เมื่อ "สมอง" ต้องการอาหารบำรุงการเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดยยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ไม่ใช่เฉพาะร่างกายเท่านั้นที่ต้องการอาหารบำรุง ฟื้นฟู และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ แต่อวัยวะที่บางคนนึกไม่ถึง เช่น “สมอง” ที่มีน้ำหนักแค่ 2% ของน้ำหนักร่างกาย ก็ต้องการอาหารบำรุงด้วยเช่นกัน และบางครั้งอาจต้องการอาหารที่มีประสิทธิภาพสูงมากกว่าอาหารโดยทั่วไปด้วยซ้ำ
การทำงานในยุคดิจิทัล ที่ต้องแข่งขันกันที่เวลาและความคิดสร้างสรรค์ มากกว่าการออกแรงเหมือนสมัยก่อน ทำให้สมองต้องการการบำรุงและการดูแลมากกว่าปกติ เพื่อให้มีสภาวะที่พร้อมต่อการคิดและลงมือทำสิ่งใหม่ๆให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกมากขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นอกจากสุขภาพกาย สุขภาพใจ แล้ว วันนี้เรายังต้องดูแล สุขภาพสมอง ด้วย....
สมองของคนเราประกอบด้วยเซลล์ประสาทมากกว่า 1 แสนล้านเซลล์ เชื่อมต่อกันเป็นโครงข่าย ทำหน้าที่ควบคุมทุกระบบในร่างกาย ทั้งการคิด การเรียนรู้ ความจำ การวิเคราะห์ข้อมูล การเคลื่อนไหว หรือแม้แต่ การหายใจ
ในแต่ละวัน สมองต้องการกลูโคสและออกซิเจนซึ่งเป็นพลังงานหลักในการทำงาน โดยเฉพาะออกซิเจนนั้น สมองต้องการมากถึง 20% ของออกซิเจนที่หายใจเข้าสู่ร่างกาย
สำหรับคนทำงานออฟฟิศหรืองานที่ต้องใช้ความคิดในยุคปัจจุบัน ส่วนของสมองที่ต้องทำงานมากที่สุด คือ สมองส่วนหน้าที่เรียกว่า Prefontal cortex เป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการคิดและการจำ
เมื่อเราทำงานที่ต้องใช้ความคิดมากๆ สมองก็จะต้องการออกซิเจนมากขึ้น หรืออาจจะมากกว่าปกติ ซึ่งหากได้รับอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ก็จะเกิดอาการที่เรียกว่า สมองล้า หรือ บางครั้งเกิดอาการคิด ช้า มึน เบลอ ขึ้นมาแบบกะทันหัน
นั่นละ...สมองกำลังขาดสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงอย่างเพียงพอ.....!!
ที่ผ่านมา เวลาพูดถึงอาหารสมอง ในความหมายหนึ่ง อาจหมายถึงความรู้ สาระต่างๆที่ได้จากการอ่าน การฟัง การคิดประสบการณ์ หรือแม้แต่การเดินทางเพื่อเปิดโลกทัศน์
แต่อีกนัยหนึ่ง หมายถึง อาหาร ที่ สมอง ซึ่งประกอบด้วย 1 แสนล้านเซลล์ประสาทต้องการเข้าไปช่วยบำรุง ทั้งส่วนของสมองและโครงข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างกันในเซลล์สมอง
เคยมีงานวิจัยพบว่า สารอนุภาคเล็กๆ ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผ่านกระบวนการสกัดทำให้มีขนาดเล็กลงจนเป็นเปปไทด์สายสั้นๆ จำพวกไดเปปไทด์ ซึ่งได้จากอาหารฟังก์ชันประเภทซุปไก่สกัด ที่เรียกว่า “ไบโอ อะมิโน เปปไทด์ คอมเพล็กซ์” เป็นหนึ่งในสาร อาหารที่มีประสิทธิภาพในการบำรุงสมอง นอก เหนือจากอาหารปกติบางชนิด เช่น นม เนื้อปลา ไก่ เนื้อสัตว์ และผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เนย หรือโยเกิร์ต ที่มีวิตามินบี 12 ช่วยบำรุงประสาทอยู่มาก
เคธี แมคมานัส ผอ.ฝ่ายโภชนาการ โรงพยาบาลบริแกม แอนด์ วีเมนส์ วิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ด บอกว่า การขาดวิตามินบี 12 อาจทำให้เกิดภาวะเส้นประสาทเสื่อมสภาพ หรือมีอาการจากระบบประสาทหลายอย่าง เช่น ความจำเสื่อม สมาธิ หรือความสามารถในการใส่ใจการงานลดลง เกิดความรู้สึกผิดปกติ เช่น ร้อนเหมือนถูกไฟ คัน หรือความรับรู้สัมผัสลดลง ซึ่งเมื่อมีอาการแบบที่ว่านี้ จำเป็นต้องได้รับอาหาร หรือวิตามิน บี 12 เพื่อขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง
สารอาหารอีกอย่างหนึ่งที่มีผลต่อสมอง คือ ธาตุเหล็ก ซึ่งมีอยู่ในอาหารหลากหลายชนิด เช่น เนื้อแดง เนื้อวัว เนื้อหมู ตับ หอยกาบ หอยนางรม ไข่แดง ผลิตภัณฑ์จากธัญพืช ลูกพีชแห้ง ถั่วต่างๆ ข้าวโอ๊ต กากน้ำตาล หน่อไม้ฝรั่ง ผักกูด ถั่วฝักยาว ผักแว่น เห็ดฟาง พริกหวาน ใบแมงลัก ใบกะเพรา มะกอก กระถิน ฯลฯ
คุณสมบัติของธาตุเหล็ก คือ ผลิตเฮโมโกลบิน ไมโอโกลบิน และเอนไซม์บางชนิด การขาดธาตุเหล็กจึงส่งผลให้เซลล์สมองอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการเรียนรู้และความจำลดลงด้วยวิถีการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน บางครั้งการเลือกอาหารที่เหมาะสมเพื่อบำรุงสุขภาพสมองอาจเป็นเรื่องลำบากสำหรับบางคน โดยเฉพาะเมื่อเกิดภาวะสมองล้า
ทางเลือกอีกอย่างหนึ่งที่ช่วยได้ คือ การกินอาหารฟังก์ชันที่มีการสกัดสารอาหารที่อยู่ในรูปธรรมชาติ หรือที่ถูกแปรรูปเพื่อให้ประโยชน์ต่อสุขภาพไว้แล้ว
งานวิจัยของนักวิจัยชาวญี่ปุ่น ทำการศึกษาทางคลินิกแบบ Randomized double-blind crossover ในกลุ่มอาสาสมัครชายและหญิงที่มีสุขภาพดี โดยให้ซุปไก่สกัดและซุปไก่หลอก ติดต่อกัน 7 วัน และทำแบบทดสอบของสมองชุดต่างๆ ทั้งก่อนและหลังการทดลอง และตรวจวัดผลด้วยเครื่อง Near-Infrared Spectroscopy (NIRS) พบว่า ซุปไก่สกัดมีผลช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานของสมอง โดยช่วยให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนหน้าซึ่งเป็นสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำ การคิด ตัดสินใจได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับงานวิจัยของ Dr.Azhar และ Syed ที่ให้ผลเช่นเดียวกันว่า ซุปไก่สกัดมีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง ช่วยลดความวิตกกังวล เพิ่มความตื่นตัวและช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น รวมทั้งช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้จดจำ โดยเฉพาะความจำระยะสั้นในกลุ่มคนวัยทำงานที่มีภาวะเครียด หรือวิตกกังวลสูง
แต่ไม่ว่าจะมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองมากแค่ไหน การดูแลสุขภาพร่างกายตนเองอย่างเหมาะสม ด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย ลดความเครียด ยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้การไหลเวียนโลหิตดี สามารถนำออกซิเจนไปบำรุงสมองได้ดีขึ้น ทั้งยังมีส่วนช่วยกระตุ้นให้สมองได้ปรับตัวทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย.