แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 50
1
motor show Toyota จัดแคมเปญฉลองยอดขายอันดับ 1 รถเอสยูวีไฮบริดด้วยแคมเปญ "โตโยต้า No.1 HEV SUV ใครๆ ก็ครอส" ตอกย้ำความเป็นผู้นำยนตรกรรมไฮบริดในไทย

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศความสำเร็จด้านยอดขายอันดับหนึ่ง รถเอสยูวี เครื่องยนต์ไฮบริด ในตลาดรถยนต์ประเทศไทย ด้วยยอดขายรวมมากกว่า 38,700 คัน* โดยเป็นยอดสะสมรวมของ Toyota HEV SUV ยอดนิยม 2 รุ่น คือ โคโรลล่า ครอส และ ยาริส ครอส ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาด xEV มากกว่า 24% พร้อมแนะนำแคมเปญการสื่อสารใหม่ โตโยต้า No.1 HEV SUV ใครๆ ก็ครอส (*ยอดขายรวมระหว่างเดือนมกราคม –  กันยายน พ.ศ. 2567)

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฮบริดภายใต้คอนเซปต์ TOYOTA TRUSTED HYBRID กับเทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้าที่สร้างชื่อเสียงและความไว้วางใจในประเทศไทย ผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างลงตัว มอบสมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ ยังมอบความสบายใจตลอดการใช้งาน ด้วยบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และทีมช่างผู้ชำนาญการด้านระบบไฮบริดของโตโยต้ากว่า 8,000 คน ที่ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า พร้อมอุปกรณ์การซ่อมรถยนต์ไฮบริดที่ได้มาตรฐาน และความพร้อมด้านอะไหล่ ควบคู่ไปกับระบบการจัดเตรียมชิ้นส่วน ที่มีรองรับนานกว่า 15 ปี และสามารถจัดส่งได้ภายใน 48 ชั่วโมง จากเครือข่ายศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานและครบวงจรกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งนำมาสู่แคมเปญการสื่อสารใหม่ โตโยต้า No.1 HEV SUV ใครๆ ก็ครอส

โตโยต้าป็นผู้บุกเบิกตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) เป็นแบรนด์แรกของประเทศไทย ด้วยการเริ่มผลิตและแนะนำ โตโยต้า คัมรี รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด เป็นครั้งแรก ในปีพ.ศ. 2552 จากนั้นเป็นต้นมา ได้พัฒนายนตรกรรมไฮบริดให้ดียิ่งขึ้นอีกหลายรุ่น ครอบคลุมหลายเซกเมนต์และระดับราคา ไม่ว่าจะเป็นเซกเมนต์รถซีดาน ในรุ่นคัมรี และ โคโรลล่า อัลติส รถอเนกประสงค์เอสยูวี กับโคโรลล่า ครอส และยาริส ครอส รวมทั้งรถครอบครัว 7 ที่นั่งประเภท  MPV ในรุ่นอินโนว่า ซีนิกซ์ และรถตู้มินิแวนระดับหรู รุ่นอัลฟาร์ด เวลไฟร์ เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายในรถประเภทนี้ โดยรถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นของโตโยต้า มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี
 
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า“ยอดขายกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ระหว่างเดือนมกราคม - กันยายน 2567 มียอดขายทั้งหมด 156,191 คัน คิดเป็นสัดส่วน 36% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่รถยนต์ HEV ยังคงได้รับความนิยม โดยมียอดขายสะสมอยู่ที่ 92,589 คัน เติบโตขึ้น 52% คิดเป็นสัดส่วน 59% ของตลาด xEV และรถยนต์ BEV มียอดขาย 56,496 คัน เพิ่มขึ้น 8% คิดเป็นสัดส่วน 36% ของตลาด xEV จากตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความนิยมและการให้การยอมรับจากลูกค้าชาวไทยที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับ HEV
และปีนี้ โตโยต้าครองความเป็นผู้นำด้านยอดขายในตลาด xEV ด้วยยอดขาย HEV สูงที่สุดในประเทศไทย กับส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 27% ที่สำคัญยังสร้างยอดขายอันดับหนึ่งของโตโยต้าในกลุ่มไฮบริดเอสยูวี ด้วยยอดขายสะสมรวมเดือนมกราคม – กันยายน พ.ศ. 2567 มากกว่า 38,700 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาด xEV มากกว่า 24% ประกอบด้วยรถ 2 รุ่นที่ขับเคลื่อนความสำเร็จในเซกเมนต์ xEV นั่นคือ ยอดขาย ของโคโรลล่า ครอส 11,137 คัน และยอดขายของยาริส ครอส 27,623 คัน โตโยต้าจึงขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุน และมั่นใจในรถโตโยต้าที่ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว (Team Corolla Cross) หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Team Yaris Cross)
 
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของโตโยต้าโคโรลล่า ครอส และยาริส ครอส สามารถรับข้อเสนอพิเศษได้ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ นอกจากนี้ เรายังมีแคมเปญพิเศษส่งท้ายปี กับ TOYOTA CARNIWOW เทศกาลออกรถสุดว้าว เพียงลูกค้าจองและออกรถยนต์โตโยต้า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 67 - 31 ธ.ค. 67 รับ WOW ทันที 2 ต่อ!! ทั้ง WOW ที่ 1 ส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท หรือส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 1.5% เมื่อจองรถโตโยต้า และ WOW ที่ 2 รับรถแล้ว ลุ้นรับของรางวัลรวม 555 รางวัล ซึ่งของรางวัลมีทั้ง ทองคำแท่ง 30 บาท, iPhone 16 Pro  ทองคำแท่ง 30 บาท และ Central Shopping Voucher มูลค่า 2,000 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า  231 ล้านบาท”

ข้อเสนอสุดพิเศษ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 ข้อเสนอเดียวกับ Motor Expo
เจ้าของรถยนต์โตโยต้า รับดอกเบี้ย 0.89%*, ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD*
พร้อมรับข้อเสนอพิเศษขยายระยะเวลาการคุ้มครอง เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด จากโปรแกรม Toyota Connected Frequent Service Reward Plus (TCFR Plus+)
รับสิทธิ์ ขยายระยะรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม.
รับสิทธิ์ ขยายระยะรับประกันคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์และ ระบบส่งกำลังสูงสุด 8 ปี หรือ 225,000 กม.
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด ขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี พร้อม รับประกันระบบไฮบริด 5 ปี

* เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน

2
townhome พลีโน่ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา 3 (Pleno Rama 9-Krungthep Kreetha 3)
เริ่มต้น 3.39 ลบ. 

พลีโน่ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา 3 (Pleno Rama 9-Krungthep Kreetha 3)
ทาวน์โฮมโครงการใหม่จาก เอพี ไทยแลนด์ มาพร้อมด้วย Happiness Area ที่ Connect ทุกๆ Destination เชื่อมต่อทุกความสุขของชีวิต และ ครอบคลุมทุกการเดินทาง และ More simple life พื้นที่ที่ไม่ได้จำกัดแค่ในบ้าน แต่รองรับทุกการใช้ชีวิต เชื่อมต่อคนทุกวัยได้อย่างลงตัว

รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ             พลีโน่ พระราม 9-กรุงเทพกรีฑา 3 (Pleno Rama 9-Krungthep Kreetha 3)
 เจ้าของโครงการ       เอพี (ไทยแลนด์)
 แบรนด์ย่อย            พลีโน่
 ราคา                   เริ่มต้น 3.39 ลบ.

 ประเภทบ้าน           ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม (Townhouse Townhome)
 ลักษณะทำเล         บ้านใกล้เมือง
 พื้นที่โครงการ        15 ไร่ 2 งาน 38 ตร.ว.
 จำนวนบ้าน           160 หลัง
 แบบบ้านทั้งหมด     1 แบบ
  เนื้อที่บ้าน            โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 พื้นที่ใช้สอย           ตั้งแต่ 126 ตร.ม.
 จำนวนชั้น             2 ชั้น
 หน้ากว้าง             โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 จำนวนห้องนอน       3 ห้อง
 จำนวนที่จอดรถ       2 คัน
 สาธารณูปโภค       สวนสาธารณะ, คลับเฮาส์, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, รปภ., CCTV

สถานที่ใกล้เคียง
 โซน       รามคำแหง, บางกะปิ, เสรีไท
 ที่ตั้ง       ซอยกาญจนาภิเษก 025 แยก 1 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กรุงเทพมหานคร 10250

 ขนส่งสาธารณะ
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าAirport Rail Link, สถานี(สถานีปัจจุบัน)(บ้านทับช้าง)
ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าAirport Rail Link, สถานี(สถานีปัจจุบัน)(ลาดกระบัง)
ใกล้ทางด่วน (ทางพิเศษฉลองรัช, ทางพิเศษศรีรัช)
ใกล้ถนนสายหลัก (ถนนศรีนครินทร์-ร่มเกล้า, ถนนรามคำแหง, ถนนศรีนครินทร์, ถนนพระราม 9, ถนนกาญจนาภิเษก)
ขนส่งอื่นๆ สนามบินสุวรรณภูมิ

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ไลฟ์สไตล์
ลิตเติ้ลวอล์ค กรุงเทพกรีฑา 6.6 กม.

สถานศึกษา
โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า 4.5 กม.
โรงเรียนนานาชาติฮีทฟิลด์ 5.6 กม.
โรงเรียนสารสาสน์วิเทศร่มเกล้า 5.7 กม.
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) วิทยาเขตสุวรรณภูมิ 8.5 กม.

โรงพยาบาล
โรงพยาบาลรามคำแหง 9.9 กม.

3
จัดฟันบางนา: ตอบข้อสงสัย ! เครื่องมือ จัดฟันแบบใส ใส่แล้วรู้สึกรำคาญไหม ?

การจัดฟันแบบใส เป็นนวัตกรรมการจัดเรียงฟันในรูปแบบใหม่ ที่เป็นที่นิยมมาก มีเอกลักษณ์ก็คือ สามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันได้ ขณะรับประทานอาหารและขณะแปรงฟัน ซึ่งทำให้สะดวกสบายและมีความหลากหลายในการรับประทานอาหาร นอกจากนี้ยังทำให้มองเห็นเครื่องมือการจัดฟันแบบใสได้ยากอีกด้วย ทำให้ไม่เสียบุคลิกภาพเวลาพูดคุยอีกด้วย เพราะเมื่อใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใสแล้ว ทำให้รู้สึกกระชับเพราะเครื่องมือมีความบาง ใส เป็นแบบครอบตัวฟัน จึงทำให้ไม่รู้สึกระคายเคือง หรือทำให้พูดไม่ชัด และเครื่องมือมีการถอดและใส่ที่ง่าย ไม่ต้องออกแรงในการดึงเครื่องมืออีกด้วย

หลายคนที่กำลังตัดสินใจที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส มีความกังวลว่า ถ้าสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะเกิดความรำคาญหรือไม่ หรือเกิดการระคายเคืองหรือไม่ ตอบเลยว่า ไม่ เพราะเครื่องมือการจัดฟันแบบใส จะเป็นพอลิเมอร์บางๆ ใสๆ มาใส่ครอบฟันเพื่อปรับโครงสร้าง ตำแหน่ง และการเรียงตัวของฟัน แทนการใส่เหล็กจัดฟันที่เรามักจะเห็นได้ทั่วไป โดยผู้เข้ารับการรักษาจะต้องใส่ตลอดเวลา เป็นประจำอย่างน้อย 20-22 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งจะมีความสะดวกมากกว่าจึงแทบไม่รู้สึกรำคาญหรือระคายเคืองในช่องปากเลย แม้เวลาทำกิจกรรมต่างๆ เว้นแต่เวลาจะรับประทานอาหารและขณะแปรงฟันผุ้เข้ารับการรักษาจะต้องคอยถอดเครื่องมือออกทุกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยมากๆในการใส่เครื่องมือจัดฟัน หากละเลยหรือไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ ก็อาจจะทำให้การวางแผนและผลการรักษา เกิดความคลาดเคลื่อนได้ ซึ่งบางกรณีอาจจะส่งผลให้เกิดความล้มเหลวในการรักษา ทั้งนี้เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ไม่ทำให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกรำคาญ

แต่เพียงจะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมืออย่างต่อเนื่อง และต้องทำความสะอาดเครื่องมืออย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้เกิดคราบสิ่งสกปรกและการสะสมของเชื้อโรค เพราะอาจจะทำให้ฟันผุ หรือเกิดปัญหาอื่นๆตามมาได้ ทางคลีนิคเรามีทีมทันตแพทย์คอยให้คำแนะนำในเรื่องของการจัดฟันแบบใส หากมีข้อสงสัยหรือต้องการจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญได้ที่คลีนิค โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

4
ถ้าเด็กไม่ชินกับเครื่องมือจัดฟันเด็ก EF LINE ควรทำอย่างไร

การรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญ เด็กควรที่จะแปรงฟันให้ถูกวิธีและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือพ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะใส่ใจในเรื่องของโภชนาการของเด็กด้วย เพื่อที่ให้เด็กได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาสุขภาพตามมา นอกจากนี้ พฤติกรรมที่มีความผิดปกติของเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่สอดส่องดูแลเพื่อให้เด็กได้ลดพฤติกรรมที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการดูดนิ้ว พฤติกรรมการดูดขวดนม ซึ่งแน่นอนว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องปกติของเด็กในวัยนี้

แต่ถ้าหากเด็กยังไม่เลิกพฤติกรรมดังกล่าวอาจทำให้ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้ ซึ่งถ้าหากเกิดปัญหาเกี่ยวกับฟันการสบฟันที่ผิดปกติหรือกล้ามเนื้อโครงสร้างบริเวณใบหน้าทำงานผิดปกติ เด็กก็ต้องเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันในเด็กโดยใช้เครื่องมือ EF LINE ซึ่งในปัจจุบัน ทางทันตกรรมได้พบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าและลิ้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง ขนาด และการทำงานของกระดูกขากรรไกรและใบหน้า ดังนั้น จึงมีการออกแบบเครื่องมือเพื่อทำการปรับแก้ไขปัญหาของกล้ามเนื้อซึ่งต้องร่วมกับการฝึกโดยการออกกำลังกล้ามเนื้อ

การปรับเปลี่ยนการหายใจให้ถูกวิธี รวมถึงการใช้เครื่องมือเพื่อช่วยปรับการกลืนให้ถูกต้อง โดยเครื่องมือดังกล่าวเรียกว่า EF line โดยสามารถใช้ได้ในเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 4 -15 ปี โดยเครื่องมือในกลุ่มนี้มีความหลากหลายในการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน เช่น ปัญหารูปหน้าที่มีคางหลุบ ค้างเบี้ยวกระดูกและฟันบนยื่น และกรณีที่เด็กมีรูปหน้าสั้นซึ่งต้องการเพิ่มความสูงใบหน้า ซึ่งสามารถแก้ไขได้ แต่เด็กที่ได้ผ่านการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก หรือกำลังเริ่มที่จะเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยเครื่องมือ EF LINE พ่อแม่หลายคนกังวลว่า การสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ของเด็กนั้น จะส่งอันตรายต่อเด็กหรือไม่ วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงวิธีการแก้ไขปัญหาสำหรับเด็กที่มีอาการผิดปกติหรืออาจจะยังไม่ชินกับเครื่องมือ EF LINE ว่า พ่อแม่ควรจะรับมืออย่างไร

สำหรับเครื่องมือ EF line เป็นชุดเครื่องมือที่สามารถใช้แก้ไขปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น ช่วยส่งเสริมการปรับรูปของกระดูกโดยเราทราบว่ากระบวนการเจริญเติบโตของเด็กที่เกี่ยวข้องกับกระดูกใบหน้าส่วนกลางและกระดูกขากรรไกรล่างมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องมากน้อยตามแต่ช่วงอายุ ดังนั้น ตามหลักการแล้วหากต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าจึงต้องทำการเริ่มแก้ไขในช่วงที่เด็กยังมีการเจริญเติบโต โดยเด็กจะต้องสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันตามที่ทันตแพทย์แนะนำ หรือใส่ คือ ตอนกลางคืนเวลานอนหลับ 10 ชม. เวลากลางวัน 2 ชั่วโมง

ซึ่งในระหว่างใส่กลางวัน โดยพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องคอยสังเกตพฤติกรรมอยู่ตลอด เวลาที่เด็กใส่เครื่องมือ EF LINE โดยควรให้เด็กใส่เครื่องมืออยู่นิ่งๆ ไม่เคี้ยวเล่น ไม่พูด ปากปิดสนิทเพื่อเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อรอบปาก ให้เด็กดื่มน้ำมากเพิ่มความชุ่มชื้นในช่องปากของเด็ก หากมีอาการระคายเคืองบางตำเเหน่ง ใช้ยาทาเเผลในปาก โดยทาตรงบริเวณที่เจ็บเพื่อบรรเทาอาการได้ อย่างไรก็ตาม การสวมใส่เครื่องมือ EF LINE วันเเรกๆของการใส่อาจไม่สบายนัก แต่ร่างกายจะปรับตัวยอมรับและดีขึ้นเอง

ซึ่งแรกๆเด็กบางคนอาจมีทำท่าทางเหมือนอยากจะอาเจียน แต่พ่อแม่ผู้ปกครอง ควรพยายามให้เด็กใส่ให้เกิดความเคยชินขึ้น โดยอาจปรับเวลาเป็นการใส่ครั้งแรก อาจใส่ครึ่งชั่วโมงเพื่อการปรับตัวแล้วพัก และใส่ต่อ โดยค่อยๆเพิ่มเวลา เมื่อเวลาผ่านไป เด็กจะสามารถสวมใส่เครื่องมือ EF LINE ได้นานขึ้น และเพลินเพลินกับการทำกิจกรรมอื่นๆไปด้วยได้ เช่น นั่งใส่ดูการ์ตูน อ่านหนังสือ และอื่นๆโดยไม่เผลอเคี้ยวหรือกัดเล่นเพราะเด็กบางคนอาจเผลอเคี้ยวเล่นหรือพยายามกัดและขยับให้พอดี เเต่อาจเป็นผลทำให้เครื่องมือ EF LINE ขาดได้ ทางที่ดีเมื่อใส่ EF LINE ก็ควรจะปรับ EF LINE ให้ตรงและเตือนเด็กให้พยายามใส่ประคองด้วยฟัน และนิ่งๆไว้ไม่เคี้ยวเล่น เมื่อเวลาผ่านไป ฟัน กระดูกเหงือก เนื้อเยื่อในปาก กล้ามเนื้อและลิ้นจะปรับตัวตามเครื่องมือ ปัญหาอาการระคายเคืองต่างๆจะค่อยๆลดลงจนสามารถใส่ได้นานๆอย่างสบาย ดังนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองมีส่วนที่จะช่วยทำให้เด็กเกิดความเคยชินในการใส่เครื่องมือได้

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านไหน สนใจให้บุตรหลานของท่าน เข้ารับการจัดฟันในเด็ก ด้วยโปรแกรม EF Line สามารถขอรับคำแนะนำและปรึกษากับทางทันตแพทย์ของทางคลินิก ได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์ด้านทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน จึงเป็นการการันตีได้ว่า บุตรหลานของท่านจะมีสุขภาพฟันที่ดี และมีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม มีรอยยิ้มที่สดใสสมวัย เพื่อที่จะได้เติบโตไปเป็นเด็กที่มีสุขภาพฟันที่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

5
หมอประจำบ้าน: ตาเหลือง (Yellow Eyes)

ตาเหลือง (Yellow Eyes) เป็นอาการที่ตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเนื่องจากร่างกายมีสารบิลิรูบิน (Bilirubin) สูงเกินไป โดยตาเหลืองเป็นหนึ่งในอาการภาวะดีซ่าน (Jaundice) อย่างไรก็ตาม อาการตาเหลืองอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การใช้ยาบางชนิดหรือปัญหาสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคตับ หรือโรคมะเร็ง

อาการตาเหลืองมักเกิดร่วมกับอาการตัวเหลือง ตาเหลืองมักไม่ส่งผลต่อการมองเห็น แต่มักเป็นสัญญาณของอวัยวะบางอย่างกำลังทำงานผิดปกติ เช่น ตับ ถุงน้ำดีและตับอ่อน โดยอาการนี้สามารถส่งผลทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ หากเกิดอาการตาเหลืองขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาตามสาเหตุของตาเหลืองเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น โลหิตจาง ตับและไตวาย


อาการของตาเหลือง

อาการของตาเหลืองที่สามารถเห็นได้ชัด คือ บริเวณตาขาวมีสีเหลือง ทั้งนี้ ตาเหลืองอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย ซึ่งเป็นอาการของปัญหาสุขภาพที่เกิดจากสาเหตุของอาการตาเหลือง โดยอาการอาจมีดังนี้

    สีผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
    ปวดท้อง
    คันผิวหนัง
    มีไข้ หนาวสั่นและอ่อนเพลีย
    คลื่นไส้ หรือเบื่ออาหาร
    มีอาการบวมน้ำหรือบวมบริเวณอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
    อุจจาระมีสีซีดหรือปัสสาวะมีสีเข้ม
    น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ เด็กทารกที่มีภาวะดีซ่านอาจมีอาการตาเหลืองร่วมกับอาการต่าง ๆ เช่น ตัวเหลือง กินอาหารได้น้อยลงและง่วงซึมมากขึ้น ในกรณีที่เด็กทารกมีปริมาณสารบิลิรูบินในร่างกายสะสมสูงเกินไป อาจมีอาการอันตรายเพิ่มเติม เช่น ชัก การสูญเสียการได้ยิน สมองผิดปกติ (Kernicterus)


สาเหตุของตาเหลือง

ตาเหลืองอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่เกิดจากการมีระดับของสารบิลิรูบิน (Bilirubin) ในเลือดมีมากเกินไป ซึ่งมีสาเหตุจากการที่ตับ ถุงน้ำดีหรือตับอ่อนทำงานผิดปกติ ทำให้สารชนิดนี้สะสมในร่างกายและก่อให้เกิดอาการตาเหลืองตามมา

โดยสาเหตุของอาการตาเหลืองอาจมีดังนี้

    การทำงานของตับผิดปกติ ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานของตับ เช่น การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปเป็นเวลานาน ภาวะเหล็กเกิน โรคตับแข็ง โรคไขมันพอกตับ โรคตับอักเสบ และมะเร็งตับ
    การทำงานของตับอ่อนผิดปกติ โดยโรคที่อาจส่งผลต่อการทำงานของตับอ่อนและทำให้เกิดตาเหลือง ตัวเหลือง เช่น โรคตับอ่อนอักเสบและมะเร็งตับอ่อน
    ท่อน้ำดีอุดกั้น มักเกิดขึ้นเนื่องจากโรคต่าง ๆ เช่น เนื้องอกและนิ่วในถุงน้ำดี นอกจากนี้อาจมีโรคอื่นที่อาจส่งผลต่อการทำงานของถุงน้ำดี เช่น ถุงน้ำดีอักเสบและมะเร็งถุงน้ำดี
    โรคเลือด โรคเลือดบางชนิดอาจทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงสลายตัวเร็วกว่าปกติหรือแตกสลายง่ายกว่าปกติ ทำให้สารบิลิรูบินเพิ่มสูงขึ้นและอาจทำให้เกิดตาเหลืองได้ เช่น ภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตกและโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว
    โรคมาลาเรียเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อจากยุง โดยเชื้อจะเข้าไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงและอาจก่อให้เกิดอาการตาเหลือง ตัวเหลืองตามมา
    โรคฉี่หนูเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียผ่านการสัมผัสสัตว์หรือน้ำที่มีเชื้อ ทำให้มีอาการต่าง ๆ เช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง มีไข้ ไอ ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ ปวดหัว ม้ามหรือตับโต

    การใช้ยาบางชนิด การใช้ยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดภาวะดีซ่าน รวมไปถึงอาการตาเหลือง เช่น การใช้ยาอะเซตามิโนเฟนในปริมาณมาก ยาเพนิซิลลิน ยาคุมกำเนิด ยาคลอร์โปรมาซีน และยาสเตียรอยด์


การวินิจฉัยตาเหลือง

แพทย์อาจวินิจฉัยตาเหลืองผ่านการสังเกตจากดวงตาและผิวหนัง เพราะตาเหลืองและตัวเหลืองเป็นอาการที่สามารถบ่งบอกถึงภาวะดีซ่านได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ แพทย์อาจหาสาเหตุของการเกิดภาวะดีซ่าน โดยการซักประวัติ ตรวจร่างกาย และทำการทดสอบต่าง ๆ เช่น การตรวจเลือดเพื่อดูระดับสารบิลิรูบินในเลือด ความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดหรือตรวจการทำงานของตับ

ทั้งนี้ แพทย์อาจทำการวินิจฉัยโดยภาพ เช่น การทำอัลตราซาวด์ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) หรือการเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อตรวจดูการอุดกั้นที่ท่อน้ำดี หากมีการอุดกั้นเกิดขึ้น อาจตรวจโดยวิธีการส่องกล้องตรวจทางเดินท่อน้ำดีและตับอ่อน (ERCP) เพิ่มเติม เพื่อหาตรวจสาเหตุของการอุดกั้นในท่อน้ำดี
การรักษาตาเหลือง

ตาเหลืองเป็นอาการที่บ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพในอวัยวะอื่น ๆ ดังนั้น การรักษาสาเหตุที่ก่อให้เกิดอาการตาเหลืองอาจทำให้อาการตาเหลืองดีขึ้น เช่น หากสาเหตุของตาเหลืองเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์อาจแนะนำให้กินยาหรือผ่าตัดเพื่อนำนิ่วออก หากสาเหตุเกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ แพทย์อาจแนะนำให้หยุดดื่มแอลกอฮอล์เพื่อรับการรักษาต่อไป 

นอกจากนี้ หากมีอาการตาเหลืองจากโรคที่เกี่ยวกับตับ แพทย์อาจแนะนำให้ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายและกินอาหารที่ช่วยบำรุงตับ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ถั่ว และโปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น อกไก่ ปลา หรือกรีกโยเกิร์ต เมื่อตับเริ่มมีอาการดีขึ้น อาจช่วยบรรเทาอาการตาเหลืองหรือภาวะดีซ่านได้


ภาวะแทรกซ้อนของตาเหลือง

ภาวะแทรกซ้อนอาจแตกต่างกันไปตามสาเหตุของอาการตาเหลือง โดยตัวอย่างของภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่อาจพบได้ในผู้ที่มีอาการตาเหลืองจากภาวะดีซ่าน เช่น เลือดออกตามผิวหนัง โลหิตจาง โรคสมองจากโรคตับ ตับอักเสบเรื้อรัง ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ตับวาย ไตวายและเสียชีวิต ดังนั้น หากมีอาการตาเหลือง ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดจากตาเหลืองหรือภาวะดีซ่าน


การป้องกันตาเหลือง

การป้องกันอาการตาเหลืองหรือภาวะดีซ่านในเด็กทารกอาจทำได้โดยการให้เด็กกินนมแม่อย่างน้อยวันละ 8–12 ครั้งต่อวัน เนื่องจากนมแม่มีคุณสมบัติเป็นยาระบาย ซึ่งอาจส่งผลให้เด็กทารกสามารถระบายสารบิลิรูบินส่วนเกินผ่านทางอุจจาระได้ นอกจากนี้

สำหรับการป้องกันอาการตาเหลืองในผู้ใหญ่อาจทำได้หลายวิธี โดยส่วนใหญ่เป็นการป้องกันสาเหตุที่ก่อให้เกิดภาวะดีซ่าน ตัวอย่างวิธีการป้องกันอาการตาเหลือง เช่น

    ป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบเอและบี รักษาความสะอาดของร่างกาย ใส่ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ และไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
    กินยาในปริมาณที่แพทย์สั่งเพื่อป้องกันการกินยาเกินขนาดและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตับ
    ลดน้ำหนักหรือรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลง
    หลีกเลี่ยงการกินสมุนไพรหรืออาหารเสริมบางชนิด เพราะสมุนไพรหรืออาหารเสริมบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดภาวะดีซ่านได้ ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มกินสมุนไพรหรืออาหารเสริมใด ๆ เพื่อป้องกันภาวะดีซ่าน




6
หมอประจำบ้าน: กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)

กระเพาะอาหารอักเสบ (กระเพาะอักเสบ ก็เรียก) หมายถึง การอักเสบของเยื่อบุกระเพาะอาหาร ในปัจจุบันได้แบ่งกระเพาะอาหารอักเสบ เป็นชนิดเยื่อบุกร่อน (erosive gastritis) ชนิดเรื้อรัง (chronic/nonerosive gastritis) และชนิดจำเพาะ (specific types of  gastritis) โรคนี้พบได้ในคนทั่วไป พบมากในผู้ที่กินยาแอสไพริน ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (ยาแก้ปวดข้อ) ดื่มสุราจัด และผู้สูงอายุ

สาเหตุ

1. กระเพาะอาหารอักเสบชนิดเยื่อบุกร่อน เยื่อบุกระเพาะอาหารจะมีลักษณะแดงและกร่อน เป็นแผลตื้น ๆ หลายแห่ง อาจมีภาวะเลือดออก จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า กระเพาะอาหารอักเสบชนิดเลือดออก (hemorrhagic gastritis) มักมีสาเหตุจาก

    ยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งแอสไพรินและยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
    แอลกอฮอล์
    ภาวะร่างกายเครียดเฉียบพลัน เช่น ไฟไหม้ น้ำร้อนลวกรุนแรง บาดเจ็บรุนแรง การผ่าตัด ภาวะช็อก ภาวะไตวาย ภาวะตับวาย เป็นต้น
    พบร่วมกับโรคตับแข็งที่มีภาวะความดันในหลอดเลือดดำตับสูง (portal hypertension)

2. กระเพาะอาหารอักเสบชนิดเรื้อรัง ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ วินิจฉัยจากการตรวจชิ้นเนื้อ แบ่งออกเป็น

ก. ชนิดเอ จะมีความผิดปกติตรงส่วนต้น (fundus) ของกระเพาะอาหาร มีสาเหตุจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (autoimmune) มักมีภาวะโลหิตจางจากภาวะขาดวิตามินบี12 (pernicious anemia) ร่วมด้วย เพราะไม่สามารถดูดซึมวิตามินชนิดนี้ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

ข. ชนิดบี จะมีความผิดปกติตรงส่วนปลาย (antrum) ของกระเพาะอาหาร แต่ก็อาจลุกลามไปทั่วกระเพาะอาหาร มีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ ชื่อ เฮลิโคแบกเตอร์ไพโลไร หรือ "เอชไพโลไร" (Helicobacter pylori/H.pylori) เชื้อนี้สามารถติดต่อโดยการกินอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อนอุจจาระของผู้ติดเชื้อ แล้วเข้าไปฝังตัวอยู่ใต้เยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังจากเชื้อชนิดนี้มีความสัมพันธ์กับการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น (แผลเพ็ปติก) และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

3. กระเพาะอาหารอักเสบชนิดจำเพาะ พบร่วมกับโรคต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อราหรือเชื้อไวรัสในผู้ป่วยเอดส์ การติดเชื้อวัณโรค ซิฟิลิส พยาธิ การถูกสารเคมี เป็นต้น


อาการ

มีอาการปวดแสบตรงใต้ลิ้นปี่ หลังกินอาหารอาจทุเลาหรือเป็นมากขึ้นก็ได้ หรือมีอาการจุกแน่นตรงใต้ลิ้นปี่หลังกินข้าว อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือท้องเดินร่วมด้วย

ในรายที่เป็นชนิดเยื่อบุกร่อน อาจมีอาการอาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายดำ โดยจะมีอาการปวดท้องร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ มักมีประวัติการกินยา ดื่มสุราจัด หรือมีภาวะเครียดก่อนมีเลือดออก

บางรายอาจไม่มีอาการแสดงจนกว่าจะเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออก โลหิตจาง


ภาวะแทรกซ้อน

หากปล่อยไว้ไม่รักษา อาจกลายเป็นแผลกระเพาะอาหาร หรือมีภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร (อาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระดำ เมื่องดยาและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเลือดมักหยุดออกได้เอง มีเพียงส่วนน้อยที่อาจมีเลือดออกมากจนต้องให้เลือด)

ในรายที่เป็นเรื้อรังอาจกลายเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยขั้นต้นจากอาการ ส่วนการตรวจร่างกายมักไม่พบสิ่งผิดปกติ

แพทย์จะวินิจฉัยได้แน่ชัดโดยการใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะอาหาร (gastroscopy) และตรวจหาเชื้อเอชไพโลไรในกระเพาะอาหาร


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้ามีอาการแสบท้องหรือปวดท้องตอนดึก หรือจุกเสียดแน่นท้องหลังอาหารหรือมีประวัติกินยาแอสไพริน หรือยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ แพทย์จะให้ยาลดการสร้างกรดกลุ่มโปรตอนปั๊มป์ (เช่น โอเมพราโซล, แพนโทพราโซล, แลนโซพราโซล, ราบีพราโซล เป็นต้น) นาน 8 สัปดาห์ ผู้ป่วยต้องงดดื่มแอลกอฮอล์ และยาที่อาจทำให้กระเพาะอาหารอักเสบ

2. ถ้ามีอาการอาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายดำ แพทย์จะรับตัวรับไว้รักษาในโรงพยาบาล อาจต้องให้เลือด และตรวจหาสาเหตุโดยการใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะลำไส้ (endoscopy) แล้วให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

3. ในรายที่กินยาแล้วไม่ดีขึ้น หรือเป็นเรื้อรัง หรือน้ำหนักลด จำเป็นต้องตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม โดยการใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะลำไส้ ตรวจชิ้นเนื้อกระเพาะอาหาร แล้วให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ

ในกรณีที่เป็นกระเพาะอาหารอักเสบเรื้อรังจากเชื้อเอชไพโลไร (H.pylori) จะให้ยาปฏิชีวนะหลายชนิดร่วมกันนาน 7-14 วันเพื่อกำจัดเชื้อ


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดจุกแน่นตรงใต้ลิ้นปี่ กินยาลดกรด 2-3 ครั้งแล้วไม่ทุเลา หรือมีอาการอาเจียนเป็นเลือด หรือถ่ายอุจจาระดำ ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นกระเพาะอาหารอักเสบ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

1. กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

2. ติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด

3. ปฏิบัติตัว ดังนี้

    กินอาหารทีละน้อย แต่บ่อยมื้อขึ้น
    หลีกเลี่ยงอาหารมัน ของทอด อาหารเผ็ดจัด และเปรี้ยวจัด
    งดบุหรี่ แอลกอฮอล์ ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มกาเฟอีน และน้ำอัดลม
    หลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพริน และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (ใช้แก้ปวด แก้ปวดข้อ)

4. ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดท้องมาก อาเจียน อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระดำ ซีด ตาเหลือง คลำได้ก้อนในท้อง กินยารักษา 1 สัปดาห์แล้วไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดสังเกตที่สงสัยว่าเกิดจากผลข้างเคียงจากยาที่ใช้ (เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ ปากแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินหรือท้องผูก เป็นต้น)


การป้องกัน

เนื่องจากโรคนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุได้ ซึ่งบางชนิดป้องกันได้ บางชนิดป้องกันไม่ได้

สำหรับคนทั่วไป อาจป้องกันการเกิดกระเพาะอักเสบกลุ่มที่พบได้บ่อย ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการดื่มสุรามาก ถ้าจะดื่ม ควรดื่มในปริมาณเล็กน้อยเป็นครั้งคราว
    หลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน และยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (ใช้แก้ปวด แก้ปวดข้อ) ด้วยตัวเองอย่างพร่ำเพรื่อ ในกรณีที่จำเป็น ควรให้แพทย์ตัดสินใจและแนะนำการใช้ที่ปลอดภัย
    ป้องกันการติดเชื้อเอชไพโลไร ด้วยการกินอาหารที่ปรุงสุก และหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ก่อนเตรียมอาหาร ก่อนเปิบข้าว และหลังถ่ายอุจจาระ


ข้อแนะนำ

1. ผู้ป่วยที่กินยาแอสไพริน หรือยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ทุกราย ให้สังเกตสีของอุจจาระเป็นประจำ ถ้าเป็นสีดำต้องรีบกลับไปพบแพทย์หรือโรงพยาบาลโดยเร็ว ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ทราบว่าอาการถ่ายดำเป็นอาการเลือดออกในกระเพาะลำไส้ มักปล่อยให้เลือดออกมากจนมีอาการอ่อนเพลีย ซีด เป็นลม จึงค่อยไปโรงพยาบาล ซึ่งมักจะต้องให้เลือด และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

2. มะเร็งกระเพาะอาหารระยะแรก (ซึ่งพบในคนอายุมากกว่า 40 ปีมากกว่าวัยที่ต่ำกว่า 40 ปี) อาจมีอาการคล้ายอาหารไม่ย่อย (dyspepsia หรือ "โรคกระเพาะ") หรือกระเพาะอาหารอักเสบ และอาการสามารถทุเลาด้วยยาต้านกรดและยาลดการสร้างกรด แต่ต่อมาเมื่อแผลมะเร็งลุกลามมากขึ้น การใช้ยาจะไม่ได้ผล และจะมีอาการน้ำหนักลด อาเจียน หรือถ่ายดำตามมาได้ ดังนั้น หากรักษา "โรคกระเพาะ" โดยวินิจฉัยจากอาการแสดง 2 สัปดาห์แล้วไม่ดีขึ้น  มีอาการกำเริบบ่อย หรือพบในคนอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์ให้ทำการตรวจพิเศษ (เช่น ส่องกล้องหรือเอกซเรย์กระเพาะลำไส้) เพื่อแยกแยะสาเหตุให้แน่ชัด หากพบว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารจะได้รับการรักษาแต่เนิ่น ๆ ซึ่งได้ผลดีกว่าพบในระยะลุกลามแล้ว

7
มอเตอร์โชว์: Honda Civic เปิดราคาเริ่มต้นที่ 1.039 ล้านบาท พร้อมจัดแสดงรถหลากรุ่นและข้อเสนอพิเศษ

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ไอคอนยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานของฮอนด้า ยกระดับความคุ้มค่าด้วยราคาใหม่ ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV รุ่น e:HEV EL+ ราคา 1,099,000 และรุ่น e:HEV RS ราคา 1,239,000 บาท และขุมพลังเทอร์โบ รุ่น EL+  ราคา 1,039,000 บาท  พร้อมให้คุณเป็นเจ้าของได้ง่ายยิ่งขึ้น ด้วยข้อเสนอพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 0.99%* พร้อมรับ ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์
 
ได้แก่ ฟรีประกันภัย 1 ปี ฟรีแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง และค่าอะไหล่ตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ฟรี ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พิเศษ เฉพาะรุ่น e:HEV เท่านั้น เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และข้อเสนอพิเศษ “Honda Loyalty*” สำหรับเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าและครอบครัวรับดอกเบี้ยพิเศษ ลดลงอีก 0.30% เหลือดอกเบี้ยเริ่มต้นที่ 0.69%*

 
หรือเลือกรับ ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ค่างวดเริ่มต้น11,221 บาท (คำนวณจาก ซีวิค ใหม่ เกรด EL+ เงื่อนไขดาวน์ 20% ผ่อน 5 ปี) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% และพิเศษกับแคมเปญ “Honda Happy Trade-in” เมื่อนำรถฮอนด้าคันเก่ามาขายและออกรถ ซีวิค ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รับเพิ่ม บัตรน้ำมันมูลค่า 30,000 บาท* หรือเมื่อนำรถยนต์คันเดิมยี่ห้อใดก็ได้มาขายและออกรถ ซีวิค ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ รับเพิ่ม บัตรน้ำมันมูลค่า 15,000 บาท* ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 30 พฤศจิกายน 2567* ลูกค้าที่สนใจสามารถสัมผัส “ฮอนด้า ซีวิค ใหม่” พร้อมยนตรกรรมฮอนด้าในหลากหลายเซกเมนต์ ทั้งไลน์อัปฟูลไฮบริด e:HEV และไลน์อัปขุมพลังเทอร์โบได้ที่บูทฮอนด้า (A17) ในเทศกาลแสดงยานยนต์ประจำปี BIG Motor Sale 2024 ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2567 – 1 กันยายน 2567 พร้อมรับข้อเสนอพิเศษที่แตกต่างกันในแต่ละรุ่น* อาทิ ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ หรือเลือกรับ ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0% พร้อมรับ Honda Exclusive Care (ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์) ได้ทั้งที่งานและโชว์รูมฮอนด้าทั่วประเทศ
 
นายฮิเดโอะ คาวาซากะ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด “เป็นระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ฮอนด้ามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เราทุ่มเทและให้ความสำคัญกับการลงทุน เพื่อพัฒนาและนำเสนอคุณค่าใหม่ ๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการดำเนินงานเพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ xEV อย่างมั่นคง เรายินดีที่จะแนะนำ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ให้แก่ลูกค้า ซึ่งครั้งนี้มาพร้อมการยกระดับหลากหลายด้าน เพื่อสะท้อนตัวตนของผู้ใช้งานในทุกมิติ และตอบสนองทุกความต้องการได้ลงตัวยิ่งขึ้น อาทิ ปรับโฉมดีไซน์ภายนอก เพิ่มฟังก์ชันและเทคโนโลยีล้ำสมัยให้ครบครัน พร้อมด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยม ซึ่งซีวิค จะไม่ได้เป็นเพียงแค่รถยนต์ที่ดีเยี่ยมคันหนึ่งเท่านั้น แต่จะมอบประสบการณ์ที่ดีตลอดการใช้งาน โดยจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งที่จะขับเคลื่อนชีวิตคุณไปสู่
ทุกความสำเร็จ และทำให้คุณภูมิใจในการเป็นเจ้าของอย่างสูงสุด”
 
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ ยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียม ตอกย้ำ DNA ความสปอร์ตในตัวคุณ
 
ปรับโฉมดีไซน์ความสปอร์ตพรีเมียมยิ่งขึ้น
ใหม่! กระจังหน้าและกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว
ใหม่! ไฟท้าย LED รมดำ เสริมความมีเอกลักษณ์ในตัว
ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว Matte Black ดีไซน์ใหม่ สไตล์สปอร์ต
ใหม่! ในรุ่น EL+ เพิ่มขนาดล้ออัลลอยเป็น 17 นิ้ว
 ใหม่! สำหรับรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ กับสีใหม่! สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก)
 
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย ให้ความรู้สึกเท่ สปอร์ต และทันสมัย มาพร้อมเทคโนโลยีที่มอบความสะดวกสบายเหนือระดับ
ใหม่! ในรุ่น e:HEV RS มาพร้อมเบาะที่นั่งลายใหม่ Prime smooth ด้วยวัสดุเบาะหนังกลับและหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง อีกทั้งตกแต่งแผงคอนโซลหน้าและแผงประตูด้านข้างสีแดงสไตล์สปอร์ต
ในรุ่น EL+ และ e:HEV EL+ มาพร้อมวัสดุเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ
ใหม่! ช่องปรับอากาศผู้โดยสารตอนหลัง ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! เบาะที่นั่งด้านหลัง แยกพับแบบ 60:40 ในทุกรุ่นย่อย
 
เสริมความมั่นใจในทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ และเทคโนโลยีความปลอดภัยล้ำสมัย**
มั่นใจด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ที่พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! เซนเซอร์กะระยะหน้า 4 จุด และ หลัง 4 จุด (รุ่น e:HEV EL+ และ e:HEV RS)
ใหม่! โหมดการขับขี่แบบ Individual (Individual Mode) ที่เพิ่มเติมมาในรุ่น e:HEV เพื่อมอบการขับขี่ที่โดนใจสไตล์คุณ
 

 ยกระดับความสบายและสุนทรียภาพในทุกการเดินทาง พร้อมเชื่อมต่อผู้ขับขี่และรถให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย
ใหม่! ระบบเครื่องเสียงพร้อมลำโพง BOSE 12 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)
ใหม่! Google built-in แอปและบริการของ Google ที่ติดตั้งมาในตัว ในทุกรุ่นย่อย
ใหม่! ช่องเชื่อมต่อ USB Type C 4 ช่อง โดยแบ่งเป็น 2 ช่องด้านหน้า และ 2 ช่องด้านหลังในทุกรุ่นย่อย
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto(TM) แบบไร้สาย และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri และ Android Auto ในทุกรุ่นย่อย
ฮอนด้า คอนเนค (Honda CONNECT) เทคโนโลยีเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ในทุกรุ่นย่อย
 
มาพร้อม 2 ทางเลือกของขุมพลังการขับเคลื่อน ทั้งระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่มอบสมรรถนะอันทรงพลังผ่านการทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ผสานกำลังกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 315 นิวตัน-เมตร ให้อัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมถึง 25 กิโลเมตร/ลิตร มอบความแรงเกินคาด ประหยัดเกินใคร ให้คุณใช้ชีวิตได้อิสระ พาคุณไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมัน 1 ถัง***
 
ขับสนุก แรงเร้าใจ สไตล์สปอร์ตกับขุมพลังเทอร์โบ มาพร้อมเครื่องยนต์ VTEC TURBO ขนาด 1.5 ลิตร ด้วยกำลังสูงสุด 178 แรงม้า ตอบสนองได้อย่างทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 – 4,500 รอบต่อนาที และอัตราการประหยัดน้ำมัน 17.2 กิโลเมตร/ลิตร
 
สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีใหม่ สีน้ำเงินแคนยอนริเวอร์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น EL+ และ e:HEV EL+)  สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น e:HEV RS)  สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)  สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) สีดำคริสตัล (มุก)  และสีขาวแพลทินัม (มุก) พร้อมภายในสีดำและสีดำตกแต่งด้วยด้ายสีแดง (เฉพาะรุ่น e:HEV RS) รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ฮอนด้า ซีวิค ใหม่
 
นอกจากนี้ ในงาน BIG Motor Sale 2024 ฮอนด้ายังได้จัดแสดงยนตรกรรม ในหลากหลายเซกเมนต์ เพื่อให้ลูกค้าเลือกเป็นเจ้าของได้ตามไลฟ์สไตล์ของตนเอง นำโดย
 
ไลน์อัปยนตรกรรมฟูลไฮบริด e:HEV
ฮอนด้า แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม ทรงพลังทุกการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 2 ตัวในระบบเกียร์อัตโนมัติ E-CVT มอบแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 335 นิวตัน-เมตร และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson-Cycle DOHC ตอบสนองทุกอัตราเร่งได้ดั่งใจ ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงถึง 25 กม./ลิตร มาพร้อมความประหยัดที่เหนือความคาดหมาย โดยสามารถขับไปได้ไกลกว่า 900 กม.ด้วยน้ำมัน 1 ถัง *** มอบประสบการณ์ขับขี่ที่ลงตัว เพื่ออิสระของการเดินทางที่ไปได้ไกลและไร้กังวลในทุกเส้นทาง มั่นใจยิ่งขึ้นด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย อีกทั้งหลากหลายเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัยและเทคโนโลยีการขับขี่อื่น ๆ ที่ครบครัน มีให้เลือกทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ด้วยราคาเริ่มต้น 1,529,000 บาท

มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ค่างวดเริ่มต้น 16,513 บาท (คำนวณจาก แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ เกรด e:HEV E เงื่อนไขดาวน์ 20% ผ่อน 5 ปี) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% หรือเลือก ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% พร้อมรับฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ ได้แก่ ฟรีประกันภัย 1 ปี ฟรีแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง และค่าอะไหล่ตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ฟรีฮอนด้า อัลติเมท แคร์ ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)  เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง และพิเศษกับแคมเปญ “Honda Happy Trade-in” เมื่อนำรถยนต์ฮอนด้าคันเก่ามาขายและออกรถ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้า รับเพิ่ม บัตรน้ำมันมูลค่า 40,000 บาท หรือเมื่อนำรถยนต์คันเดิมยี่ห้อใดก็ได้มาขายและออกรถ แอคคอร์ด อี:เอชอีวี ใหม่ ที่โชว์รูมฮอนด้า รับเพิ่ม บัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท

ฮอนด้า ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี ยนตรกรรมพรีเมียมเอสยูวี มาพร้อมระบบขับเคลื่อนระบบฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานอันทรงพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Direct Injection Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูง ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 335 นิวตัน-เมตร มอบอัตราการประหยัดน้ำมันดีเยี่ยมสูงสุดถึง 20.8 กม./ลิตร (รุ่น e:HEV ES) โดยสามารถขับไปได้ไกลกว่า 900 กม. ด้วยน้ำมัน 1 ถัง *** มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time(TM) AWD with E-DPS) มั่นใจทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่หลากหลาย ด้วยราคาเริ่มต้น 1,589,000 บาท

มาพร้อมข้อเสนอ ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ค่างวดเริ่มต้น 17,161 บาท (คำนวณจาก ซีอาร์-วี อี:เอชอีวี เกรด e:HEV ES เงื่อนไขดาวน์ 20% ผ่อน 5 ปี) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% หรือเลือก ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วยการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริดถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี และ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก อี:เอชอีวี ใหม่ ซิตี้คาร์ยอดนิยม โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยว และภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย โดย ซิตี้ แฮทช์แบ็ก มาพร้อมเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR Seat) อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ทั้งสองรุ่น มาพร้อมระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV ที่ผสานพลังขับเคลื่อนหลักจากมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ E-CVT และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ตอบสนองดั่งใจด้วยแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตร มอบสมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังให้ทั้งอัตราเร่งแรงเร้าใจ และให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงถึง 27.8 กม./ลิตร พร้อมพาคุณเดินทางสู่ทุกจุดหมายและไปได้ไกลกว่า 800 กิโลเมตร ด้วยน้ำมันเพียง 1 ถัง*** มั่นใจทุกการเดินทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย โดย ซิตี้ อี:เอชอีวี มาพร้อมราคาใหม่ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น ในรุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท และรุ่น e:HEV RS ราคา 799,000 บาท

มาพร้อมข้อเสนอพิเศษ ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ค่างวดเริ่มต้น 7,265 บาท (คำนวณจาก ซิตี้ อี:เอชอีวี เกรด e:HEV SV และ ซิตี้ แฮทช์แบ็กอี:เอชอีวี ใหม่ เกรด e:HEV SV เงื่อนไขดาวน์ 20% ผ่อน 5 ปี) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% หรือเลือกรับ ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี

ไลน์อัปยนตรกรรมเทอร์โบ
ฮอนด้า ซีอาร์-วี เทอร์โบ โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม แข็งแกร่งในทุกมิติ ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Direct Injection DOHC VTEC TURBO 4 สูบ 16 วาล์ว ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Direct Injection และ Turbocharger ขับสนุก ทรงพลัง ให้อัตราเร่งทันใจ มอบกำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ผสานการทำงานกับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้อัตราการประหยัดน้ำมันสูงสุด 14.3 กม./ลิตร (รุ่น E) และรองรับน้ำมัน E85 มีให้เลือกทั้งแบบระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ (Real Time (TM) AWD with E-DPS) พร้อมรองรับทุกไลฟ์สไตล์กับตัวเลือกเบาะโดยสารแบบ 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง มั่นใจทุกเส้นทางด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย ครบครันด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกระดับพรีเมียมและเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่หลากหลายด้วยราคาเริ่มต้น 1,419,000 บาท

มาพร้อมข้อเสนอ ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ตามสไตล์ที่คุณชอบ ค่างวดเริ่มต้น 15,325 บาท (คำนวณจาก ซีอาร์-วี เกรด E เงื่อนไขดาวน์ 20% ผ่อน 5 ปี) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% หรือเลือก ดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมรับฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ แคร์ ได้แก่ ฟรีประกันภัย 1 ปี ฟรีแพ็กเกจเช็กระยะ ค่าแรง และค่าอะไหล่ตามตารางการบำรุงรักษา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) ฟรีฮอนด้า อัลติเมท แคร์ ขยายเวลารับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่และบริการช่วยเหลือฉุกเฉินนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง อีก 2 ปี หรือ 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) และพิเศษกับแคมเปญ “Honda Happy Trade-in” เมื่อนำรถยนต์ฮอนด้ามาขายและออกรถ ซีอาร์-วี เทอร์โบ ที่โชว์รูมฮอนด้า รับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 40,000 บาท หรือเมื่อนำรถยนต์คันเดิมยี่ห้อใดก็ได้ มาขายและออกรถ ซีอาร์-วี เทอร์โบ ที่โชว์รูมฮอนด้า รับเพิ่มบัตรน้ำมันมูลค่า 20,000 บาท


ฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ และ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก เทอร์โบ ใหม่ ซิตี้คาร์ยอดนิยม โดดเด่นด้วยดีไซน์ภายนอกที่สปอร์ตโฉบเฉี่ยว และภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบาย โดย ซิตี้ แฮทช์แบ็ก มาพร้อมเบาะนั่งอัลตราซีท (ULTR Seat) อันเป็นเอกลักษณ์ของฮอนด้า ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมขุมพลัง VTEC TURBO 1.0 ลิตร ที่มอบกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ขับสนุกพร้อมตอบสนองทุกการเดินทาง มั่นใจทุกการขับขี่กับเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING ที่ติดตั้งในทุกรุ่นย่อย ครบครันด้วยหลากหลายฟังก์ชันการใช้งาน สำหรับ ซิตี้ เทอร์โบ ประหยัดน้ำมันสูง 23.8 กม./ลิตร และซิตี้ แฮทช์แบ็ก เทอร์โบ ประหยัดน้ำมันสูง 23.3 กม./ลิตร ด้วยราคาเริ่มต้น 599,000 บาท
มาพร้อมข้อเสนอ ดับเบิ้ล สไมล์ พลัส ผ่อนเบา ดาวน์สบาย เลือกผ่อนได้ตามสไตล์ที่คุณชอบพิเศษสุด! เฉพาะฮอนด้า ซิตี้ เทอร์โบ และ ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก เทอร์โบ ใหม่ เมื่อใช้สินเชื่อดับเบิ้ล สไมล์ พลัส โดยเลือกผ่อนชำระแบบ 5 ปี รับสิทธิพิเศษฮอนด้าช่วยผ่อนเดือนละ 1,200 บาท เป็นเวลา 60 เดือน รวมมูลค่า 72,000 บาท ค่างวดเริ่มต้นเพียง 4,770 บาท (คำนวณจาก ซิตี้ เทอร์โบ เกรด S และ ซิตี้ แฮทช์แบ็ก เทอร์โบ ใหม่ เกรด S+ เงื่อนไขดาวน์ 20% ผ่อน 5 ปี ซึ่งหักค่าผ่อนชำระค่างวดจากแคมเปญฮอนด้าช่วยผ่อนแล้ว) หรือเลือกดาวน์ต่ำเพียง 10% หรือเลือก ดอกเบี้ยพิเศษ 0% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี
 
พิเศษสำหรับแฟนฮอนด้าสายสปอร์ต กับ ฮอนด้า ซีวิค ไทป์ อาร์ (Civic Type R) ที่สุดแห่งยนตรกรรมความสปอร์ตของฮอนด้า ที่ได้นำมาจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสบริเวณด้านหน้าประตูทางเข้างาน ฮอลล์ 102 พร้อมเปิดจำหน่าย ทั้งในงานสำหรับลูกค้าที่จองและรับรถ ซีวิค ไทป์ อาร์ ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2567 – 31 ตุลาคม 2567 รับฟรี ทริปพาชมงาน Tokyo Auto Salon 2025 ที่ประเทศญี่ปุ่น* 1 สิทธิ์ ต่อ 2 ที่นั่ง พร้อมห้องพัก 1 ห้อง (โรงแรมระดับ 5 ดาว) 4 วัน 3 คืน มูลค่า 180,000 บาท กำหนดการเดินทางเดือนมกราคม 2568 โดย ซีวิค ไทป์ อาร์ โดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ตเฉพาะตัวทั้งภายนอกและภายใน มอบการขับขี่ที่สนุก แรง เร้าใจสไตล์สปอร์ต กับขุมพลังเครื่องยนต์ Direct Injection DOHC VTEC TURBO ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว มอบกำลังสูงสุด 320 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร ที่ทำงานร่วมกับเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ Honda SENSING และเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่อันล้ำสมัยอื่น ๆ มีสีภายนอกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโซนิค (มุก) สีแดงแรลลี่ สีขาวแชมเปียนชิป และสีน้ำเงินเรซซิง (มุก) ด้วยราคาจำหน่าย 3,990,000 บาท
 
นอกจากนี้ ที่บูทฮอนด้า ยังมีการจัดแสดงยนตรกรรมเอสยูวีขับเคลื่อนขุมพลังไฟฟ้า 100% ฮอนด้า อี:เอ็น 1 โดยเปิดให้ลูกค้าสัมผัสประสบการณ์ด้วยการเช่าใช้ ทั้งในรูปแบบบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ด้วยระยะเวลาการเช่าเริ่มต้น 24 เดือน ผ่านบริษัทรถเช่าชั้นนำ อาทิ บริษัท กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส จำกัด (มหาชน)  บริษัท ซูมิโตโม มิตซุย ออโต้ ลิสซิ่ง แอนด์ เซอร์วิส (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ไทย วี.พี.คอร์ปอเรชั่น จำกัด  บริษัท ไทยโอริกซ์ลีสซิ่ง จำกัด บริษัท พารากอน คาร์ เรนทัล จำกัด บริษัท ไพร์ม คาร์เร้นท์ จำกัด  บริษัท ภัทรลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) บริษัท มาสเตอร์ คาร์เร้นเทิล จำกัด บริษัท เวิลด์คลาส เรนท์ อะ คาร์ จำกัด บริษัท เวิลด์เบสท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด บริษัท เอแอลดี เอ็มเอชซี โมบิลิตี้ เซอร์วิส (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ช.พัฒนาคาร์เรนท์ จำกัด โดยรายละเอียดและเงื่อนไขการเช่าเป็นไปตามที่บริษัทรถเช่ากำหนด สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดย ฮอนด้า อี:เอ็น 1 มาพร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ บ่งบอกความเป็นยนตรกรรมไฟฟ้าด้วยโลโก้ H Mark ใหม่ สไตล์ พรีเมียมมินิมอล กับขุมพลังไฟฟ้าตอบสนองได้อย่างรวดเร็วทันใจจากการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ 3-in-1 (Motor, Power Drive Unit และ Gearbox) ให้กำลังสูงสุด 150 กิโลวัตต์ หรือ 204 แรงม้า (PS) มอบสมรรถนะที่แรงเร้าใจด้วยแรงบิดสูงสุด 310 นิวตัน-เมตร ที่ผสานการทำงานร่วมกับแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ความจุ 68.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh)
 

8
เปิดตัว MG Windsor EV รถยนต์ไฟฟ้าดีไซน์ไม่เหมือนใคร ในอินเดีย เริ่ม 4 แสนบาท วิ่งไกล 331 กม.

MG Windsor EV เปิดตัวแล้วในอินเดีย รถรุ่นนี้ตั้งเป้าให้เป็น “CUV” หรือ รถครอสโอเวอร์ แทนการเป็น SUV ไฟฟ้า โดยมาพร้อมหน้าตาที่ไม่เหมือนใคร และพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง มีราคาเริ่มที่ 9.99 แสนรูปีอินเดีย หรือราว 4 แสนบาทเท่านั้น
 
รถ CUV
 
Windsor EV เป็นรถ CUV ซึ่งมีส่วนผสมระหว่างรถแฮทช์แบ็คและ SUV โดย Windsor ถือว่าเอนเอียงไปทางแฮทช์แบ็คมากกว่า และมีสีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Turquoise Green, Starburst Black, Pearl White และ Clay Beige
 
ดีไซน์แปลกใหม่ แต่เป็นมิตร
 
ดีไซน์ของรถคันนี้มีความแปลกตา ให้ความเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร แต่ยังให้ความเป็นมิตรกับผู้ที่มอง มีส่วนของกระจกที่ค่อนข้างใหญ่ เสริมพื้นที่ภายในห้องโดยสารให้กว้างขึ้น ด้านข้างเราจะเห็นมือจับประตูที่แนบไปกับตัวรถ พร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว และระบบดิสก์เบรค 4 ล้อ
 
ไฟหน้าของรถคันนี้เป็นแบบแยกส่วน ด้านบนจะเป็นไฟ DRL แบบ LED ตลอดความกว้างของรถ เช่นเดียวกันกับไฟท้ายที่ใช้ดีไซน์เดียวกัน รอบคันตกแต่งด้วยสีดำเงา เมื่อมองภาพรวมเราจะเห็นว่าโอเวอร์แฮงค์ค่อนข้างสั้น และท้ายรถจะมีออพชั่นฝาท้ายไฟฟ้ามาให้

MG ระบุว่า Windsor EV มาพร้อมความกว้างใหญ่ กว้างขวาง และความหรูหรา ตามชื่อรุ่นที่มาจากพระราชวังวินเซอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของสหราชอาณาจักร MG ยังกล่าวว่าห้องโดยสารนั้นอยู่ในระดับ “business class” ที่ปรับเอนเบาะได้มากถึง 135 องศา และมาพร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระสูงสุด 1,707 ลิตร (604 ลิตรเมื่อไม่ได้พับเบาะ) ซึ่งถือว่าโดดเด่นสำหรับรถคลาสนี้
 
มิติตัวถัง MG Winsor EV
 
ความยาว 4,295 มม.
ความกว้าง 1,850 มม.
ความสูง 1,652 มม.
ระยะฐานล้อ 2,700 มม.

 
ภายในเน้นหรู นั่งสบาย
 
สำหรับภายในของ MG Windsor EV เต็มไปด้วยความหรูหรา ซึ่งจะเห็นได้จากการบุ soft touch หลายจุด เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังเทียมแบบ ‘Italian Bubble-Style’ เบาะหลังมี sofa mode สามารถเอนนอนได้สูงสุด 135 องศา เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า และมีหลังคาแก้วขนาดใหญ่
 
ความทันสมัยมีให้ครบครัน เริ่มที่หน้าจออินโฟเทนเมนต์ GrandViewTouch Display 15.6 นิ้วตรงกลาง และมาตรวัดดิจิทัลขนาด 8.8 นิ้วหลังพวงมาลัย
 
ออพชั่นที่น่าสนใจ ได้แก่ แท่นชาร์จไร้สาย, ไฟ ambient light ที่ปรับแต่งได้เอง, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, แอร์หลัง, ระบบเสียงลำโพง 9 ตำแหน่งจาก Infinity, keyless entry, ปุ่ม push start, กรองอากาศ, ฟีเจอร์ home-to-car, ระบบ connected car, เบรคมือไฟฟ้า, เซนเซอร์ลมยาง TPMS และอื่น ๆ รวมถึงมีระบบความปลอดภัยครบครัน อย่าง ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง, กล้อง 360 องศา, และระบบเตือนจุดบอด Blind Spot Monitoring
 

ขุมกำลังที่เพียงพอ
 
ขุมพลังของ MG Windsor EV ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า จับคู่แบตเตอรี่ความจุ 30.8 kWh และวิ่งได้ไกลสุด 331 กม./ชาร์จ ตามมาตรฐานของ ARAI รองรับการชาร์จแบบ AC จากแบตฯ 0-100% ภายใน 6.5 ชั่วโมง และชาร์จแบบ DC จากแบตฯ 0-80% ภายใน 55 นาที
 
MG Windsor EV เป็นฝาแฝดกับ Wuling Cloud EV แบบไม่ต้องสงสัย ต่างกันเพียงป้ายชื่อแบรนด์เท่านั้น โดยรถจากหวู่หลิงหากต้องขายรถในอินเดียจะทำตลาดผ่านแบรนด์ MG นั่นเอง

9
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







10
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



11
อาการของโรคฝีดาษลิง (Mpox/Monkeypox)

ฝีดาษลิง (ฝีดาษวานร ก็เรียก) เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่พบในสัตว์ฟันแทะและลิง* พบในคนครั้งแรกที่ประเทศคองโกในปี 2513 และต่อมาพบระบาดกลายเป็นโรคประจำถิ่นในทวีปแอฟริกา เริ่มพบระบาดไปนอกแอฟริกาเป็นครั้งแรกคือสหรัฐอเมริกาในปี 2546 และในปี 2564 พบผู้ป่วยชาวอเมริกัน 1 รายซึ่งกลับจากการไปท่องเที่ยวที่ประเทศไนจีเรีย นับแต่ปี 2565 เป็นต้นมา พบระบาดในทวีปต่าง ๆ ทั่วโลก**

โรคนี้จะทำให้มีอาการไข้และผื่นตุ่มขึ้น คล้ายโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (smallpox) แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า โดยมีผื่นอยู่นานเป็นสัปดาห์ ๆ ซึ่งจะหายได้เองเป็นส่วนใหญ่

กลุ่มที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ ได้แก่ ผู้ที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการระบาด (เช่นในประเทศแถบแอฟริกา), ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ (โดยเฉพาะอย่างกลุ่มชายรักร่วมเพศ ผู้ที่ทำงานด้านบริการทางเพศ ผู้ที่มีคู่นอนหลายคน), ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดหรืออาศัยอยู่ในบ้านเดียวกันกับผู้ติดเชื้อ, ผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกับสัตว์ที่ติดเชื้อ

*เนื่องจากพบโรคนี้ระบาดในลิงในห้องทดลองเป็นครั้งแรกในปี 2501 จึงได้ชื่อว่า ฝีดาษลิง ซึ่งเดิมใช้ชื่อว่า Monkeypox ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกขอให้ใช้ชื่อว่า Mpox แทน

**เมื่อ 23 กรกฎาคม 2565 องค์การอนามัยโลกประกาศให้การระบาดของโรคฝีดาษลิงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก เนื่องจากได้พบผู้ติดเชื้อกว่า 16,000 รายใน 75 ประเทศทั่วโลก ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย หลังจากสถานการณ์ผู้ป่วยเริ่มลดลง ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2566 องค์การอนามัยประกาศให้โรคนี้พ้นจากภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ

ในไทยมีรายงานผู้ป่วยรายแรกซึ่งเป็นชาวไนจีเรียที่เดินทางมาที่ภูเก็ตเมื่อ 21 กรกฏาคม 2565 หลังจากนั้นพบมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีรายงาน (เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 2566) ว่าพบผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้น 582 ราย ใน 37 จังหวัดทั่วประเทศ เกือบร้อยละ 60 ของผู้ป่วยทั้งหมดอยู่ในกรุงเทพฯ ทั้งนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักร่วมเพศ ส่วนใหญ่พบในคนอายุ 30-39 ปี รองลงมาคือช่วงอายุ 20-29 ปี อย่างไรก็ตาม โรคนี้พบได้ในคนทุกเพศทุกวัยที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม orthopoxvirus* (ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับเชื้อไวรัสโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ) โรคนี้สามารถติดต่อได้ 2 ทาง ได้แก่

1. จากคนสู่คน เชื้อสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง (ที่มีรอยแยก) เยื่อเมือก (เช่น เยื่อบุตา ช่องปาก คอหอย ช่องคลอด องคชาต ทวารหนัก) หรือทางเดินหายใจ

การติดเชื้อส่วนใหญ่เกิดจากการสัมผัสถูกผื่น ตุ่ม น้ำหนอง แผลที่ผิวหนัง สารคัดหลั่ง (เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ น้ำตา) ของผู้ติดเชื้อ หรือสัมผัสถูกบริเวณทวารหนักหรือช่องคลอดของผู้ติดเชื้อ โดยการสัมผัสอย่างแนบชิด เช่น การนวด การกอด จูบ หรือการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ แต่ก็สามารถพบในคนทั่วไปที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ บางรายอาจเกิดจากการใช้ของร่วมกับผู้ติดเชื้อ เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน หมอน เป็นต้น

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกผ่านทางรกขณะอยู่ในครรภ์ หรือจากการสัมผัสใกล้ชิดหลังคลอด

ส่วนการติดเชื้อจากการสูดละอองฝอยที่ผู้ติดเชื้อไอ จาม หรือหายใจรดนั้นพบได้เป็นส่วนน้อย ผู้ป่วยมักต้องมีการสัมผัสแบบตัวต่อตัว (เช่น การพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด) เป็นเวลานาน ๆ

2. จากสัตว์สู่คน ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากสัตว์ฟันแทะ (เช่น หนู กระรอก กระแต กระต่าย) โดยการสัมผัสถูกเลือด สารคัดหลั่ง ผื่นหรือตุ่มหนองของสัตว์ หรือถูกสัตว์ติดเชื้อกัดหรือข่วน หรือกินเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ปรุงไม่สุก การติดเชื้อจากสัตว์พบได้เป็นส่วนน้อย และมักพบในพื้นที่ที่มีโรคนี้เป็นโรคประจำถิ่น (เช่นแอฟริกา)

ระยะฟักตัว 5-21 วัน

*เชื้อไวรัสฝีดาษลิงที่พบในแอฟริกาแบ่งเป็น 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ชนิดที่ 1 (สายพันธุ์คองโก) และสายพันธุ์ชนิดที่ 2 (สายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก) สายพันธุ์ชนิดที่ 1 พบในแอฟริกากลาง (เช่น คองโก) มีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 10 ส่วนสายพันธุ์ชนิดที่ 2 พบในแอฟริกาตะวันตก (เช่น ไนจีเรีย) และมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ชนิดที่ 1 คือมีอัตราการเสียชีวิตร้อยละ 1-3 การระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ปี 2565 เกิดจากสายพันธุ์ชนิดที่ 2


อาการ

ระยะแรก จะมีอาการไข้ หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดหลัง ต่อมน้ำเหลืองโตทั่วร่างกาย บางรายอาจมีอาการเจ็บคอ เจ็บทวารหนัก อาเจียน หรือท้องเดินร่วมด้วย

ระยะต่อมา (หลังมีไข้ 1-3 วัน) จะมีผื่นตุ่มขึ้นจำนวนมากตามบริเวณใบหน้าและแขนขา (มากกว่าลำตัว) ซึ่งมักจะขึ้นที่ใบหน้าก่อน แล้วกระจายไปตามแขนขา โดยเริ่มแรกขึ้นเป็นผื่นแดงหรือปื้นนูนแดง ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำใส ซึ่งอาจรู้สึกปวดเจ็บ แสบร้อน หรือคัน ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มหนอง และกลายเป็นสะเก็ด แล้วในที่สุดก็จะหลุดลอกไป ผื่นตุ่มเหล่านี้จะเป็นอยู่นานประมาณ 2-4 สัปดาห์ (ในรายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำอาจนานกว่านี้) หลังตกสะเก็ดอาจเกิดรอยโรคหรือแผลเป็นได้ เนื่องจากผื่นตุ่มของโรคนี้จะกินถึงผิวหนังชั้นลึก

บางรายอาจมีผื่นตุ่มที่บริเวณมือ (รวมทั้งฝ่ามือ) เท้า (รวมทั้งฝ่าเท้า) เยื่อบุในช่องปาก คอหอย อวัยวะเพศ เยื่อบุตาขาว และกระจกตาได้

บางรายอาจมีอาการต่างไปจากลักษณะที่พบในผู้ป่วยส่วนใหญ่ดังกล่าวข้างต้น เช่น มีเพียงไข้ต่ำ ๆ หรือมีผื่นตุ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย หรือมีอาการผื่นขึ้นก่อนหรือพร้อมกับอาการอื่น ๆ ไม่มีอาการต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งอาจทำให้คิดว่าไม่ใช่โรคฝีดาษลิง และละเลยการป้องกันการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น

ภาวะแทรกซ้อน

เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยเอดส์) มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อน อาทิ

    คออักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงจนทำให้กลืนลำบาก
    ทวารหนักอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงจนทำให้ถ่ายอุจจาระลำบาก
    ผื่นตุ่มที่ผิวหนังเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
    ภาวะโลหิตเป็นพิษจากเชื้อเข้ากระแสโลหิต 
    การติดเชื้อที่กระจกตา ซึ่งอาจรุนแรงทำให้ตาบอดได้
    ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ สมองอักเสบ
    หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคฝีดาษลิง อาจทำให้ทารกตายในครรภ์ แท้งบุตร ทารกคลอดก่อนกำหนด


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมีสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ไข้ มากกว่า 38 องศาเซลเซียส

ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สังเกตได้ของโรคนี้ สามารถเกิดขึ้นได้ตามจุดต่าง ๆ ที่สัมผัสโรค เช่น คอ ไหปลาร้า รักแร้ ข้อศอก เป็นต้น

ผื่นแดง ตุ่มน้ำใส ตุ่มหนอง ตามใบหน้า แขนขา ฝ่ามือ ฝ่าเท้า

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยการตรวจหาสารพันธุกรรม (ดีเอ็นเอ) ของเชื้อจากน้ำหรือหนองจากตุ่มที่ผิวหนังด้วยเทคนิค polymerase chain reaction (PCR) ในกรณีที่ไม่พบผื่นตุ่มที่ผิวหนัง จะตรวจจากสารคัดหลั่งในลำคอ หรือทวารหนัก ซึ่งเก็บตัวอย่างโดยการใช้ไม้ป้ายคอหอย (oropharyngeal swab) หรือไม้ป้ายทวารหนัก (anal/rectal swab)


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การรักษาโรคนี้ ดังนี้

    ในรายที่อาการไม่รุนแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง จะให้การรักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ (พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน) ยาแก้คัน (เช่น ยาแก้แพ้ คาลาไมน์โลชั่น), ให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำในรายที่กินไม่ได้หรือมีภาวะขาดน้ำ, ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่ผื่นตุ่มมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เป็นต้น
    ในรายที่มีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล และให้การรักษาภาวะผิดปกติที่พบ (เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ)

ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงบางราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หรือมีโรคประจำตัว แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัส ได้แก่ tecovirimat (หรือ TPOXX) ซึ่งเป็นยาที่ใช้รักษาโรคไข้ทรพิษ

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะหายได้ภายใน 2-4 สัปดาห์โดยการรักษาตามอาการ ส่วนผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนรุนแรง หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็มักจะหายได้เป็นปกติ มีส่วนน้อยที่อาจมีความพิการ (เช่น ในรายที่เป็นสมองอักเสบที่รุนแรง) หรือเสียชีวิต


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตุ่มขึ้นตามผิวหนัง และมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยฝีดาษลิง ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคฝีดาษลิง ควรดูแลตนเองดังนี้

    รักษาและปฏิบัติตัวตามที่แพทย์แนะนำ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    แยกตัวออกจากผู้อื่นทันที แยกห้องนอน ห้องน้ำ แยกของใช้ และงดการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าแผลจะตกสะเก็ด (ระยะที่เป็นตุ่มน้ำใส และตุ่มหนอง สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้)
    สวมหน้ากากอนามัย ถ้ามีคนอื่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
    หมั่นล้างมือบ่อย ๆ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหรือหลังสัมผัสผื่นตุ่ม)
    กินอาหารสุขภาพ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และดื่มน้ำมาก ๆ 
    ถ้ามีแผลในปาก ให้ใช้น้ำเกลือกลั้วปากวันละ 4 ครั้ง
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสวัตถุหรือพื้นผิวที่ผู้อื่นใช้ร่วม เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ เก้าอี้ รีโมตทีวี เป็นต้น หากเลี่ยงไม่ได้ หลังสัมผัส ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดทันที
    ตัดเล็บให้สั้น และห้ามแคะ แกะ เกาผื่นหรือตุ่ม เพราะการแคะ แกะ เกาอาจทำให้ผื่นตุ่มหายช้า แพร่กระจายผื่นตุ่มไปยังบริเวณอื่นของร่างกาย อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน และกลายเป็นแผลเป็นได้

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการผิดปกติ (เช่น เจ็บหน้าอกมาก หอบหรือหายใจลำบาก รู้สึกเหนื่อยง่าย ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว ชัก แขนขาอ่อนแรง ปวดศีรษะมาก อาเจียน กินไม่ได้ แผลเป็นหนองหรือสงสัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน) หรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา

สำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ (เช่น อยู่ในบ้านเดียวกัน เป็นสามีภรรยาหรือมีเพศสัมพันธ์กัน มีการพูดคุยกันอย่างใกล้ชิด) ควรสังเกตอาการของตนเอง และแยกตัวเองออกจากผู้อื่น หากมีอาการผิดสังเกต ควรไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

การป้องกัน

    หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย และไม่นำมือไปสัมผัสผื่น ตุ่ม หนอง ของผู้ติดเชื้อ
    ออกห่างจากผู้ติดเชื้อ หรือผู้ที่มีประวัติสัมผัสผู้ป่วย แยกห้องนอน ห้องน้ำ แยกของใช้ และงดการมีเพศสัมพันธ์กับคนเหล่านี้
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์หรือสารคัดหลั่งของสัตว์ที่อาจเป็นพาหะ (เช่น สัตว์ฟันแทะ ลิง) ไม่กินเนื้อสัตว์ไม่ปรุงสุก
    ในช่วงที่มีการระบาด หมั่นสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยน้ำกับสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก และไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น

ข้อแนะนำ

1. ฝีดาษลิงเป็นโรคประจำถิ่นในแถบแอฟริกามานาน แต่เพิ่งมีการระบาดไปทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยเมื่อปี 2565 ดังนั้น หากมีไข้ และผื่นตุ่มขึ้นตามตัว นอกจากมีสาเหตุจากอีสุกอีใส โรคมือ เท้า ปาก เริม งูสวัดแล้ว ก็ควรนึกว่าอาจเกิดจากโรคฝีดาษลิงนี้ก็ได้ (ตรวจอาการ "ไข้ร่วมกับมีผื่นหรือตุ่มขึ้น" เพิ่มเติม)

โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคฝีดาษลิงจะมีผื่น ตุ่มน้ำใส และตุ่มหนองขึ้นกระจายไปทั่วร่างกายในลักษณะแบบเดียวกับอีสุกอีใส ต่างกันตรงที่ฝีดาษลิงจะมีต่อมน้ำเหลืองโตตามคอ ไหปลาร้า รักแร้ ข้อศอก ซึ่งมักไม่พบในอีสุกอีใส ส่วนอีสุกอีใสมักจะติดต่อกันได้ง่ายกว่าฝีดาษลิง อย่างไรก็ตาม หากพบอาการไข้และผื่นตุ่มขึ้นในกลุ่มชายรักร่วมเพศ หรือผู้ที่มีประวัติสัมผัสโรคฝีดาษลิง ควรสงสัยว่าเป็นฝีดาษลิงมากกว่าอีสุกอีใส ซึ่งควรให้แพทย์วินิจฉัยโดยเร็ว

2. โรคนี้เกิดจากการสัมผัสแบบแนบชิดกันเป็นหลัก ซึ่งพบในกลุ่มเสี่ยงบางกลุ่ม (เช่น กลุ่มชายรักร่วมเพศ ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่อยู่ในบ้านด้วยกัน) ไม่ได้แพร่ในที่สาธารณะอย่างกว้างขวางเช่นโรคโควิด-19 สามารถป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย

3. สำหรับผู้ที่มีประวัติติดโรคฝีดาษลิงจากการมีเพศสัมพันธ์ แพทย์จะทำการตรวจว่ามีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น (เช่น เอชไอวี ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม) ร่วมด้วยหรือไม่ หากพบก็จะให้การรักษาควบคู่ไปด้วย

4. ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษลิง ซึ่งมีใช้ในประเทศที่มีการระบาดของโรคนี้อย่างรุนแรง สำหรับบ้านเรา เนื่องจากโรคนี้ยังไม่ถือเป็นการระบาด จึงยังไม่มีวัคซีนชนิดนี้

ผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษมาก่อน จะมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปัองกันโรคฝีดาษลิง และมีความเสี่ยงต่อการติดโรคฝีดาษลิงน้อยกว่าผู้ที่ไม่เคยปลูกฝี ในบ้านเราการปลูกฝีได้ยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2517 เนื่องจากโรคฝีดาษถูกกำจัดหมดไปจากโลก

12
ภาวะโรคความดันโลหิตต่ำ

ภาวะความดันโลหิตต่ำ คือภาวะที่ความดันโลหิตต่ำกว่า 90/60 ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำอาจมีอาการวิงเวียนศีรษะและเป็นลม ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น การขาดน้ำหรือความผิดปกติที่ร้ายแรงอื่น ๆ การค้นหาต้นตอสาเหตุของภาวะความดันโลหิตต่ำเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญต่อการรักษา

อาการ

ผู้ที่มีความดันโลหิคต่ำอาจมีอาการดังต่อไปนี้

    เวียนศีรษะ
    เป็นลม
    คลื่นไส้
    เหนื่อยล้า
    มองเห็นภาพซ้อน
    ขาดสมาธิ

ภาวะความดันโลหิตต่ำอาจทำให้เกิดภาวะช็อกได้หากภาวะดังกล่าวมีความรุนแรง สัญญาณและอาการของภาวะช็อกอาจรวมถึง

    อ่อนแรง
    ชีพจรเต้นเร็ว
    เกิดความสับสน
    ผิวเย็น ชื้น และซีด
    หายใจเร็ว

เมื่อไหร่จึงควรพบแพทย์

ขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ฉุกเฉินทันทีหากเกิดภาวะช็อก ทั้งนี้ควรพบแพทย์หากมีสัญญาณหรืออาการของความดันโลหิตต่ำ เนื่องจากอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาทางการแพทย์ที่ร้ายแรงอื่น ๆ โดนอาจทำการจดบันทึกอาการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เกิดขึ้นและสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ในขณะนั้น

สาเหตุ
ความดันโลหิตขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่

    จังหวะการหายใจ
    ระดับความเครียด
    ท่าทางและการจัดตำแหน่งของร่างกาย
    ภาวะของร่างกาย
    การรับประทานยาบางชนิด
    อาหาร
    ช่วงเวลาในแต่ละวัน

มีหลายปัจจัยที่ทำให้ความดันโลหิตลดลงรวมถึงสภาวะทางการแพทย์ เช่น

    ภาวะขาดน้ำ
    การตั้งครรภ์
    ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
    ปัญหาต่อมไร้ท่อ
    การสูญเสียเลือด
    ภาวะโลหิตเป็นพิษหรือการติดเชื้อรุนแรง
    อาการแพ้อย่างรุนแรง
    ขาดสารอาหาร

นอกเหนือจากเงื่อนไขทางการแพทย์เหล่านี้ ความดันโลหิตต่ำอาจเป็นผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น

    ยาขับปัสสาวะ
    Alpha blockers
    Beta blockers
    ยาสำหรับโรคพาร์กินสัน
    ยาต้านซึมเศร้าบางประเภท
    ยาสำหรับอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

ความดันโลหิตต่ำอาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ โดยแบ่งออกเป็นหลายประเภทขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยอื่น ๆ อาจรวมถึง

    ภาวะความดันโลหิตต่ำหรือตกจากการเปลี่ยนท่า
    ภาวะความดันโลหิตลดลงอย่างกะทันหันนี้เกิดขึ้นเมื่อคุณยืนขึ้นหลังจากนอนราบหรือจากท่านั่ง ซึ่งอาจเกิดขึ้นในคนที่มีปัจจัยดังต่อไปนี้

        ผู้สูงอายุ
        ภาวะขาดน้ำ
        นอนพักเป็นเวลานาน
        การตั้งครรภ์
        โรคเบาหวาน
        ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
        บาดแผลไฟไหม้
        ความร้อนมากเกินไป
        เส้นเลือดขอดขนาดใหญ่
        ความผิดปกติทางระบบประสาทบางอย่าง

    ความดันโลหิตต่ำหลังรับประทานอาหารมื้อใหญ่
    ความดันเลือดต่ำประเภทนี้มักเกิดขึ้นประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำหลังประเภทนี้อาจมีอาการวิงเวียนศีรษะ เป็นลม และหกล้ม ซึ่งมักเกิดขึ้นในผู้มีปัจจัยดังต่อไปนี้

        ผู้สูงอายุ
        ภาวะความดันโลหิตสูง
        ความผิดปกติของระบบประสาท เช่น โรคพาร์คินสัน

เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะนี้คุณอาจรับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ และหลียกเลี่ยงอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต การดื่มน้ำมากขึ้นและหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ถือเป็นประโยชน์ในการลดอาการได้


ภาวะความดันโลหิตต่ำจากระบบประสาทอัตโนมัติ

ความดันโลหิตต่ำชนิดนี้เกิดขึ้นหลังจากการยืนเป็นเวลานาน ซึ่งเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ใหญ่และเด็ก การสื่อสารที่ไม่ถูกต้องระหว่างหัวใจและสมองถือเป็นสาเหตุของภาวะนี้

    ภาวะความดันโลหิตต่ำจากความผิดปกติจากหลายระบบ
    ความเสียหายต่อระบบประสาททำให้ความดันโลหิตลดลง ความดันเลือดต่ำชนิดนี้เรียกอีกอย่างว่า Shy-Drager syndrome อาการของความดันโลหิตต่ำที่หายากนี้มีลักษณะอาการที่คล้ายกับโรคพาร์กินสัน (Parkinson Disease) ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ระบบที่ทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงาน เช่น ความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ และการย่อยอาหาร ผู้ที่มีความดันเลือดต่ำประเภทนี้อาจมีความดันโลหิตสูงขณะนอนราบร่วมด้วย


ปัจจัยเสี่ยง

ความดันโลหิตต่ำสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ความเสี่ยงของภาวะนี้อาจเพิ่มขึ้นด้วยปัจจัยบางอย่าง ได้แก่

    อายุ โดยเฉพาะในผู้ใหญ่ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี
    การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาสำหรับความดันโลหิตสูง
    โรคบางอย่าง รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับหัวใจและปัญหาต่อมไร้ท่อ เช่น เบาหวาน


ภาวะแทรกซ้อนของภาวะความดันโลหิตต่ำ

ภาวะความดันโลหิตต่ำอาจนำไปสู่อุบัติเหตุเล็กน้อยจนถึงปัญหาทางการแพทย์ที่ร้ายแรง ผู้ที่มีความดันโลหิคต่ำอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบางอย่างได้ง่าย เช่น การหกล้มเนื่องจากอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนแรง และเป็นลม ภาวะความดันโลหิตต่ำที่รุนแรงอาจทำให้ขาดออกซิเจนซึ่งอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อหัวใจและสมอง


การวินิจฉัยภาวะความดันโลหิตต่ำ

แพทย์อาจตรวจสอบปัญหาทางการแพทย์ของคุณก่อนทำการตรวจร่างกายและวัดความดันโลหิต โดยอาจต้องทำการทดสอบบางอย่างร่วมด้วย เช่น

    การตรวจเลือด เพื่อตรวจสอบสภาพของร่างกายทั้งหมดและหาสาเหตุของภาวะความดันโลหิตต่ำ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง เบาหวาน หรือโลหิตจาง
    การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เพื่อค้นหาปัญหาเกี่ยวกับหัวใจที่อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ
    การตรวจหัวใจด้วยเตียงปรับระดับ เพื่อประเมินปฏิกิริยาของร่างกายต่อการเปลี่ยนแปลงท่าทางและตำแหน่ง

การรักษาภาวะความดันโลหิตต่ำ

การรักษาภาวะความดันโลหิตต่ำขึ้นอยู่กับสาเหตุ ประเภท และความรุนแรงของภาวะ ผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงอาจไม่จำเป็นต้องรับการรักษา ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความดันโลหิตและเพื่อลดสัญญาณและอาการของภาวะความดันเลือดต่ำที่รุนแรง อาจต้องได้รับการรักษาบางอย่าง เช่น

    การบริโภคเกลือมากขึ้น
    การดื่มน้ำมากขึ้น
    การสวมถุงน่องชนิดแกรดูเอ็ดคอมเพรสชั่น (compression stockings) หรือถุงน่องป้องกันลิ่มเลือด
    การใช้ยา


การเตรียมการก่อนการพบแพทย์

ก่อนการนัดหมายคุณควรตระหนักถึงข้อจำกัดก่อนการนัดหมาย และเตรียมข้อมูลบางอย่าง เช่น

    อาการที่เกิดขึ้น
    ข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญของคุณ
    ยาทั้งหมดที่คุณกำลังใช้อยู่
    คำถามที่คุณต้องการถามแพทย์

ในระหว่างการปรึกษา แพทย์อาจถามคำถามบางอย่างรวมถึงข้อมูล เช่น

    จุดเริ่มต้นของอาการ
    อาการนั้นเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเป็นครั้งคราว
    ความรุนแรงของอาการ
    สิ่งที่ทำให้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง
    ประวัติสมาชิกในครอบครัวของคุณที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ


13
ขายรถราคาพิเศษ Volvo S90 Ultimate Bright รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000

วอลโว่ Volvo S90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2023
Volvo S90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ผสานการทำงานของเครื่องยนต์ Drive E เบนซิน 2 ลิตร 4 สูบ พร้อมเทอร์โบชาร์จ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 317 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที  แรงบิด 400 นิวตันเมตร ที่ความเร็วรอบ 3,000-5,400 ต่อนาที พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่ 309 นิวตันเมตร และเมื่อรวมกับกำลังเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า จึงได้เครื่องยนต์ที่มีพละกำลังแรงถึง 460 แรงม้า

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 29 ต.ค. - 30 พ.ย. 2567
รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท เมื่อแจ้งว่าติดต่อจาก CheckRaka
ประกันภัยชั้น 1 นาน 3  ปี + VPSP Pro + กล้อง DVR + MW

ราคาพิเศษ 2,790,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์             Volvo
   รุ่น                  วอลโว่ Volvo S90 Recharge Ultimate T8 Plug-in Hybrid Bright ปี 2023
   ประเภทรถ         รถเก๋ง 4 ประตู, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว          2023


14
รวมมาให้ดู! 10 บัตรเครดิตมาแรง มีใบไหนน่าสนใจบ้างนะ?

ใครที่กำลังคิดวางแผนที่จะสมัครบัตรเครดิตซักใบ แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกบัตรเครเครดิตแบงก์ไหนธนาคารไหนไหนดี เปรียบเทียบบัตรเครดิตยังไง เพราะแต่ละแห่งก็ต่างออกบัตรเครดิตมาหลายแบบพอสมควร วันนี้เราเลือกมาทั้งหมด 10 ใบ กับบัตรเครดิตยอดฮิตที่คนให้ความสนใจ หรือมีคนพูดถึงเยอะเป็นพิเศษ รวมทั้งรายละเอียดคร่าวๆ อีกด้วย (ซึ่งไม่ได้เรียงลำดับแต่อย่างใด) ใครยังตัดสินใจไม่ได้ ลองให้บัตรเครดิตยอดนิยมทั้ง 10 ใบนี้เป็นตัวเลือกดูนะคะ ?


1. บัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม

ใบแรกที่ถ้าไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ กับบัตรเครดิตกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์ วีซ่า แพลทินัม ที่มากับฟีเจอร์สุดเจ๋งอย่างการเปลี่ยนยอดใช้จ่ายในบัตรให้เป็นยอดแบ่งชำระ 0% ได้นาน 3 เดือน (และ 6 เดือน สำหรับการใช้จ่ายในหมวดประกัน) และเรายังสามารถแลกคะแนนที่สะสมไว้เป็นเงินคืนได้อีกด้วย โดยทั้งหมดนี้สามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตนเองผ่านแอปพลิเคชัน Uchoose เลยค่ะ
 
รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท (พนักงานทั่วไป), 300,000 บาท (เจ้าของกิจการ)
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรีปีแรก (ปีถัดไปฟรี เมื่อมียอดใช้จ่ายตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป)


2. บัตรเครดิต KTC Visa Platinum

ถัดมาคือบัตรเครดิต KTC Visa Platinum หนึ่งในบัตรยอดนิยมของเด็กจบใหม่ที่ขึ้นชื่อเรื่องสมัครง่าย กับคุณสมบัติที่ครบครัน รองรับทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นบริการผู้ช่วยส่วนตัว (KTC Personal Assistant), ประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ หรือการใช้จ่ายได้อย่างสะดวกสบายผ่าน Fitbit Pay และ Garmin Pay ใครที่กำลังมองหาบัตรที่สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่า ใบนี้ก็นับว่าน่าสนใจมากๆ ค่ะ

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรี (บัตรเสริมใบที่ 1-2 ฟรีตลอดชีพ บัตรเสริมใบที่ 3 ขึ้นไป จ่ายค่าธรรมเนียม 500 บาท/บัตร/ปี)


3. บัตรเครดิตซิตี้ แคชแบ็ก

ใครที่เป็นสาย Cashback (หรือเรียกอีกอย่างว่าเครดิตเงินคืน) น่าจะถูกใจบัตรซิตี้ แคชแบ็กอย่างแน่นอนค่ะ เพราะเป็นบัตรที่ออกมาเพื่อเอาใจคนชอบรับเงินคืนโดยเฉพาะ โดยสามารถรับเครดิตเงินคืนจากการใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 1% ไปจนถึง 10% เลยค่ะ และยังเปลี่ยนยอดในบัตรเครดิตเป็นยอดแบ่งจ่ายได้ด้วย ถ้าชอบบัตรที่ได้เงินคืนเยอะๆ บอกเลยว่าใบนี้คือคำตอบเท่านั้นค่ะ

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรีปีแรก (ปีถัดไป 2,000 บาท สำหรับบัตรหลัก, 1,000 บาท สำหรับบัตรเสริม บวกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้จ่ายครบ 60,000 บาทขึ้นไป)


4. บัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้

แอปพลิเคชัน Shopee ก็นับว่าเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมในการช้อปปิ้งออนไลน์เลยค่ะ นักช้อปตัวยงหลายคนจึงหันมาสมัครบัตรเครดิตที่ร่วมกับทางแอปเอง เพื่อรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม โดยบัตรเครดิตกสิกรไทย-ช้อปปี้ ก็สามารถมอบให้เราได้ทั้ง Shopee Coins และ K Point รวมทั้งโค้ดส่วนลดกับสิทธิพิเศษอื่นๆ ในแต่ละเดือนด้วยค่ะ (แอบกระซิบอีกนิดว่าตอนนี้ผู้ถือบัตรสามารถรับสิทธิ์ส่งฟรีได้ถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2566 เลยค่ะ)

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรีปีแรก (ปีถัดไป 1,050 บาท, ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้จ่ายอย่างน้อย 12 ครั้งต่อปี)


5. บัตรเครดิตคาร์ด เอ็กซ์ อัพทูมี

ใครที่เป็นสายรูดเก็บแต้ม ผู้เขียนคิดว่าน่าจะถูกใจบัตรใบนี้ไม่น้อยเลยค่ะ เพราะความพิเศษของบัตรเครดิตคาร์ด เอ็กซ์ อัพทูมี คือการที่สามารถรับคะแนนสะสม CardX Rewards ได้มากถึง 3 เท่า ในหมวดหมู่ที่เราเลือกเองจากทั้งหมด 5 หมวดหมู่ ได้แก่ ท่องเที่ยว, ช้อปปิ้ง, ร้านอาหาร, บันเทิง/อิเล็กทรอนิกส์ และความงาม/สุขภาพ และที่สำคัญยังฟรีค่าธรรมเนียมรายปีตลอดชีพอีกด้วย

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรี


6. บัตรเครดิต กรุงศรี เจซีบี แพลทินัม

สำหรับขาจรที่ได้มีโอกาสไปเยือนประเทศยอดฮิตอย่างญี่ปุ่นบ่อยๆ บัตรเครดิต กรุงศรี เจซีบี แพลทินัมก็นับว่าทำมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับคนเหล่านี้โดยเฉพาะ โดยบางสิทธิประโยชน์ของบัตรก็ไม่ได้ถูกจำกัดแค่ในญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียวนะคะ แต่เราสามารถใช้ที่ไทยได้ด้วย อย่างเช่นส่วนลดร้านอาหารที่ใช้ได้ทั่วโลก และสิทธิพิเศษในการรับเงินคืนเมื่อเติมน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมันบางจาก เป็นต้น ใครรู้ตัวว่ามีไลฟ์สไตล์ในแบบญี่ปุ่น ก็บอกได้แค่ว่าเหมาะกับบัตรใบนี้สุดๆ ค่ะ

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรี (เก็บค่าใช้จ่าย 4,000 บาท สำหรับบัตรหลัก และ 2,000 บาท สำหรับบัตรเสริม กรณีบัญชีของสมาชิกบัตรไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลาติดต่อกันตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป)


7. บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน เรดซ์

อีกหนึ่งบัตรเครดิตร่วมร้านค้าที่มอบสิทธิประโยชน์สุดคุ้มให้มากมาย คือบัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน เรดซ์ หากใครเป็นนักช้อปขาประจำห้างเซ็นทรัล ขอบอกเลยว่าบัตรใบนี้มีไว้เพื่อคุณค่ะ! ส่วนสิทธิพิเศษที่เด่นๆ เลย คือการรับคะแนน The 1 ที่มากขึ้น แถมยังมีเอกสิทธิ์พิเศษในการรับโปรโมชันอื่นๆ อีกมากมาย จากร้านค้าและร้านอาหารชั้นนำทั่วประเทศอีกด้วย รับรองว่าคุ้มค่าทุกการช้อปแน่นอน

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรีปีแรก (ปีถัดไป 500 บาท สำหรับบัตรหลัก, 250 บาท สำหรับบัตรเสริม ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้จ่ายครบ 100,000 บาทขึ้นไปต่อปี)


8. บัตรเครดิต TMRW

ถ้าพูดถึงบัตรเครดิตสายแคชแบ็ก บัตรเครดิต TMRW จากธนาคารยูโอบีก็มักจะเป็น 1 ในนั้นเช่นกันค่ะ นอกจากจะสามารถรับเงินคืน 15% จาก 15 ร้านค้าได้แล้ว เพียงแค่ใช้จ่ายตามเกณฑ์ที่ธนาคารกำหนดในแต่ละเดือน ก็สามารถรับเงินคืนได้ 3% จากการใช้จ่ายในหมวดหมู่ที่ตัวเองเลือกไปเลยค่ะ บอกตามตรงว่าผู้เขียนเห็นครั้งแรกแล้วถูกใจมากเลยค่ะ ดีไซน์หน้าบัตรออกแบบมาได้สีสันสดใสสุดๆ

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรีปีแรก (ปีถัดไป 2,000 บาท ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้จ่ายครบ 100,000 บาทขึ้นไปต่อปี)


9. บัตรเครดิต ทีทีบี โซ ชิลล์

บัตรก่อนหน้านี้เราพูดถึงเรื่องสิทธิประโยชน์กันไปเยอะแล้ว มาดูบัตรเครดิตสำหรับสายชิลล์อย่างบัตรเครดิต ทีทีบี โซ ชิลล์ กันบ้างค่ะ ที่มากับจุดเด่นในเรื่อง "เปลี่ยนเรื่องเงินให้ชิลล์ได้" ซึ่งคนที่กดเงินสดบ่อยๆ ก็น่าจะถูกใจตรงนี้ เนื่องจากฟรีค่าธรรมเนียมทุกการกดเงินสด 3% แล้วยังรับเงินคืนได้อีก 5% จากดอกเบี้ยเป็นรางวัลสำหรับคนจ่ายตรงเวลาอีกด้วยค่ะ และสำหรับลูกค้าที่สมัครใหม่ ก็รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษใน 3 รอบบัญชีแรกไปเลยค่ะ

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : ฟรี


10. บัตรเครดิตวีซ่า แพลทินัม ธนาคารกรุงเทพ

ปิดท้ายกันด้วยบัตรเครดิตวีซ่า แพลทินัม ธนาคารกรุงเทพ ที่มีคุณสมบัติตอบโจทย์ผู้ที่ชอบท่องเที่ยว หรือเดินทางได้เป็นอย่างดี คะแนนสะสมในบัตรสามารถใช้แลกเป็นไมล์สะสมได้ มีความคุ้มครองให้ในขณะเดินทางทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงยังมีบริการให้ความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง จะรถเสีย หรืออุบัติเหตุ ก็วางใจได้เลยค่ะ เพราะบัตรใบนี้จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ถือบัตรอย่างสูงสุด

รายได้ขั้นต่ำ : 15,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี : 3,000 บาท (ฟรีค่าธรรมเนียมเมื่อใช้จ่ายครบตามที่ธนาคารกำหนด)

แม้ว่าบัตรเครดิตทั้ง 10 ใบนี้จะฮอตฮิตติดลมบนแค่ไหน แต่ผู้เขียนก็อยากแนะนำให้สำรวจไลฟ์สไตล์ของตัวเองให้แน่ชัดก่อนนะคะว่าเหมาะกับคุณสมบัติของบัตรใบนั้นๆ หรือไม่ เพื่อที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ จากบัตรให้คุ้มค่ามากที่สุดค่ะ

สำหรับปีนี้เองผู้เขียนก็หวังว่าทุกคนจะมีแพลนที่น่าสนุกมากมายรอให้ทำกันอยู่นะคะ สำหรับใครที่วางแผนออมเงิน ลงทุน หรือทำธุรกรรมใดๆ เอาไว้ ก็ขอให้ทำสำเร็จ และผ่านไปอย่างราบรื่นเช่นกันค่ะ ?

15
รีวิวแท็บเล็ต Samsung Galaxy Tab S6 Lite บางเบา ดีไซน์สวย พร้อม S Pen ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

Samsung Galaxy Tab S6 Lite เป็นอุปกรณ์ Tablet ราคาเบาๆ แต่อัดแน่นไปด้วยประสบการณ์การใช้งานระดับสูง รุ่นใหม่ล่าสุดของซัมซุง ดีไซน์ตัวเครื่องสวยงามมากๆ และมีความและเบามากๆครับ ทำให้ทุกการพกพาเป็นเรื่องที่สะดวกสบาย และไปกับเราได้ในทุกที่

ตัวเครื่องทำด้วยวัสดุพรีเมี่ยม โลหะ และงานประกอบแบบไร้รอยต่อ Unibody ทนทานต่อริ้วรอย และรอยนิ้วมือ สามารถใส่ในกระเป๋า หรือเป้ แม้แต่ถุงผ้า ได้อย่างคล่องตัว นอกจากนี้ยังมาพร้อมสเปคที่น่าสนใจ อาจจะไม่ได้แรงมากมาย แต่ก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป รวมไปถึงการเล่นเกมก็ทำได้ดีเกินคาดอีกด้วย ที่สำคัญมาพร้อม S Pen เวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ออกแบบมาได้จับถนัดมือและไม่จำเป็นต้องชาร์จแบตเตอรี่ สำหรับสีที่ส่งมารีวิวจะเป็นสี Oxford Gray เป็นโทนเทาเข้มดูสุภาพ และเหมาะกับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน เรื่องงาน หรืองานอดิเรก


Samsung Galaxy Tab S6 Lite มีวางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่
Samsung Galaxy Tab S6 Lite รุ่น WiFi ราคา 11,990 บาท
มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Chiffon Pink, Angora Blue และ Oxford Gray
Samsung Galaxy Tab S6 Lite รุ่น 4G LTE ราคา 14,990 บาท
จะมีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Angora Blue และ Oxford Gray

พรีวิว Samsung Galaxy Tab S6 Lite สัมผัสแรกประทับใจ! กับ S Pen ที่มอบประสบการณ์อันยอดเยี่ยม
ผลทดสอบของ Samsung Galaxy Tab S6 Lite
Samsung Galaxy Tab S6 Lite มาพร้อม หน้าจอ IPS ขนาด 10.4 นิ้ว ความละเอียด 1200 x 2000 pixels (224 ppi) อัตราส่วน 5:3 ขอบหน้าจอบางเพียง 9 มม., ทำงานบน Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1, ชิปเซ็ต Exynos 9611, RAM 4GB, ROM 128GB (รองรับ MicroSD สูงสุด 1TB) กับคะแนนทดสอบ ผลออกมาตามนี้ครับ
ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AnTuTu Benchmark ทำไปได้ 140,785 คะแนน
ทดสอบ MultiTouch รองรับ 10 จุด
ทดสอบด้วยแอปพลิเคชัน AndroBench ทำความเร็ว Storage ในการอ่านอยู่ที่ 483.37 MB/s และการเขียน 220.9 MB/s (UFS 2.1) ทำความเร็ว RAM ในการอ่านอยู่ที่ 131.85 MB/s และการเขียน 190.79 MB/s (LPDDR4X)
รองรับ DRM L1 สามารถรับชม Netflix HD
ทดสอบสัญญาณ GPS จับสัญญาณได้รวดเร็วมาก


แบตเตอรี่
Samsung Galaxy Tab S6 Lite มาพร้อมแบตเตอรี่ความจุสูง 7,040 mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W จากการทดสอบ สามารถใช้งานได้ครบวันครับ ไม่ถึงกับอึดมาก แต่ก็ไม่ได้หมดเร็วจนเกินไป ถ้าใช้งานหนักๆ อยากการเล่นเกมตลอดวัน ยังไงก็ต้องหา Power Bank หรือพกที่ชาร์จ ไปนั่งร้านกาแฟกันซักหน่อยนะครับ


หน้าจอและอินเตอร์เฟส
Samsung Galaxy Tab S6 Lite ทำงานบน Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1 หน้าตาการใช้งานสวยงาม ความเร็วและความลื่นไหลอยู่ในระดับที่ดีครับ ไม่ได้ลื่นขนาดพวกเรือธง แต่ก็ไม่รู้สึกอืดหรือหน่วงอะไร มาพร้อม Dark Mode ช่วยถนอมสายตา หน้าซ้ายสุดจะเป็นในส่วนของ Bixby Home รวมข้อมูล แอปพลิเคชั่น และการแจ้งเตือนต่างๆ นอกจากนี้ยังเรียนรู้กิจวัตรประจำวันเพื่อปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู่ใช้ สำหรับรุ่นนี้จะไม่มีสแกนลายนิ้วมือนะครับ จะมีแต่สแกนใบหน้าเท่านั้น

และมีแถบด้านข้างในการสั่งใช้งานเป็นทางลัดเปิดแอปพลิเคชั่นที่เราต้องการเรียกว่า Apps edge สามารถเลือกแอปพลิเคชั่นที่เราใช้งานบ่อยๆ เอาไว้ตรงนี้ได้ครับ รวมทั้งสามารถดาวน์โหลดรูปแบบของแถบซึ่งมีให้เลือกดาวน์โหลดมากมาย ตามความต้องการมีทั้งฟรีและที่มีค่าใช้จ่าย Screen off memo เพียงแค่กดปุ่มบน S Pen และแตะไปบนหน้าจอเท่านี้ก็เปิดใช้งานได้ในทันที ทำให้การจดบันทึกต่างๆ รวดเร็ว และเขียนได้ตลอดเวลาที่ต้องการ

S Pen รองรับแรงกด 4,096 ระดับ สำหรับรุ่นนี้ไม่ต้องชาร์จนะครับ มาพร้อมฟีเจอร์แปลงลายมือเป็นตัวพิมพ์ สามารถคัดลอก แก้ไข และส่งต่อได้ทันที รองรับทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ หรือจดบันทึก แก้ไขงานเอกสาร สามารถเขียนข้อความลงบนไฟล์ PDAF ได้โดยตรง (เมื่อผ่านแอปพลิเคชั่นบนเครื่อง) และรองรับ Multi Window (การแบ่งหน้าจอ) ระดับ Advanced ซึ่งนอกจากแบ่งหน้าจอแล้ว ยังสามารถแบ่งหน้าจอแบบ Pop-Up และไอค่อนบนหน้าจอได้อีกด่วยทำให้สามารถรับชมคลิปวีดีโอ ไปพร้อมกับการจดบันทึกได้ แถมยังสามารถปรับค่า Transparent เพื่อให้มองเห็นหน้าจออื่นๆ ได้ด้วย แถมสามารถสลับหน้าจอไปมาได้อย่างง่ายดายและลื่นไหล

สามารถวาดรูปและแชร์ต่อได้อย่างง่ายดาย บนแอปพลิเคชั่น PenUp ซึ่งจะวาดบนแอปนี้เลยก็ได้ หรือเราวาดจากแอปอื่นๆ แล้วเอามาแชร์ก็ได้นะครับ ไม่มีข้อจำกัด บนแอปนี้มีทั้งวาดรูป หรือคนที่ไม่ถนัดก็มีภาพระบายสีให้เล่นกัน หรือเอารูปถ่ายมาวาดก็ได้ เรียกได้ว่าเป็นแอปที่เหมาะกับทุกๆคนที่ชอบศิลปะเลยครับ


แอปพลิเคชั่นต่างๆ เวลาใช้งานบน Samsung Galaxy Tab S6 Lite ให้ความรู้สึกเต็มตามากๆ ซึ่งเป็นประสบการณ์การใช้งานที่สมาร์ทโฟนให้ไม่ได้จริงๆ และใครที่บ่นว่าแท็บเล็ตระบบ Android แอปที่รองรับพัฒนามาไม่เหมาะกับการใช้งานบนหน้าจอขนาดใหญ่ ผมว่าต้องเปลี่ยนความคิดแล้วละครับ มันไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว
เล่นเกมหน้าจอใหญ่สะใจ เสียงกระหึ่มเร้าอารมณ์ด้วยลำโพงคู่ AKG
Samsung Galaxy Tab S6 Lite มีหน้าจอ IPS ขนาด 10.4 นิ้ว ความละเอียด 1200 x 2000 pixels (224 ppi) อัตราส่วน 5:3 ขอบหน้าจอบางเพียง 9 มม. ทำให้สามารถเล่นเกมได้อย่างเต็มตา แต่ด้วยขนาดหน้าจอใหญ่แบบนี้ เวลาถือเล่นเกมแบบ 2 มือ ก็แอบเมื่อย และเจ็บที่อุ้งมือเหมือนกันนะครับ แต่ถ้าพวกเกมที่เล่นมือเดียวได้อย่างเช่น AFK Arena นี่สบายเลยครับ ทดสอบด้วยเกมดังอย่าง ROV สามารถเล่นได้ที่ 59FPS - 60FPS อย่างลื่นไหล (แอบแปลกใจนะครับ ชิปเซ็ตตัวเดียวกับ Samsung Galaxy A51 แท้ๆ แต่ในรุ่นนี้กลับทำได้ดีกว่าในเรื่องเกม) แต่ว่าการทัชหน้าจอมีหนืดๆบ้างในบางจังหวะ แต่โดยรวมผมว่าโอเคนะ อาจจะเป็นเพราะการถือจับไม่ถนัดด้วยนะครับ และที่ชอบมากๆคือลำโพงคู่ในแท็บเล้ตรุ่นนี้ คุณภาพเสียงดีครับ มีความหนักแน่น ดังและไม่แตก สมกับที่จูนเสียงโดย AKG ใครเน้นเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ผมว่าตอบโจตน์แน่นอน

การถ่ายภาพ
Samsung Galaxy Tab S6 Lite กล้องหน้าความละเอียด 5MP และกล้องหลังความละเอียด 8MP คุณภาพกลางๆ ครับ ไม่โดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่เหมือนที่แท็บเล็ตเคยเป็น สามารถถ่ายภาพสนุกๆ ได้ ทั้งกล้องหน้า และกล้องหลัง รองรับบันทึกวีดีโอ ความละเอียด Full HD 1080P เรามาชมตัวอย่างภาพถ่ายจากแท็บเล็ตรุ่นนี้กันเลยครับ
ตัวอย่างภาพถ่าย Selfie จาก Samsung Galaxy Tab S6 Lite

สรุป
Samsung Galaxy Tab S6 Lite เป็นแท็บเล็ตที่น่าประทับใจกว่าที่คิดครับ เพราะจัดเต็มในส่วนที่โดดเด่นมากๆ อย่าง การใช้งานร่วมกับ S Pen มาให้ผู้ใช้อย่างเต็มที่เลย ส่วนในด้านการใช้งาน อาจจะไม่ใช่แท็บเล็ตสเปคแรง แต่อย่าลืมนะครับว่าราคามันน่าสนใจมากๆ รุ่น WiFi ราคา 11,990 บาท และรุ่น 4G LTE ราคา 14,990 บาท เป็นราคาที่เป็นเจ้าของกันได้ไม่ยากเลย และเหมาะกับการใช้งานหลากหลายประเภท ทั้งด้านการเรียน การทำงาน และงานอดิเรกอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าถ้าได้ลองเล่นจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอนครับ เป็นแท็บเล็ตที่ผมมองว่าคุ้มมากๆ จริงๆ

จุดเด่นของ Samsung Galaxy Tab S6 Lite
ดีไซน์ที่สวยมาก วัสดุโลหะ และกระจก งานประกอบไร้รอยต่อ Unibody
หน้าจอ IPS ขนาด 10.4 นิ้ว ความละเอียด 1200 x 2000 pixels (224 ppi) ขอบหน้าจอบางเพียง 9 มม.
Android 10 ครอบทับด้วย One UI 2.1
การใช้งานโดยรวมน่าพอใจ
ปากกา S Pen แถมมาให้ในชุดจำหน่าย พร้อมฟีเจอร์การใช้งานสมบูรณ์แบบ
รองรับการปลดล็อกหน้าจอ ด้วยใบหน้า
ลำโพงคู่ จูนเสียงโดย AKG รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
แบตเตอรี่ความจุสูง 7,040 mAh รองรับชาร์จเร็ว 15W


จุดสังเกตของ Samsung Galaxy Tab S6 Lite
หน้าจอไม่ค่อยคม
สเปคไม่แรง
กล้องคุณภาพธรรมดา
ไม่รองรับสแกนลายนิ้วมือ

หน้า: [1] 2 3 ... 50





















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า