motor expo 2025: เทรนด์กระบะรุ่นใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 4 รถกระบะที่น่าสนใจ มีอะไรที่น่าจับตามอง?ในยุคที่พลังงานสะอาดกลายเป็นหัวใจสำคัญของการเดินทางทำให้เทรนด์การเลือกรถยนต์สักคันก็เปลี่ยนไป บ่อยครั้งที่เราพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้าไปแล้ว แต่ในคราวนี้ จะมาพาคุณไปรู้จักกับ รถกระบะ 4 รุ่น ที่มีทั้งที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า, รถยนต์ไฮบริด และรถที่เป็น REEV ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ใช้งานได้ทั้งไลฟ์สไตล์และธุรกิจขนาดย่อม มาวิเคราะห์แบบเจาะลึกกันว่า แต่ละรุ่นเหมาะกับใคร และมีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไรบ้าง
RIDDARA RD6
ราคา:
RIDDARA RD6 2WD 63kWh ราคา 899,000 บาท
RIDDARA RD6 2WD 73.9 kWh ราคา 999,000 บาท
RIDDARA RD6 4WD 73.9 kWh ราคา 1,149,000 บาท
RIDDARA RD6 4WD 86kWh ราคา 1,299,000 บาท
RIDDARA RD6 2WD 86kWh ราคา 1,159,000 บาท
RIDDARA RD6 4WD 86kWh (Sunroof) ราคา 1,335,000 บาท
มาเร่มกันที่คันแรก สำหรับ RIDDARA RD6 เป็นกระบะ EV 100% สายลุย สายแคมป์ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มระบบที่ผสานศักยภาพรถกระบะและรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ผ่านดีไซน์โดดเด่นพรีเมียม สะดวกสบายระดับ SUV พร้อมนำเสนอนิยามใหม่ของรถกระบะที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวรุ่นใหม่ ที่จะพร้อมขับเคลื่อนอยู่เคียงข้างทุกความสำเร็จ และพร้อมลุยไปกับทุกกิจกรรมของครอบครัว จะมีทั้งที่เป็นรุ่นมอเตอร์เดี่ยว และ มอเตอร์คู่ มีให้เลือกทั้งขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ ส่วนแบตเตอรี่ด็จะมีให้เลือกหลายขนาดตั้งแต่ 63, 73.9 และ 86 kWh แต่จุดเด่นของรถรุ่นนี้ก็คือมีระบบ V2L (จ่ายไฟให้เครื่องใช้ไฟฟ้า), ดีไซน์ที่ทันสมัย, ให้การขับขี่ที่ดี เหมาะกับคนที่ใช้รถในชีวิตประจำวัน, ชื่นชอบการแคมป์ปิ้งหรือกิจกรรมกลางแจ้ง, ไม่เน้นบรรทุกหนัก แต่ข้อจำกัดอีกอย่างก็คือยังมีศูนย์บริการไม่ครอบคลุมเท่าแบรนด์ญี่ปุ่น
DEEPAL HUNTER K50
ราคา : 1,099,000 บาท
สำหรับรุ่น DEEPAL HUNTER K50 มาพร้อมเทคโนโลยี Range-Extended Electric Vehicle หรือ REEV โดยมอเตอร์ไฟฟ้าให้ระยะทางวิ่งสูงสุดด้วยไฟฟ้าได้ไกลถึง 131 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) และเทคโนโลยี Range Extender ซึ่งผสานขุมพลังระหว่างเครื่องยนต์ 2.0T-GDI และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า R100G ที่จะทำงานร่วมกันอย่างราบรื่นไร้รอยต่อในระหว่างการเดินทางไกล มอบประสบการณ์การขับขี่อย่างไร้กังวลรวมกว่า 900 กิโลเมตร จากการชาร์จเต็มหนึ่งครั้งและเติมน้ำมันเต็มถัง ขณะที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะของรถให้กำลังรวมสูงสุด 200 กิโลวัตต์ (272 แรงม้า) และแรงบิด 470 นิวตันเมตร สามารถเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ในเวลาเพียง 7.9 วินาที ซึ่งเหนือกว่ารถกระบะดีเซลทั่วไป ทั้งยังตอบสนองอย่างรวดเร็วในเวลาเพียง 0.4 วินาที ผ่านการทดสอบในสภาพการใช้งานจริงในไทยเป็นระยะทาง 40,000 กิโลเมตร เพื่อให้สมรรถนะพร้อมสำหรับทุกเส้นทางทั่วประเทศ โดยระบบขับเคลื่อนแบบคู่ช่วยให้การขับขี่ระบบไฟฟ้าสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 87% เมื่อเทียบกับรถกระบะดีเซลทั่วไป เหมาะกับคนที่อยากได้รถใช้งานประจำวัน แต่ไม่ต้องพึ่งสถานีชาร์จเสมอ
GWM POER SAHAR HEV
ราคา:
Pro 1,189,000 บาท
Ultra 4WD 1,389,000 บาท
ตอนที่ GWM Poer เปิดตัวครั้งแรกได้ชื่อว่าเป็นรถกระบะขุมพลังไฮบริดรุ่นแรกในไทย แต่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบเทอร์โบแปรผัน (VGT) ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังรวมประมาณ 300 กว่าแรงม้า แรงบิดรวมประมาณ 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด มีให้เลือกทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ แบบ AWD พร้อมระบบขับเคลื่อน Off-Road , โหมดการขับขี่ All-Terrain Control System และ Diff-Lock สำหรับรุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่ระบบไฮบริดที่จะช่วยให้ประหยัด, ดีไซน์แปลกใหม่สะดุดตา, ฝาท้ายเปิดแบบตู้กับข้าว (60:40) โดยคันนี้เหมาะกับคนที่ชอบความแตกต่าง, เน้นดีไซน์ที่ไม่เหมือนใคร แต่ก็มีจุดด้อยตรงที่ อัตราสิ้นเปลืองยังสูง และราคาสูงสุดกว่า 1.3 ล้านบาท
ISUZU D-MAX MHEV
ราคา :
Cab 4 1.9 MHEV S A/T 803,000 บาท
Hi-Lander 1.9 Ddi MHEV M A/T 1,145,000 บาท
รถปิกอัพทางเลือกใหม่…เพื่อโลกที่ดีขึ้นจาก ISUZU ที่มากับเทคโนโลยี Mild Hybrid ให้การตอบสนองการขับขี่ที่ดีขึ้น ทั้งด้านการออกตัว การประหยัดน้ำมัน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเครื่องยนต์ 1.9 ดีดีไอ บลูเพาเวอร์ ที่ผ่านมาตรฐาน EURO 5 กับเกียร์อัตโนมัติ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมการขับขี่ และ แบตเตอรี่ไฟฟ้า ขนาด 48 โวลต์ 8.4 แอมป์ ความจุ 370 วัตต์-ชั่วโมง เพื่อช่วยลดการปล่อยไอเสียและสามารถปั่นไฟเพื่อชาร์จพลังงานเมื่อถอนคันเร่ง ส่วนของการรรับประกัน ก็จะมีเครื่องยนต์ 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร, แบตเตอรี่ Mild Hybrid 10 ปี หรือ 350,000 กิโลเมตร, ระบบ Mild Hybrid 5 ปี หรือ 175,000 กิโลเมตร (เน้นขายเฉพาะกลุ่มลูกค้า Fleet เป็นหลัก) ด้วยจุดเด่นตรงที่ใช้แบต 48 โวลต์ ช่วยเสริมกำลังช่วงออกตัว และมีศูนย์บริการครอบคลุมทั่วประเทศ ดูจะเหมาะกับคนที่ยังอยากได้เครื่องดีเซลแต่ประหยัดกว่าเดิม
กูรูบอม ฝากบอกว่าการเลือกซื้อต้องคำนึงถึงการใช้งานเป็นหลักไม่ว่าจะใช้เพื่อครอบครัวหรือเพื่อธุรกิจ แล้วก็ต้องไม่ลืมว่า ต้องไปลองสัมผัส ทดลองขับ สัมผัสด้วยตัวเองว่ารถคันนั้นเหมาะกับคุณและสมาชิกในครอบครัว ไปจนถึงตอบสนองธุรกิจคุณได้หรือไม่ หลายรุ่นที่มีสเปคดีแต่ได้ลองขับแล้วไม่ชอบใจก็มี ฉะนั้นคุณและครอบครัวควรไปลอง เพราะคนซื้อมักมองแค่ตำแหน่งคนขับ แต่ครอบครัวคุณที่ต้องนั่งในตำแหน่งอื่น ๆ จะโอเคด้วยมั้ย คุณควรไปลงในรายละเอียดว่าสมาชิกในครอบครัวคุณพอใจกับรถคันนั้นมั้ย ส่วนถ้าเพื่อธุรกิจก็ต้องดูว่าคุ้มค่า คุ้มราคามั้ย เพราะรถทุกคันก็มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้อยู่แล้ว แล้วที่สำคัญอย่าลืมเรื่องศูนย์บริการด้วยนะครับ