ความจำดี และห่างไกลจากโรคสมองเสื่อมได้


5. วิตามินซี

วิตามินซี เป็นวิตามินสำคัญที่ร่างกายคนเราจะขาดไม่ได้เลย โดยวิตามินซีนั้นถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย และสมอง ป้องกันคุณจากโรคสมองเสื่อมก่อนวัยอันควรได้ พร้อมช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมอง


6. วิตามินอี

วิตามินอี เป็นอีกหนึ่งวิตามินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสื่อมของร่างกาย และสมองได้ อีกทั้งวิตามินอียังเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จึงสามารถผ่านเซลล์สมองเข้าไปช่วยบำรุงสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ


7. เลซิติน

เลซิติน เมื่อเข้าสู้ร่างกายแล้วจะมีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการส่งสารระหว่างเซลล์ประสาทตามจุดต่าง ๆ ของร่างกายและสมอง จึงช่วยบำรุงสมองให้แข็งแรง และทำงานได้เป็นปกติ


8. ไลซีน

ไลซีน เป็นหนึ่งในกรดอะมิโนจำเป็นที่จะช่วยบำรุง และซ่อมแซมส่วนที่เสื่อมและสึกหรอของร่างกาย รวมถึงสมองด้วย จึงทำให้สมองมีสุขภาพดี ไม่เสื่อมไว และทำให้ร่างกายคนเรามีภูมิคุ้มกันแข็งแรงไม่ป่วยง่ายด้วยเช่นกัน

อย่าปล่อยให้สมองแก่ตัวจนเสื่อมก่อนวัย ดูแลสุขภาพร่างกายและสมองให้ดีตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ พร้อมเสริมด้วยประโยชน์น้ำมันปลาที่มีโอเมกา 3, DHA และวิตามินบำรุงสมอง เช่น วิตามินบี ซี และอี รวมถึงสารอาหารอื่น ๆ เป็นประจำก็จะช่วยให้คุณห่างไกลโรคสมองเสื่อมได้แล้ว



วิตามินบำรุงสมอง: รู้จักวิธีดูแลสมอง และ 8 วิตามินบำรุงสมอง ป้องกันสมองเสื่อม อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/

15
มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดของมะเร็งในผู้หญิงไทย พบมากในช่วงอายุ 35-60 ปี แต่ก็อาจพบในคนอายุน้อย (เช่น 20 ปี) ก็ได้

มะเร็งชนิดนี้สามารถตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่มและรักษาให้หายขาดได้

สาเหตุ

สาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูก ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

พบว่าประมาณร้อยละ 70 ของผู้ป่วยโรคนี้ มีความสัมพันธ์กับการอักเสบเรื้อรังของปากมดลูกจากการติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (human papilloma virus/HPV) ชนิด 16 และ 18 (ซึ่งยังเป็นปัจจัยของการเกิดมะเร็งช่องปากและองคชาตอีกด้วย แต่เป็นคนละสายพันธุ์กับเอชพีวี ชนิดที่ 6 และ 11 ที่ทำให้เกิดหูดและหงอนไก่) เชื้อนี้ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งพบมากในช่วงอายุ 20-40 ปี สามารถตรวจเช็กพร้อมกับการตรวจแพ็ปสเมียร์ พบว่าการติดเชื้อเอชพีวีมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุต่ำกว่า 17 ปี, มีคู่นอนหรือสามีหลายคน หรือมีสามีที่มีความสำส่อนทางเพศ, มีการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ (เช่น เอชไอวี เชื้อคลามีเดีย เริม ซิฟิลิส หนองใน เป็นต้น), ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยที่กินยากดภูมิคุ้มกัน)

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เสริมให้เป็นมะเร็งปากมดลูก เช่น การสูบบุหรี่ การกินยาเม็ดคุมกำเนิดนานกว่า 5 ปีขึ้นไป การมีบุตรหลายคน การกินผักและผลไม้น้อย น้ำหนักเกิน การมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว เป็นต้น

อาการ

ระยะแรกเริ่ม จะไม่มีอาการแสดง (สามารถตรวจพบโดยการตรวจแพ็ปสเมียร์) เมื่อมะเร็งลุกลามมากขึ้น จะพบว่ามีอาการเลือดออกจากช่องคลอด (บางรายเข้าใจว่ามีประจำเดือนออกมากหรือกะปริดกะปรอย) หรือมีเลือดออกภายหลังการร่วมเพศ บางรายอาจมีอาการตกขาวมีกลิ่นเหม็น มีเลือดปน หรือตกขาวปริมาณมาก

ผู้ที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือน อาจสังเกตว่าหลังจากหมดประจำเดือนไปนาน 6 เดือนหรือเป็นปี กลับมีประจำเดือนมาใหม่ แต่ออกมากและนานกว่าปกติ

ระยะหลังเมื่อมะเร็งลุกลามไปมากแล้ว ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องน้อย ปวดหลัง ก้นกบ หรือต้นขา ปัสสาวะเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด ขาบวม เกิดภาวะไตวาย เนื่องจากทางเดินปัสสาวะอุดกั้นจากก้อนมะเร็ง

ภาวะแทรกซ้อน

อาจทำให้เกิดภาวะซีด (จากอาการเลือดออกทางช่องคลอดเรื้อรัง), เจ็บปวดเวลามีเพศสัมพันธ์

มะเร็งมักลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียง ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะ เช่น กระเพาะปัสสาวะ (ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะเป็นเลือด), ทวารหนัก (ถ่ายอุจจาระลำบาก ถ่ายเป็นเลือด), มีปัสสาวะหรืออุจจาระเล็ดรั่วออกทางช่องคลอด, ลำไส้ (ลำไส้อุดกั้น ท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง ถ่ายเป็นเลือด), ในระยะท้ายมักแพร่กระจายผ่านกระแสเลือดไปที่ปอด (เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก), ตับ (เจ็บชายโครงขวา ตาเหลืองตัวเหลือง ท้องมาน), กระดูก (ปวดกระดูก กระดูกพรุน กระดูกหัก ปวดหลัง ไขสันหลังถูกกดทับ)

การวินิจฉัย

แพทย์วินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ หรือการตรวจกรองโรคก่อนมีอาการ โดยการขูดเซลล์เยื่อบุปากมดลูกนำไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ดังที่เรียกว่าแพ็ปสเมียร์ (Pap smear)

หากสงสัยก็จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการใช้กล้องส่องตรวจปากมดลูก (colposcopy) และตัดชิ้นเนื้อปากมดลูกไปตรวจทางห้องปฏิบัติการ

หากพบว่าเป็นมะเร็งก็จะทำการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีต่าง ๆ (เช่น เอกซเรย์, อัลตราซาวนด์,เอกซเรย์คอมพิวเตอร์, การถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า, การตรวจเพทสแกน- PET scan เป็นต้น) เพื่อประเมินว่าเป็นมะเร็งระยะใด

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาด้วยการผ่าตัด อาจให้รังสีบำบัด (ฉายรังสี ใส่แร่เรเดียม) และ/หรือเคมีบำบัดร่วมด้วย ทั้งนี้ขึ้นกับชนิดของมะเร็งและระยะของโรค

ผลการรักษา หากพบระยะแรก ๆ การรักษามักจะได้ผลดี หรือหายขาดได้เป็นส่วนใหญ่ มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ถึงร้อยละ 60-95 ถ้าพบระยะ 3 และ 4 การรักษาอาจช่วยให้มีอัตราการรอดชีวิตเกิน 5 ปี ประมาณร้อยละ 20-50

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีเลือดออกทางช่องคลอดที่ผิดไปจากเลือดประจำเดือน, มีเลือดออกภายหลังการร่วมเพศ, มีอาการตกขาวมีเลือดปนหรือมีกลิ่นเหม็น เป็นต้น ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หลีกเลี่ยงการซื้อยามากินเอง
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช โปรตีนที่มีไขมันน้อย (เช่น ปลา ไข่ขาว เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง)
    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    ออกกำลังกายและทำกิจกรรมต่าง ๆ รวมทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และงานจิตอาสา เท่าที่ร่างกายจะอำนวย
    ทำสมาธิ เจริญสติ หรือสวดมนต์ภาวนาตามหลักศาสนาที่นับถือ
    ถ้ามีโอกาสควรหาทางเข้าร่วมกิจกรรมของกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน หรือกลุ่มมิตรภาพบำบัด
    ผู้ป่วยและญาติควรหาทางเสริมสร้างกำลังใจให้ผู้ป่วย ยอมรับความจริง และใช้ชีวิตในปัจจุบันให้ดีและมีคุณค่าที่สุด
    ถ้าหากมีเรื่องวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคและวิธีบำบัดรักษา รวมทั้งการแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร ยาหม้อ ยาลูกกลอน การนวด ประคบ การฝังเข็ม การล้างพิษ หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการไม่สบายหรืออาการผิดปกติ เช่น มีไข้ อ่อนเพลียมาก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ชัก แขนขาชาหรืออ่อนแรง ซีด มีเลือดออก ปวดท้อง ท้องเดิน อาเจียน เบื่ออาหารมาก  กินไม่ได้ ดื่มน้ำไม่ได้ เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินที่บ้าน ถ้ากินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เสรีหรือไม่ปลอดภัย ส่วนการใส่ถุงยางอนามัยอาจป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ ถ้ามีรอยโรคอยู่นอกบริเวณที่ถุงยางครอบคลุมได้
    ไม่สูบบุหรี่
    รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    กินผักและผลไม้ให้มาก ๆ
    ตรวจหามะเร็งปากมดลูกระยะแรก (แพ็ปสเมียร์) เป็นประจำ หากพบว่าเซลล์ปากมดลูกเริ่มมีความผิดปกติในระยะก่อนเป็นมะเร็ง (precancerous) จะได้ให้การรักษาเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมะเร็ง และหากพบว่าเริ่มเป็นมะเร็งระยะแรก (ก่อนมีอาการ) ก็จะได้ให้การรักษาให้หายขาดได้
    ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชพีวี (HPV vaccine) ซึ่งจะเริ่มฉีดให้เด็กหญิงตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป (ควรฉีดก่อนที่จะแต่งงานหรือมีความสัมพันธ์ทางเพศ จึงจะได้ประสิทธิผลดี) โดยฉีด 3 เข็ม เข็มที่ 2 และ 3 ห่างจากเข็มแรก 2 และ 6 เดือนตามลำดับ สามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งปากมดลูกที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อเอชพีวี (พบประมาณร้อยละ 70 ของผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้) ข้อเสียคือ วัคซีนยังมีราคาแพง และไม่สามารถป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ 100%

ข้อแนะนำ

1. มะเร็งปากมดลูกสามารถตรวจพบระยะแรก (ก่อนปรากฏอาการ) และรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น ผู้หญิงที่มีสุขภาพเป็นปกติดี ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจกรองหามะเร็งระยะแรก ดังนี้

    ควรเริ่มตรวจตั้งแต่หลังแต่งงานหรือเริ่มมีเพศสัมพันธ์ได้ 3 ปี หรือเมื่ออายุได้ 30 ปีขึ้นไป โดยการตรวจด้วยวิธีแพ็ปสเมียร์ (Pap smear) ทุก 3 ปี (หรือวิธี VIA ทุก 5 ปี จนถึงอายุ 55 ปีขึ้นไปควรตรวจด้วยวิธีแพ็ปสเมียร์แทนทุก 3 ปี) แต่ถ้ามีปัจจัยเสี่ยง เช่น ติดเชื้อเอชไอวี สูบบุหรี่ กินยาเม็ดคุมกำเนิด ควรตรวจทุกปี
    ผู้หญิงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป หากเคยมีผลการตรวจเป็นปกติติดต่อกันอย่างน้อย 3 ครั้ง (และไม่เคยมีผลการตรวจที่ผิดปกติเป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปี) ก็สามารถหยุดการตรวจแพ็ปสเมียร์ได้ แต่ถ้าเคยเป็นมะเร็งปากมดลูกมาก่อน หรือมีปัจจัยเสี่ยงก็ควรจะได้รับการตรวจต่อไปตราบเท่าที่ยังแข็งแรง
    ผู้หญิงที่เคยผ่าตัดมดลูกและปากมดลูกออกทั้งหมดโดยไม่มีสาเหตุจากมะเร็ง สามารถหยุดการตรวจแพ็ปสเมียร์ได้ แต่ถ้าผ่าตัดมดลูกเพียงบางส่วนและยังคงปากมดลูกไว้ ก็ควรรับการตรวจแพ็ปสเมียร์แบบผู้หญิงทั่วไปดังกล่าวข้างต้น

2. ผู้หญิงที่มีเลือดออกทางช่องคลอดหรือตกขาวผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

3. ปัจจุบันมีวิธีบำบัดรักษาโรคมะเร็งใหม่ ๆ ที่อาจช่วยให้โรคหายขาดหรือทุเลา หรือช่วยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ผู้ป่วยจึงควรติดต่อรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคมะเร็ง มีความมานะอดทนต่อผลข้างเคียงของการรักษาที่อาจมีได้ อย่าเปลี่ยนแพทย์ เปลี่ยนโรงพยาบาลโดยไม่จำเป็น หากสนใจจะแสวงหาทางเลือกอื่น (เช่น การใช้สมุนไพร หรือวิธีอื่น ๆ) ควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ และทีมสุขภาพที่ดูแลประจำและรู้จักมักคุ้นกันดี


โรคมะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/disease-conditions/109

หน้า: [1] 2 3 ... 60















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า