ไขปริศนา ทำไมเราถึงแฮงและแก้เมา ยังไงจึงอยู่หมัด? ภายในหนึ่งชั่วโมง ตับสามารถกำจัดแอลกอฮอล์ได้เพียง 2 ช้อนชาเท่านั้น ดังนั้นเบียร์ 3 กระป๋อง หรือวิสกี้ 4 ออนซ์ ตับจะใช้เวลากำจัดทั้งหมดนานถึง 6 ชั่วโมง
รู้หรือไม่ว่าไม่ควรกินอาหารที่อุดมด้วยไขมัน (ลืมข้าวมันไก่ติดหนังไปก่อนนะ) แต่ควรหันมาเน้นโปรตีนและไฟเบอร์อย่างสลัดกับเนื้อสัตว์ และควรเลิกกินจุบจิบระหว่างดวลแก้ว ให้เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าสลับแก้วเหล้าแทนจะดีกว่า
ทุกทางแก้แฮงล้วนมีข้อขัดแย้ง บางอย่างทำแล้วดี อีกคนทำแล้วกลับไม่หาย จึงควรคิดให้มากหน่อยก่อนกระดกน้ำเมาสีสวยที่ตั้งยั่วอยู่ตรงหน้า
ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องใกล้ตัวอย่างการเมาค้าง (Hangover) จะเป็นเรื่องที่ทางการแพทย์ยังหาข้อสรุปไม่ได้ หลังหลายฝ่ายพยายามค้นหาคำตอบว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการเมาค้างอันน่าทรมาน ก็ยังไม่มีใครสามารถฟันธงได้ว่าเป็นเพราะร่างกายคุณอ่อนแอ ดื่มเหล้าไม่ถูกเส้น ดื่มน้ำน้อย หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ฯลฯ
มีผลการศึกษาพบว่า ผู้ชายน้ำหนัก 80 กิโลกรัม ไม่ควรดื่มเกิน 6 แก้ว ในขณะที่ผู้หญิงน้ำหนัก 60 กิโลกรัม ควรดื่มประมาณ 3-5 แก้ว ถ้ามากเกินกว่านี้ถือว่าเสี่ยงต่อการเมาค้าง แต่ก็อีกนั่นแหละ บางครั้งดื่มเยอะกว่านี้ก็เมาค้างจริง ในขณะที่บางวันดื่มไม่มาก พอดีโควตา ตื่นมายังทุรนทุรายเพราะพิษสุราเหมือนกัน ช่างน่าพิศวงเสียจริง
เกิดอะไรขึ้นเมื่อเราดื่มน้ำเมา
ทันทีที่คุณกระดกเหล้าแก้วโปรด ไม่ว่าจะจินโทนิก เบียร์ วิสกี้ แชมเปญ ฯลฯ เข้าปาก แอลกอฮอล์จะเดินทางสู่ตับเพื่อเข้าสู่กระบวนการขจัดสารพิษจนเกิดเป็นสารใหม่ชื่อ ‘อะเซทัลดีไฮด์’ (Acetaldehyde) ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรง มุ่งจู่โจมสมองและอวัยวะอื่นๆ ในช่วงแรกที่พอกรึ่มๆ ร่างกายจะคึกคัก สมองแล่น
แต่เมื่อเลยจุดกรึ่มมาแล้ว จากความสนุกหัวเราะร่า เหล้าจะสำแดงอาการ เช่น ปวดหัวบีบๆ เดินไม่ค่อยตรง มือไม้พัลวัน หนำซ้ำยังพูดจาอ้อแอ้เพราะลิ้นแข็ง บวกกับตาแดงก่ำและพร่ามัว ภาพเริ่มตัด ความจำเสื่อมชั่วครู่ เหล่านี้คืออาการเบื้องต้นที่ร่างกายต้องการส่งสัญญาณให้คุณหยุดดื่ม แต่หากคุณยังคงโกออน ร่างกายจะเข้าสู่มาตรการที่หนักข้อยิ่งขึ้นจนกลายเป็นข้อสันนิษฐานต่างๆ ที่ทำให้คุณเหมือนตกนรกทั้งเป็นในรุ่งสางนั่นเอง
ดื่มผสมมั่ว ไม่เลือกเหล้า
หลังมีงานวิจัยพบว่ากระบวนการกลั่นมีส่วนสำคัญ เพราะสิ่งเจือปน หรือคอนจีเนอร์ส (Congeners) ในเหล้ามีผลกับการเมาค้าง หากเหล้าดีบริสุทธิ์สุดนิ้ง คอนจีเนอร์สจะมีน้อย เหล้าบางชนิด ผู้ผลิตกล้าพูดเลยว่าดื่มแล้วไม่เมาค้างแน่นอน เช่น จิน หรือวอดก้าบางยี่ห้อ (แต่จะจริงไหม ลองสะกิดถามนักดื่มสายจินดู) ไล่ลำดับได้ว่าเบอร์เบินมีอานุภาพการทำลายล้างสูงสุด ตามมาด้วยตระกูลไวน์แดง บรั่นดี เตกีลา และรัม
ส่วนท้ายแถวจะเป็นแก๊งใสๆ อย่างไวน์ขาว จิน และวอดก้า สังเกตว่าเหล้ามีสีมักจะมีสารที่ว่าสูงกว่าเหล้าไร้สี รวมถึงราคาที่ยิ่งแพง (แน่นอนว่า) คอนจีเนอร์สยิ่งน้อย และอย่าดื่มปนกันมั่ว ทริกมีอยู่ว่าอย่าดื่มเหล้าจากองุ่น (ไวน์ แชมเปญ คอนยัก) ผสมเหล้าที่ทำจากข้าว (เบียร์ วิสกี้ สาเก โซจู ฯลฯ) ในคราเดียว จะไวน์ หรือเบียร์ ไม่ก็วิสกี้ เลือกเอาว่าคืนนี้อยากจบแบบไหน
ร่างกายขาดน้ำอย่างหนักหน่วง
ข้อนี้มีความเป็นไปได้มากที่สุด เพราะแอลกอฮอลล์จะกระตุ้นให้เราปล่อยของเหลวออกจากร่างกาย (ดื่มทีไรจะเข้าห้องน้ำบ่อยผิดปกติ คุณก็เป็นใช่ไหมล่ะ) เนื่องจากแอลกอฮอลล์จะเข้าไปกดฮอร์โมนวาโซเพรสซิน (Vasopressin) ซึ่งมีหน้าที่กักเก็บน้ำในร่างกาย เมื่อฮอร์โมนตัวนี้ถูกสกัด ร่างกายก็เหมือนท่อน้ำที่ไม่มีก๊อก เติมเข้าไปเท่าไรก็ไหลออกได้โดยง่าย ส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อขับน้ำออกจากร่างกาย
เรื่องนี้จึงตอบคำถามได้อีกอย่างว่า ทำไมอาการแฮงมักมาพร้อมหัวที่ปวดแทบจะระเบิด อย่าลืมว่าสมองของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบหลักถึงร้อยละ 75 ดังนั้นเมื่อน้ำเหือดหาย สมองของเราจะอยู่เย็นเป็นสุขได้อย่างไร และความเชื่อที่ว่าเข้าห้องซาวน่าแล้วหายแฮงจึงตกไปทันที เพราะวิธีนี้ยิ่งเป็นการเร่งน้ำออกจากร่างกายมากกว่าเดิม
สารอาหารหดหาย
ต่อจากข้อด้านบน เมื่อสิ่งที่ถูกระบายออกมาไม่ได้มีแค่น้ำ แต่เกลือแร่และสารอาหารอื่นๆ ก็ถูกขับออกมาด้วย เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม โซเดียม และเกลือแร่ต่างๆ ทำให้กล้ามเนื้อและระบบประสาททำงานปั่นป่วน เกิดอาการปวดเมื่อยตามตัวเหมือนโดนเทรนเนอร์เฆี่ยนหนัก คลื่นไส้อยากอ้วกทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรให้ขับออกมา เพลีย ไร้เรี่ยวแรง เพราะไกลโคเจน (Glycogen) ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานในร่างกายถูกตับย่อยให้เป็นกลูโคส ก่อนขับออกมาพร้อมปัสสาวะ เกิดภาวะขาดน้ำตาล (บางคนจึงแก้แฮงด้วยการตื่นมาดื่มน้ำหวานเป็นอย่างแรก) บื้อใบ้ เฉื่อย สมองช้า กินอะไรก็ไม่รู้รส เพลงที่เคยฟังว่าเพราะกลับกลายเป็นหนวกหู น่ารำคาญ เหล่านี้มาเป็นแพ็กเกจเดียวกัน
ดื่มตอนท้องว่าง
ข้อนี้สบายสำหรับคนติดกับแกล้ม เพราะหนึ่งในความเป็นไปได้ที่ก่อให้เกิดการแฮงคือการดื่มขณะท้องว่าง เนื่องจากเหล้าจะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็วและง่ายขึ้น แต่ถึงกระนั้นก็ควรเลือกกิน
รู้หรือไม่ว่าไม่ควรกินอาหารที่อุดมด้วยไขมัน (ลืมข้าวมันไก่ติดหนังไปก่อนนะ) แต่ควรหันมาเน้นโปรตีนและไฟเบอร์อย่างสลัดกับเนื้อสัตว์ และควรเลิกกินจุบจิบระหว่างดวลแก้ว ให้เปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่าสลับแก้วเหล้าแทนจะดีกว่า วิธีนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกตั้งสองตัว นอกจากจะเลี่ยงการขาดน้ำแล้ว ยังช่วยชะลอการดื่ม เพราะภายในหนึ่งชั่วโมง ตับสามารถกำจัดแอลกอฮอล์ได้เพียง 2 ช้อนชาเท่านั้น ดังนั้นเบียร์ 3 กระป๋อง หรือวิสกี้ 4 ออนซ์ ตับจะใช้เวลากำจัดทั้งหมดนานถึง 6 ชั่วโมง คิดดูว่าถ้าดื่มจนผับปิดตอนตี 2 กว่าตับจะขจัดออกหมดก็ปาเข้าไป 8 โมงเช้า
แก้แฮงอย่างไรดี
นี่คือคำถามโลกแตกของนักดื่มขาจรและขาประจำ ดีที่สุดคือไม่ต้องดื่ม แต่หากมั่นใจว่าให้ตายยังไงก็ทำไม่ได้แน่ๆ แนะนำให้แก้ตามอาการเหมือนโรคหวัด โดยสามารถทำได้ดังนี้
หากขาดน้ำ ให้ดื่มน้ำดักไว้ตั้งแต่ก่อนนอน และตื่นมาดื่มน้ำผสมน้ำมะนาวเพิ่มวิตามินซี หรือผสมน้ำขิง เพื่อแก้อาการคลื่นไส้ ลดการปั่นป่วนในกระเพาะอาหาร ดื่มน้ำเกลือแร่เติมความสดชื่น (ส่วนตัวผู้เขียนดื่มนมเปรี้ยวก่อนนอน ได้ผลชะงักนัก) หรือจะดื่มน้ำเกลือแร่สัก 1 ซอง ก็จะช่วยปลุกความสดชื่นไ้ด้ดี
บางสำนักบอกว่ากาแฟไม่ดียิ่งขับปัสสาวะ แต่ถ้าติดกาแฟแล้วดื่มไม่ได้อีก อาการจะยิ่งหนัก แนะนำให้ดื่มกาแฟ แล้วดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ
หากคลื่นไส้ ควรเลี่ยงอาหารมันๆ หรือมีไขมันสูง แล้วลองเปลี่ยนมาเป็นอาหารรสแซ่บ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำให้กินเบอร์เกอร์ (เนื้อบดหนาๆ โปะไข่ดาวและเบคอน) เป็นอาหารเช้า เพราะช่วยได้
ใครจะลองเครื่องดื่มแก้แฮงที่วางขายในร้านสะดวกซื้อ ควรคิดก่อนสักนิดเพราะพลิกดูฉลากดีๆ มันก็คือน้ำตาลและวิตามินนิดๆ หน่อยๆ นี่เอง…
คุณหมอไม่แนะนำให้กินพาราเซตามอล เพราะจะยิ่งทำร้ายตับ แต่หากตื่นมาแล้วหัวแทบแตก ตบพาราฯ 2 เม็ดแล้วพัก มันก็ช่วยได้จริงๆ นั่นแหละ