แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - siamwatchclub

หน้า: [1] 2
1
โพสฟรีติดgoogle / 5 เรือน 5 รุ่น ยอดฮิตจาก A. Lange & Söhne
« เมื่อ: วันที่ 19 มีนาคม 2024, 16:33:00 น. »
5 เรือน 5 รุ่น ยอดฮิตจาก A. Lange & Söhne

ประวัติ A. Lange & Söhne




A. Lange & Söhne (เอ. ลังเงอ อุนด์ โซเนอ) ก่อตั้งโดย Ferdinand Adolph Lange ในปี 1845 ณ เมือง Glashütte ประเทศเยอรมนี A. Lange & Söhne Lange เป็นที่รู้จักกันดีในด้านความประณีต ความเที่ยงตรง และความซับซ้อนทางเทคนิค และภายใต้การนำของ Lange และลูกชาย A. Lange & Söhne เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาชั้นนำ อย่างไรก็ตามสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง โรงงานถูกทำลายจนกิจการต้องหยุดชะงัก กว่าครึ่งศตวรรษที่ชื่อ A. Lange & Söhne หายไปจากวงการนาฬิกา จนในปี 1990 Walter Lange ทายาทรุ่นหลังของ Ferdinand Adolph Lange ผู้ก่อตั้งแบรนด์อันเลื่องชื่อนี้ได้กลับมาฟื้นฟูแบรนด์ A. Lange & Söhne ขึ้นมาอีก ผลงาน ของ A. Lange & Söhne เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ สะท้อนความเป็นเลิศของนาฬิกาเยอรมัน
ปัจจุบัน A. Lange & Söhne ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาหรูชั้นนำของโลก และยังคงสืบสานตำนานบทใหม่ มอบผลงานอันประณีตงดงามแก่นักสะสมนาฬิกาทั่วโลก

Lange 1




A. Lange & Söhne Lange 1 นั้นดึงดูดสายตาตั้งแต่แรกเห็นด้วยหน้าปัดแบบเยื้องศูนย์บอกเวลา (Off-center) และช่องบอกวันที่ขนาดใหญ่ (Outsized Date) ที่โดดเด่นสะดุดตาบ่งบอกถึงการออกแบบที่ล้ำสมัย ซึ่งองค์ประกอบทั้งสองนี้ล้วนเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ Lange 1 เป็นนาฬิกาที่เป็นที่จดจำได้ในทันที

หลักชั่วโมงแบบขีดสลับเลขโรมันเข็มนาฬิกาเรียบง่าย ดีไซน์เพรียวบางเข้ากับตัวเรือนได้เป็นอย่างดี หน้าปัดบอกพลังสำรองจะอยู่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา สำรองพลังงาน 72 ชั่วโมง ขับเคลื่อนโดยกลไกไขลานอัตโนมัติ Caliber L121.1

แม้การออกแบบหน้าปัดแบบเยื้องศูนย์นี้อาจจะดูไม่สมมาตร แต่ Lange 1 กลับทำให้กลายเป็นจุดเด่นด้วยการผสมผสานความเรียบหรูเข้ากับฟังก์ชันการใช้งานอย่างลงตัว เน้นเส้นสายที่สะอาดตาและองค์ประกอบที่จำเป็น ลดทอนความยุ่งเหยิงบนหน้าปัด ผลลัพธ์ที่ได้คือ หน้าปัดที่สวยงามแต่มีเสน่ห์เฉพาะตัว

ตัวเรือนผลิตจากวัสดุล้ำค่า เช่น Pink Gold, White Gold และ Platinum แต่ละวัสดุให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน ขอบตัวเรือนโค้งมนเพิ่มความหรูหรา มาพร้อมสายหนังจระเข้สวมใส่สบาย
ด้านหลังเปลือยแสดงกลไกของนาฬิกาผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ สะท้อนความงามตามสไตล์ Lange การออกแบบกลไกที่เปี่ยมประสิทธิภาพและแม่นยำ แต่ละชิ้นถูกประกอบขึ้นด้วยมืออย่างประณีต ลายแกะสลักที่สวยงามของนาฬิกา A. Lange & Söhne นั้น คุณสามารถระบุได้เลยว่าช่างนาฬิกาคนไหนเป็นคนทำ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สร้างความประทับใจให้ผู้สวมใส่

ขนาดตัวเรือนจะค่อนข้างใหญ่ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทาน ดูจะเหมาะกับผู้ที่มีข้อมือขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ สำหรับผู้ที่มีข้อมือเล็ก นาฬิกาเรือนนี้อาจจะดูใหญ่ไปบ้าง แต่ถ้าคุณเป็นผู้ชื่นชอบนาฬิกาเรือนใหญ่อยู่แล้ว เรือนนี้ก็ตอบโจทย์ เหมาะสำหรับใส่กับชุดทางการ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความหรูหรา

Lange 1 เป็นนาฬิกาที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักสะสมนาฬิกา แม้อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะกับทุกโอกาสด้านการใช้งาน แต่หากมองในแง่ของ “ความคุ้มค่า” นาฬิกาเรือนนี้เปรียบเสมือนผลงานชิ้นเอกสะท้อนรสนิยม สำหรับราคาที่สูงนั้นดูสมเหตุสมผล เพราะ Lange 1 เปรียบเสมือนงานศิลปะล้ำค่าที่หาไม่ได้ทั่วไปและด้วยจำนวนผลิตที่จำกัด จึงเป็นนาฬิกาที่มีมูลค่าเพิ่มพูนขึ้นตามกาลเวลา สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นได้อย่างภาคภูมิใจ

Lange 1 Time Zone




A. Lange & Söhne Lange 1 Time Zone เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 ในฐานะเพื่อนร่วมเดินทางที่สมบูรณ์แบบ ด้วยฟังก์ชั่นแสดงเวลาสองเขตเวลาพร้อมกัน นาฬิการุ่นนี้ยังคงโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของ Lange 1 ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางหน้าปัดแบบเยื้องศูนย์และตัวเลขวันที่ขนาดใหญ่พิเศษ

ตัวเรือน Time Zone ผลิตจาก Pink Gold และ White Gold ที่ดูหรูหรา หน้าปัด Solid Silver สีเงินและสีดำและรุ่นใหม่ที่ผลิตจาก Platinum พื้นหน้าปัดสีโรเดียมผสมผสานสีโมโนโครมเพิ่มความสง่างาม ขนาดตัวเรือน 41.9 มิลลิเมตรนั้นอาจจะใหญ่ไปสำหรับคนข้อมือเล็ก มาพร้อมกับสายหนังจระเข้ที่มีความทนทานซึ่งเข้ากันได้อย่างลงตัว

หน้าปัดหลักจะแสดงเวลามาตรฐาน (Home Time) ด้วยตัวเลขโรมัน หน้าปัดย่อยจะแสดงเวลาในเขตเวลาที่สองด้วยตัวเลขอารบิก สร้างความแตกต่างที่ดูสมดุล การวางตำแหน่งของวงแหวนไว้รอบนอกไม่ทำให้ดีไซน์หน้าปัดแบบไม่สมดุลนี้เสียหาย ยังสามารถมองเห็นเวลาในหน้าปัดทั้งสอง วันที่และตัวบอกพลังงานสำรองได้อย่างชัดเจน

การปรับเวลาในเขตที่สองนั้นทำได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มปรับที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกา วงแหวนเมืองจะหมุนเข็มนาฬิกา 1 เขตเวลา ขณะเดียวกันเข็มชั่วโมงก็จะเดินหน้าไป 1 ชั่วโมง แสดงเวลาตามเขตเวลาของเมืองที่ลูกศรทองคำชี้ไป อย่างไรก็ตามแม้หน้าปัดจะออกแบบมาให้อ่านง่าย แยกเขตเวลาอย่างชัดเจน แต่ก็อาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยในช่วงแรกๆ
วงแหวน Day/Night สีฟ้าบนหน้าปัดทั้งสอง แสดงช่วงกลางวันและกลางคืน รวมทั้งการบอกเเวลา Daylight Saving Time ในเขตเวลาที่สองซึ่งแสดงด้วยสีแดงในลูกศรนั้น นับว่าเป็นคุณสมบัติที่สะดวกและเป็นประโยชน์

นาฬิกาเรือนนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre L141.1 แบบอินเฮาส์ ระบบไขลานด้วยมือ มองเห็นได้ผ่านฝาหลังตัวเรือน ชิ้นส่วนแต่ละชิ้นขัดแต่งอย่างประณีตสวยงาม ตามหลักเกณฑ์และประเพณีของ A. Lange & Söhne

ในด้านความคุ้มค่านาฬิกาเรือนนี้มีราคาสูงจริงแต่ก็มาพร้อมฟังก์ชั่นล้ำสมัย ดีไซน์ไม่เหมือนใคร หากคุณกำลังมองหานาฬิกาที่บอกเวลาต่างประเทศได้สะดวก หรือเป็นแฟชั่นนิสต้าที่ต้องการเสริมลุคให้ดูมีสไตล์ เป็นนักสะสมที่ต้องการความคุ้มค่ากับการลงทุน นาฬิกาเรือนนี้อาจเป็นตัวเลือกที่ใช่สำหรับคุณ
อ้างอิง:

A. Lange & Söhne Zeitwerk




A. Lange & Söhne Zeitwerk คือผลงานชิ้นเอกแห่งนวัตกรรมจาก A. Lange & Söhne นาฬิกากลไกที่ท้าทายขนบธรรมเนียม ด้วยการออกแบบล้ำสมัยผสมผสานกลไกอันซับซ้อนกับการแสดงผลแบบดิจิทัล
A. Lange & Söhne Zeitwerk โดดเด่นด้วยหน้าปัดที่มีการออกแบบสมมาตรอย่างประณีต การจัดเรียงช่องหน้าต่างแสดงชั่วโมงและนาทีที่เรียงตัวจากซ้ายไปขวาและเข็มนาฬิกาและวงหน้าปัดย่อยที่เรียงกันเป็นแนวตั้ง สร้างสมดุลที่ลงตัวทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง ช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ช่วยให้อ่านเวลาง่ายโดยไม่ต้องพึ่งพาเข็มนาฬิกาแบบดั้งเดิม

สะพานเวลา (Time Bridge) ทรงปีกค้างคาวเปรียบเสมือนหัวใจสำคัญบนหน้าปัด สะพานนี้แบ่งหน้าปัดออกเป็นส่วนบนและล่างอย่างชัดเจน สร้างมิติให้กับหน้าปัด พื้นที่ว่างใต้สะพานเข้ากันได้อย่างลงตัวกับหน้าปัดย่อย ช่วยให้หน้าปัดดูไม่อึดอัดรองรับหน้าปัดย่อยวินาทีและหน้าปัดย่อยบอกพลังงานสำรอง สะท้อนถึงความชาญฉลาดของการออกแบบ A. Lange & Söhne Zeitwerk มีองค์ประกอบบนหน้าปัดน้อย เน้นความเรียบง่าย ไร้สิ่งรบกวน ช่วยให้ดูสง่างามและคลาสสิก

Zeitwerk ตัวเรือนผลิตจากวัสดุชั้นเยี่ยม เช่น Pink Gold และ Platinum กลไกภายในของ Zeitwerk ทำงานด้วยกลไก L043.1 ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่โดยเฉพาะสำหรับนาฬิการุ่นนี้ที่มีความซับซ้อนแตกต่างจากนาฬิกาทั่วไปสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำและเชื่อถือได้ กลไกนี้สำรองพลังงานได้นานถึง 72 ชั่วโมง
ด้วยความที่ Zeitwerk มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ กลไกที่ซับซ้อนและน่าประทับใจ ผลิตในจำนวนที่จำกัด นาฬิกาเรือนนี้จึงจัดว่าเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีราคาแพงมาก แต่ก็รักษามูลค่าได้ดีและมีโอกาสเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป อย่างไรก็ตามนาฬิกามีขนาดค่อนข้างใหญ่และอาจรู้สึกหนักที่ข้อมือ ผู้ที่ชอบใช้นาฬิกาแบบมีเข็มนาฬิกาอาจจะไม่ชอบนาฬิกาแบบนี้ และถ้าเทียบกับนาฬิการุ่นอื่นๆ ในราคาเดียวกัน Zeitwerk จะบอกแค่เวลาขั้นพื้นฐานแต่ไม่มีฟังก์ชันเสริมอย่าง Chronograph หรือ Moon Phase ซึ่งท้ายที่สุดแล้วการตัดสินใจจะซื้อหรือเป็นเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้ก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจ ความชอบและไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล

A. Lange & Söhne Saxonia



A. Lange & Söhne Saxonia เป็นหนึ่งเป็น 1 ใน 4 เรือนนาฬิกาชุดแรกที่เปิดตัวในปี 1994 นับเป็นการกลับมาสู่วงการนาฬิกาอีกครั้งของ A. Lange & Söhne หลังจากกำแพงเบอร์ลินล่มสลาย
หากพูดถึงนาฬิกา A. Lange & Söhne ที่เรียบหรู สง่างาม เหมาะกับการแต่งกายแบบเป็นทางการ คอลเลกชั่น Saxonia คงจะเป็นคำตอบ เพราะคอลเลกชั่นนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแง่ของการใช้หลักชั่วโมงแบบขีดและภาพลักษณ์โดยรวมที่ให้ความรู้สึกคลาสสิกและเรียบง่ายเน้นการใช้งาน

A. Lange & Söhne Saxonia หน้าปัดรูปทรงคลาสสิก ตัวเรือนกลมบางเฉียบ เข็มนาฬิกาแบบ dauphine ดีไซน์ไร้กาลเวลา ผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสไตล์นี้อยู่แล้วน่าจะถูกใจ นาฬิกา A. Lange & Söhne ทุกเรือนรวมถึง A. Lange & Söhne Saxonia ติดตั้งกลไกภายในที่ผลิตขึ้นเอง ตกแต่งด้วยมืออย่างประณีต A. Lange & Söhne ยังขึ้นชื่อเรื่องความเชี่ยวชาญในการสร้างกลไกบางเฉียบ สำหรับรุ่น Saxonia Thin ขนาดตัวเรือนหนาเพียง 5.9 มม. ถือเป็นนาฬิการุ่นที่บางที่สุดของแบรนด์ที่เคยทำมา มีดีไซน์กะทัดรัดและน้ำหนักเบาสวมใส่สบาย

นอกจากนี้ยังมีรุ่น Saxonia Moon Phase ที่หน้าปัดที่แสดงทั้งช่องแสดงข้างขึ้นข้างแรมและช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่ ซึ่งจัดสัดส่วนบนหน้าปัดได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้หน้าปัดของ Saxonia Moon Phase ดูสวยงามและสมดุล ตัวเรือนมีทั้งในรูปแบบ White Gold 18k และ Pink Gold 18k หน้าปัดเป็น Solid Silver สีเงิน ขนาด 40 มม. ขนาดนี้ได้รับการชื่นชมว่าเป็นขนาดที่ยอดเยี่ยมสำหรับนาฬิกาที่มีตัวเรือนค่อนข้างบาง
แม้นาฬิกา Saxonia Thin และ Saxonia Moon Phase จะมีฟังก์ชั่นจำกัด อาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ชอบนาฬิกาที่มีฟังก์ชั่นครบครันล้ำสมัย แต่สำหรับผู้ที่มองหานาฬิกาเรือนบาง ดีไซน์เรียบหรู คลาสสิกและสามารถใส่ได้ในทุกโอกาส Saxonia ทั้งสองรุ่นนี้ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ในราคาที่เหมาะสมตามคุณภาพและชื่อเสียงของแบรนด์

A. Lange & Söhne Datograph




A. Lange & Söhne Datograph เป็นนาฬิกาโครโนกราฟแบบกลไกที่ขึ้นชื่อเรื่องความเรียบหรู คลาสสิก อ่านง่าย ฟังก์ชันครบครัน เหมาะสำหรับนักจับเวลามืออาชีพ
ในปี 2012 A. Lange & Söhne ได้เปิดตัว Datograph Up/Down ขับเคลื่อนด้วยกลไก L951.6 Caliber สำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง และ Datograph Perpetual ผสานฟังก์ชั่นโครโนกราฟ ปฏิทิน และ Moon Phase
การออกแบบหน้าปัดอันเป็นเอกลักษณ์ ช่องตัวเลขวันที่ขนาดใหญ่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา หน้าปัดย่อยจับเวลาทั้งสองข้าง จัดวางเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ผสมผสานความคลาสสิกและทันสมัย บางคนอาจรู้สึกว่าหน้าปัดดูเยอะไป แต่สำหรับผู้รักความซับซ้อนหน้าปัด Datograph เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์

กลไกคอลัมน์วีล (column-wheel mechanism) ควบคุมการทำงานของฟังก์ชันจับเวลาได้อย่างราบรื่นและแม่นยำระดับเสี้ยววินาที ฟังก์ชัน flyback รีเซ็ตเข็มจับเวลากลับมาที่ศูนย์และเริ่มจับเวลาใหม่ได้ทันที ประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพ กลไกคอลัมน์วีลและฟังก์ชัน flyback ตอบสนองความต้องการของนักจับเวลามืออาชีพได้อย่างดี

ตัวเรือนผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง เช่น Pink Gold, White Gold และ Platinum สะท้อนความงดงามของงานฝีมือแบบ Glashütte ลวดลายแกะสลักด้วยมือ สกรูสีน้ำเงิน และขอบเอียงที่ขัดเงา แสดงถึงความทุ่มเทในรายละเอียด

Datograph นั้นสวยงาม น่าทึ่ง ใช้งานได้จริง แต่ราคาก็สูงมาก เมื่อพิจารณาการใช้งานและความเหมาะสม ฟังก์ชันบางอย่างอาจไม่จำเป็นสำหรับทุกคน อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการนาฬิกาที่หรูหรา ฟังก์ชั่นครบและพร้อมจ่าย Datograph ก็เป็นตัวเลือกที่ดีทีเดียว และแน่นอนว่าเรามีตัวเลือกของคอลเลคชั่น นาฬิกา A Lange ให้คุณเลือกมากมาย มีบริการ รับซื้อนาฬิกา ด้วยครับ

2
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ / Rolex President และ The Best Rolex จากยุค 80
« เมื่อ: วันที่ 19 มกราคม 2024, 17:06:32 น. »
Rolex President และ The Best Rolex จากยุค 80

นาฬิกาจากทศวรรษ 1980 ถือเป็นยุคที่รุ่งเรืองแห่งโลกของเรือนเวลา เนื่องจากเป็นช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงและพัฒนานวัตกรรมอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะการเข้ามาของระบบควอตซ์จากญี่ปุ่น ที่สั่นสะเทือนวงการนาฬิกาสวิสไปถ้วนหน้า จึงทำให้หลาย ๆ แบรนด์รวมทั้งเจ้าพ่อตลาดอย่าง Rolex เอง เร่งพัฒนาและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อความท้าทาย สร้างสิ่งแปลกใหม่ที่สามารถดึงดูดความสนใจจากนักสะสมได้




จึงจะเห็นได้ว่า นาฬิกา Rolex จากยุค 80 ได้ผสมผสานเสน่ห์แบบย้อนยุคเข้ากับสไตล์สมัยใหม่ได้อย่างมีเอกลักษณ์ นาฬิกาเหล่านี้นำเสนอสุนทรียภาพอันน่าหลงใหลซึ่งแสดงออกถึงสไตล์อันโดดเด่นของยุคนั้น ตั้งแต่โครงสร้างตัวเรือนที่ดูหรูหรา หน้าปัดมีสีสันมากขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา

แม้จะผ่านมาเกือบสี่ทศวรรษแล้วก็ตาม Rolex ในช่วงยุค 80 ทั้ง Datejust, President, Submariner ยังถือเป็นดีไซน์ในตำนานมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยด้วยองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์และกลิ่นอายของความวินเทจ ทำให้นาฬิกาหลาย ๆ กลายเป็นที่ต้องการของบรรดานักสะสม




Siam Watch Club จึงถือโอกาสนี้รวบรวม The Best Rolex จากทศวรรษที่ 1980 มาแนะนำให้ทุกคนได้สัมผัสถึงกลิ่นอายย้อนยุคในสมัยนั้น เรือนไหนที่น่าสนใจ เรือนไหนที่น่าลงทุน บางเรือนอาจทำให้คุณทึ่งกับประวัติความเป็นมาของมัน จึงไม่ควรพลาดบทความนี้ด้วยประการทั้งปวง

Rolex Datejust Steel and Gold 16233




Rolex Datejust Steel และ Gold Jubilee Anniversary Dial 16233 ถือเป็นจดหมายเหตุสำคัญในประวัติศาสตร์ของ Rolex และแสดงถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ต่อนวัตกรรมและสไตล์เหนือกาลเวลา เปิดตัวในช่วงทศวรรษ 1980 โดยนำเสนอองค์ประกอบการออกแบบที่แสดงให้เห็นความหรูหรา และฟังก์ชันต่าง ๆ ที่ได้กลายเป็นแก่นสำคัญในการออกแบบนาฬิการุ่นต่อ ๆ มา

คอลเลกชัน Datejust เปิดตัวครั้งแรกในปี 1945 ในฐานะนาฬิกาข้อมือระบบไขลานอัตโนมัติเรือนแรกที่มีการแสดงวันที่ ดังนั้น 16233 จึงเปรียบเสมือนหลักฐานแสดงวิวัฒนาการของคอลเลกชันอันเป็นเอกลักษณ์นี้ โดยเฉพาะดีไซน์แบบทูโทน จากสายสแตนเลสสตีลผสมผสานเข้ากับส่วนประกอบของ Yellow Gold 18k ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในยุคนั้น

หนึ่งในเอกลักษณ์อีกอย่างของ 16233 คือหน้าปัด Jubilee Anniversary ที่มาในสีทองอร่ามพร้อมการแกะสลักลวดลายคำว่า ROLEX ซ้ำ ๆ จนเกิดเป็นแพทเทิร์น ตำแหน่งบอกเวลาถูกแทนด้วยเพชรเม็ดเล็ก และหน้าต่างแสดงวันที่ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ตรงตำแหน่ง 3 นาฬิกา หน้าปัด Jubilee Anniversary มีวางจำหน่ายทั้งรุ่น Datejust และ Day-Date และเปิดตัวในปี 1985 เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของคอลเลกชัน Datejust และครบรอบ 80 ปีของ Rolex


Rolex Submariner Steel Gold Blue Dial Bezel 16803




Rolex Submariner Steel Gold Blue Dial Bezel 16803 มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของคอลเลกชัน Submariner มันถูกเปิดตัวในปี 1984 เป็นโมเดลที่ Rolex ได้ผสมผสานวัสดุเหล็กและทองเข้าด้วยกันเป็นเรือนแรกในบรรดา Submariner ทั้งหมด

หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นของนาฬิกาเรือนนี้คือหน้าปัดสีน้ำเงินที่มีพร้อมกรอบสีเดียวกัน สีสันที่ค่อนข้างสดใสนี้เพิ่มเสน่ห์ให้ดูมีเอกลักษณ์รวมถึงยกระดับความสง่างามให้กับนาฬิกา ทำให้ 16803 มีดีไซน์แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ หลายคนนิยมดีไซน์เช่นนี้ว่า มีความลุ่มลึก ซับซ้อน หรูหรา จากการที่สีน้ำเงินถูกผสานเข้ากับสีทองอย่างลงตัว

ในแง่ของคุณสมบัติ 16803 ยังคงฟังก์ชันหลักที่ทำให้คอลเลกชัน Submariner ได้รับการยกย่องอย่างสูงในหมู่นักดำน้ำและผู้ชื่นชอบนาฬิกา ทั้งตัวเรือน Oyster กันน้ำ ตำแหน่งบอกชั่วโมงและเข็มเรืองแสงเพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และกลไกแบบไขลานอัตโนมัติเพื่อการบอกเวลาที่แม่นยำ

ทว่าเป็นที่น่าเสียดายเมื่อมันถูก discontinued เมื่อปี 1988 ก่อนจะทิ้งมรดกการออกแบบไว้ให้ Submariner รุ่นหลัง ๆ จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม 16803 จึงได้กลายเป็นนาฬิกาที่นักสะสมจำนวนมากต้องการครอบครองมาไว้ในคอลเลกชันส่วนตัว


Rolex GMT-Master Yellow Gold 16758




Rolex GMT-Master Yellow Gold 16758 เปิดตัวในปี 1981 ผ่านภาพลักษณ์ที่แสดงให้เห็นความหรูหรามากที่สุดในบรรดา GMT-Master อย่างชัดเจน คอลเลกชัน GMT-Master เดิมได้รับการพัฒนาโดยความร่วมมือกับ Pan American World Airways เพื่อตอบสนองความต้องการของเหล่านักบิน ให้สามารถติดตามเขตเวลาหลายแห่งพร้อมกัน

สิ่งที่ทำให้ Rolex GMT-Master Yellow Gold 16758 แตกต่างออกไปคือโครงสร้าง Yellow Gold ที่โดดเด่นชัดเจน ความหรูหรานี้ลงตัวอย่างสมบูรณ์แบบด้วยหน้าปัดและขอบหน้าปัดสีดำที่ทำให้สีทองเปล่งประกาย เพียงแค่สวมใส่ลงบนข้อมือ มันก็กลายเป็นเครื่องมือดึงดูดความสนใจได้อย่างไม่ยากเย็น

ในแง่ของคุณสมบัติ 16758 ยังคงรักษามรดกของคอลเลกชัน GMT-Master เอาไว้ โดยผสมผสานขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ที่มีการแสดงเวลาแบบ 24 ชั่วโมง และเข็มเพิ่มเติมที่แสดงเขตเวลาที่สอง ฟังก์ชันนี้ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถติดตามเวลาในสองโซนเวลาที่แตกต่างกันได้พร้อมๆ กัน นาฬิกายังมีหน้าต่างวันที่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ซึ่งขับเคลื่อนโดยกลไกไขลานอัตโนมัติเพื่อการบอกเวลาที่แม่นยำและมีฟังก์ชันตั้งวันที่อย่างรวดเร็ว

Rolex GMT-Master II Coke 16760



Rolex GMT-Master II Coke 16760 หรือที่รู้จักในชื่อ “Fat Lady” หรือ “Sophia Loren” เปิดตัวในปี 1984 และถือเป็นนาฬิการุ่น GMT-Master II รุ่นแรก ที่พัฒนามาจาก GMT-Master ออริจินัล

สิ่งที่ทำให้ Rolex GMT-Master II Coke 16760 มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวคือกรอบสีดำและสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้ได้รับฉายาว่า “Coke” โทนสีนี้ทำให้นาฬิการุ่น GMT-Master แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ซึ่งโดยทั่วไปจะมีกรอบ “Pepsi” สีน้ำเงินและสีแดง หรือกรอบ “Root Beer” สีทองและสีน้ำตาล ขอบหน้าปัด Coke เพิ่มความสวยงามโดดเด่นให้กับนาฬิกา จึงทำให้นาฬิกาทั้งสามรุ่นดังกล่าวได้รับความนิยมสูงที่สุดในบรรดานาฬิกา Rolex ทั้งปวง

Rolex President Day-Date Wood Dial 18038

เพียงแค่รูปลักษณ์ของ Rolex President Day-Date Wood Dial 18038 ก็สามารถสัมผัสได้ทันทีว่าคอลเลกชันนี้มีเอกลักษณ์ที่พิเศษมากแค่ไหน 18038 เปิดตัวในช่วงทศวรรษ 1980 โดยมีความโดดเด่นจากรุ่นอื่น ๆ ด้วยหน้าปัดลายไม้สีสวยงาม และด้วยความแตกต่างนี้ Rolex President Day-Date Wood Dial 18038 จึงกลายเป็นที่ดึงดูดใจของนักสะสมนาฬิกาที่กำลังมองหาความหรูหราที่แปลกใหม่มาเป็นเครื่องมือบ่งบอกความมั่งคั่งของตนมานานนับหลายทศวรรษ

คอลเลกชัน Day-Date เปิดตัวในปี 1956 ถือเป็นการปฏิวัติวงการเนื่องจากเป็นนาฬิกาข้อมือเรือนแรกที่แสดงวันที่และวันในสัปดาห์แบบเต็มสเกล เช่นเดียวกันกับ 18038 ที่ยังคง DNA ดั้งเดิมไว้ ในขณะเดียวกันก็นำเสนอลูกเล่นอันน่าหลงใหลด้วยหน้าปัดลายไม้

โดยหน้าปัดเหล่านี้ผลิตมาจากไม้เบิร์ลวูดที่สร้างสรรค์จากชั้นไม้บาง ๆ ช่วยเพิ่มสัมผัสแห่งความอบอุ่นและความงามตามธรรมชาติให้กับนาฬิกา เรียกได้ว่าเป็นการสร้างเอกลักษณ์ให้นาฬิกาอย่างแท้จริง เพราะหน้าปัดลวดลายไม้อันประณีตนี้ทำให้เกิดรูปลักษณ์สะดุดตาไม่เหมือนใคร เพราะหน้าปัดของนาฬิกาแต่ละเรือนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านเนื้อไม้แต่ละส่วนที่นำมาประกอบร่างเป็น 18038 ทำให้มั่นใจได้ว่านาฬิกาแต่ละเรือนมีส่วนแตกต่าง ไม่เหมือนกันทุกประการ รวมถึงความแตกต่างจากพี่น้อง Day-Date รุ่นอื่น ๆ ส่งผลให้เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในหมู่นักสะสม

นาฬิกา Rolex จากช่วงทศวรรษ 1980 เป็นแบบอย่างของสุนทรียภาพอันเป็นเอกลักษณ์และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในยุคนั้น นาฬิกาเหล่านี้ยังคงดึงดูดนักสะสมด้วยการผสมผสานระหว่างเสน่ห์แบบย้อนยุคและคุณสมบัติที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ที่เป็นต้นแบบของเรือนเวลาในปัจจุบัน
ร่วมสัมผัสชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์ผ่าน Rolex Datejust, President, Submariner ได้ที่เว็บไซต์ Siam Watch Club ร้านขายนาฬิกามือสองที่ได้รวบรวม Rolex หลากหลายคอลเลกชันเข้าไว้ด้วยกัน ร่วมถึงนาฬิกาแบรนด์หรูอื่น ๆ ทั่วทุกมุมโลก ให้คุณได้ครอบครองได้อย่างง่ายดาย

3
Bvlgari Octo ดีไซน์แบบอิตาลี แม่นยำแบบสวิสและศักดิ์ศรีเหนือกาลเวลา

ในตลาดสินค้าที่เป็น Luxury Brand Bvlgari ถือเป็นกำลังสำคัญที่สร้างมูลค่าให้กับตลาดได้มหาศาล ผ่านสินค้าหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ น้ำหอม นาฬิกา ไปจนถึงโรงแรมและรีสอร์ตที่ถือเป็นอีกหนึ่งพอร์ตโฟลิโอที่น่าสนใจ แต่ถ้าหากพูดถึงภาพจำของทางแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่สร้างชื่อเสียงได้อย่างล้นหลามคงไม่พ้นเครื่องประดับและนาฬิกาหรูหรา ที่เราต่างรู้จักกันดี แต่เพื่อที่จะเข้าใจและทำความรู้จัก ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ความสำเร็จ และชื่อเสียงของ นาฬิกา Bvlgariอย่างแท้จริง Siam Watch Club จะพาทุกท่านย้อนเวลาไปยังศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด




Sotirios Voulgaris ผู้ก่อตั้ง Bvlgari
ต้นกำเนิดของ Bvlgari

Bvlgari เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งโดยช่างเงินชาวกรีกที่มีชื่อว่า Sotirios Voulgaris เมื่อนำมาดัดแปลงเป็นภาษาอิตาลีแล้วจะถูกเขียนในชื่อ Sotirio Bulgari ที่ได้เปิดร้านเครื่องประดับเป็นของตัวเองในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ตั้งแต่ปี 1884 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เดินทางมายังกรุงโรม และชื่อเสียงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการสร้างสรรค์นวัตกรรมและผลงานใหม่ ๆ ออกมา โดยมุ่งเน้นไปที่การผลิตเครื่องประดับจากอัญมณีชั้นสูง จนธุรกิจเติบโตมากขึ้นและกลายเป็นที่รู้จักระดับโลก จนกระทั่งช่วงต้นทศวรรษ 1980 Bvlgari ได้เปิดโรงงานผลิตนาฬิกาที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากดีไซน์และกลิ่นอายของนาฬิกาจากแบรนด์นี้ จะให้ความรู้สึกแบบเครื่องเงินอิตาลี แต่ความแม่นยำยอดเยี่ยมสมเป็นมาตรฐานนาฬิกาสวิส
Bvlgari Oct กับกลไกที่มีความบางเฉียบ
Bvlgari Octo นาฬิกาสปอร์ตสมัยใหม่




Bvlgari Octo ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญของแบรนด์สู่อาณาจักรนาฬิกาสปอร์ตสุดหรูในปี 1988 โดยในคอลเลคชันนี้ ทางแบรนด์ตั้งใจผสมผสานกลิ่นอายการออกแบบในสไตล์อิตาลีเข้าไป ผสานกลไกความแม่นยำแบบสวิส จนได้มาเป็นนาฬิกาทรงแปดเหลี่ยมที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมของวิหาร Maxentius และ Constantine ถือได้ว่าเป็นรุ่นดาวเด่นที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพราะจุดเด่นของมันไม่ได้มีเพียงแค่รูปทรงที่สวยงามเท่านั้น เพราะ Octo ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก Caliber บางเฉียบของ Bvlgari นั่นก็คือ BVL 138 ที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์การก้าวข้ามขีดจำกัดจากแบรนด์ผลิตเครื่องประดับสู่อุตสาหกรรมนาฬิกาอย่างเต็มตัว
Bvlgari Octo Finissimo Automatic Carbongold
ในงาน Geneva Watch Days 2023 ได้ทำการเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่หลายรายการ หนึ่งในนั้นก็คือ Octo Finissimo Automatic Carbongold ตัวเรือนทำจากคาร์บอนพร้อมกลไกบางเฉียบ ทำให้มีน้ำหนักเบาจนแทบไม่รู้สึกเมื่อสวมใส่ เข็มสีทองตัดกับวัสดุหน้าปัดสีดำดูเข้ากันอย่างลงตัว จนเรียกเสียงฮือฮาจากคนรักนาฬิกาภายในงาน มาพร้อมคุณสมบัติกันน้ำลึกได้ถึง 100 เมตร อีกด้วย




Octo Finissimo Ultra
แต่ถ้าพูดถึงรุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอันดับต้น ๆ ในคอลเลคชัน Octo คงหนีไม่พ้นรุ่น Finissimo Ultra ที่มีความบางเพียง 1.8 มม. หรือเทียบเท่าเหรียญ 20 cent ถ้าหากจะพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เฉียบบางยิ่งกว่าเหรียญ 10 บาทไทย ที่มีความหนาประมาณ 2 มม. นั่นเอง



Bvlgari Octo Roma World Time
ส่วนรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุด นั่นก็คือ Bvlgari Octo Roma World Time ที่มาพร้อมกับตัวเรือนทรงแปดเหลี่ยมพิมพ์นิยม ออกแบบโดยดีไซเนอร์แห่งยุค Gerald Genta สามารถแสดงได้ทั้งในส่วนเวลาปกติแบบ 12 ชั่วโมง และ GMT ในรูปแบบ 24 ชั่วโมงแบบจานหมุน
จะเห็นได้ว่า Bvlgari Octo มีจุดเด่นที่แตกต่างจากแบรนด์คู่แข่งอื่น ๆ ตรงที่ถึงแม้จะนับได้ว่าเป็นนาฬิกาสวิสขนานแท้ เพราะผลิตจากโรงงานที่สวิสเซอร์แลนด์ แต่จิตวิญญาณและกลิ่นอายยังคงอบอวลไปด้วยความเป็นอิตาลี กรุงโรม ประเทศต้นกำเนิดอย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับนวัตกรรมที่ทำให้เราประหลาดใจอยู่เสมอ ไม่ต้องพูดถึงความสวยงามที่กินขาด เนื่องจากเป็นแบรนด์ที่มีต้นกำเนิดมาจากช่างทำเครื่องเงินและมีชื่อเสียงด้านเครื่องประดับอันดับต้น ๆ ของโลก
หากจะเลือกซื้อนาฬิกาแบรนด์หรูสักเรือน เราแนะนำว่าควรมี Bvlgari Octo เป็นหนึ่งในท็อปลิสต์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก่อนจะได้ตัดสินใจ Siam Watch Club อยากเชิญชวนทุกท่านเข้ามาดูคอลเลคชัน Bvlgari และนาฬิกาแบรนด์หรูจากทั่วทุกมุมโลกกับเรา ที่เว็บไซต์ Siam Watch Club ร้านขายนาฬิกามือสอง และ รับซื้อ Bvlgari หลากหลายแบรนด์ดัง ที่คร่ำวอดในวงการมาอย่างยาวนาน

4
Corum Admiral กับรูปลักษณ์อันโดดเด่นที่น่าจับตามอง

นับตั้งแต่ปี 1955 เป็นต้นมา แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิสที่ขึ้นชื่อเรื่องดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ ได้รับการยอมรับทั้งในด้านความสวยงามที่น่าดึงดูดในการออกแบบเป็นเวลายาวนานกว่าสามทศวรรษ ใคร ๆ ต่างตกหลุมรักคุณภาพ ที่มีพร้อมความคลาสสิก รวมถึงกลไกการทำงานที่ไม่เหมือนใคร จึงเป็นที่รู้กันดีว่าทุกองค์ประกอบที่อยู่ในนาฬิกาแบรนด์นี้ มันคือศิลปะความงามที่แฝงอยู่ใน Corum ทุกเรือน




คอลเลคชันที่โดดเด่นของ นาฬิกา Corum ประกอบไปด้วย Bridge Collection หรือที่นักสะสมชาวไทยเรียกกันว่าสะพานทองคำขาว สุดยอดแห่งความล้ำค่า และรุ่นต่อมาคือ Heritage Collection โดยเฉพาะรุ่น Coin Watch ที่มีกรรมวิธีการผลิตด้วยการนำเหรียญทองคำโบราณผ่าครึ่งเป็นสองส่วนเพื่อใส่กลไกลงไปตรงกลาง จนกลายเป็นสุดยอดนวัตกรรมล้ำค่าทางประวัติอีกหนึ่งชิ้นของ Corum แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่น ก็คือ Corum Admiral ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของทางแบรนด์ เนื่องจากเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุด ด้วยเอกลักษณ์ตัวเรือนทรง 12 เหลี่ยม และศิลปะที่ประดับอยู่บนหน้าปัดไม่เหมือนแบรนด์ไหน ๆ




ก่อนหน้านี้เราจะรู้จัก Corum Admiral ในรูปแบบหน้าปัดขนาด 45 และ 42 กันดี เพราะถือว่าเป็นรุ่นขายดีที่สุดในไลน์ Admiral Collection ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นขนาดหน้าปัดที่ค่อนข้างใหญ่ เหมาะกับสุภาพบุรุษมากกว่าสุภาพสตรีอย่างเห็นได้ชัด จึงกลายเป็นที่มาของ Admiral ในขนาดหน้าปัด 38 มิลลิเมตร ภายใต้คอนเซปต์ unisex Admiral Automatic เพื่อให้ได้มาซึ่งขนาดนาฬิกาที่กะทัดรัด เข้าได้กับไลฟ์สไตล์ของคุณผู้หญิงและคุณผู้ชายในเวลาเดียวกัน
Corum Admiral 1960 จากการแข่งขัน Admiral’s Cup
คอลเลคชัน Admiral ปรากฏตัวในปี 1960 เป็นเวลาเพียงห้าปีหลังจากการก่อตั้งบริษัท ได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระแสความนิยมของการแข่งขัน Admiral’s Cup ครั้งแรกในปี 1957 จะเห็นได้ว่าใน Admiral รุ่นดั้งเดิมไม่ใช่นาฬิกา 12 เหลี่ยมแบบในปัจจุบัน แต่เป็นตัวเรือนกันน้ำทรงสี่เหลี่ยม พร้อมรูปเรือใบที่แกะสลักด้วยมือบริเวณด้านหลังตัวเรือน และถูกพัฒนาดีไซน์จนกลายเป็น 12 เหลี่ยมในเวลาต่อมาใน
Admiral ขนาด 38 มม.
สิ่งที่น่าสนใจใน Admiral 38 มม. คือคอลเลคชันที่ได้เพิ่ม ‘สีชมพู’ เข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นคือการประดับเพชรลงไปบนหน้าปัด ซึ่งชัดเจนว่าเป็นการออกแบบมาเพื่อเจาะกลุ่มทาร์เก็ตที่เป็นสุภาพสตรี แต่ในขณะเดียวกันสีคลาสสิคอย่างดำ ขาว เงิน หรือทูโทนก็ยังให้ความรู้สึกเรียบ สามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ที่สำคัญในรุ่นหน้าปัดขนาด 38 มิลลิเมตรนี้ ทางแบรนด์ยังมีการปรับปรุงให้ร่วมสมัยมากขึ้น เช่นการทำให้นาฬิกามีรูปทรงโค้งมนมากกว่ารุ่นก่อน ๆ รวมถึงการขัดเงาบนตัวเรือนให้ดูสวยงามเพิ่มขึ้น มาพร้อมสกรูสองตัวที่ขนาบข้างเม็ดมะยมแบบขันเกลียว เพื่อให้ตัวเรือนสามารถกันน้ำได้มากถึง 100 เมตร
คุณสมบัติอื่น ๆ ที่น่าสนใจของรุ่น 38 มม. คงไม่พ้นความบางเพียง 8.95 มม. และตัวเรือนไทเทเนียมที่มีน้ำหนักเบา ช่วยลดความเทอะทะและน้ำหนักของตัวเรือน โดยเฉพาะจุดเชื่อมระหว่างหน้าปัดกับข้อต่อสายที่ออกแบบมาได้อย่างสมูธ ช่วยให้นาฬิกาอยู่ในแนวเดียวกันกับข้อมือ ซึ่งข้อดีนี้จะทำให้เวลาสวมใส่แล้วตัวเรือนนาฬิกามีความเพรียวบางมากยิ่งขึ้น




และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เมื่อเจาะลึกนาฬิกาจาก Corum นั่นก็คือดีไซน์บนหน้าปัดที่เป็นเอกลักษณ์หาใครลอกเลียนแบบได้ยาก โดยเฉพาะรูปแบบ 3 มิติอันเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ที่มีชื่อว่า ‘Grenadier Fendu’ ได้รับการออกแบบในปี 2019 จนกลายเป็นภาพจำอันโดดเด่นของ Admiral ทุกคอลเลคชัน
ด้านนอกหน้าปัดมีสัญลักษณ์ธงการเดินเรืออันเลื่องชื่อ
รายละเอียดของหน้าปัด Grenadier Fendu จะเป็นสามเหลี่ยมที่ยกขึ้นเรียงกันเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส พร้อมยังคงไว้ซึ่งอัตลักษณ์ทางประวัติศาสตร์จากการเป็นนาฬิกาที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการเดินเรือ ใน Corum Admiral ส่วนของแปลนด้านนอกหน้าปัดจึงยังมีสัญลักษณ์ธงการเดินเรืออันเลื่องชื่อ แทนตัวเลขชั่วโมงและนาที รวมถึงเข็มนาฬิกาแบบ Dauphine ที่เคลือบด้วยสาร Super-LumiNova ช่วยให้สามารถมองเห็นเวลาในความมืดได้




เรียกได้ว่าสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ Corum ไม่เคยทำให้เราต้องผิดหวัง พวกเขาเก่งในการสร้างเซอร์ไพรส์ให้แก่คนรักนาฬิกาอยู่เสมอ จึงไม่น่าแปลกใจทั้งในด้านประวัติความเป็นมา คุณภาพ ดีไซน์ และความเก๋าเกมในวงการนาฬิกา จึงทำให้ Corum ยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในปัจจุบัน
วันนี้หากคุณต้องการครอบครองนาฬิกาในตำนานอย่าง Corum สักเรือน หรือต้องการซื้อขาย ส่งต่อ แลกเปลี่ยน และตามหานาฬิกาแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลก อย่าลืมนึกถึงเรา Siam Watch Club ร้านนาฬิกาแบรนด์เนมมือสองอันดับ 1 ที่คุณวางใจได้ และยัง รับซื้อ Corum ทุกรุ่น ทั้งนาฬิกามือหนึ่ง และมือสอง

5
เทียบ Tudor & Rolex รุ่นต่อรุ่น และเหตุผลทำไมควรมี Tudor Black Bay ไว้ในคอลเคลชัน

ทั้งนาฬิกา Tudor และ Rolex ต่างเป็นนาฬิกาคุณภาพสูงด้วยกันทั้งคู่ เพียงแต่ว่า Rolex จะมีภาพลักษณ์ที่หรูหรากว่า และมีราคาในระดับที่พรีเมียมมากกว่านั่นเอง อย่างไรก็ตาม Tudor เองก็พยายามอย่างมากที่จะขยับคุณภาพและความพรีเมียมขึ้นไปให้ทัดเทียบกับแบรนด์แม่เช่นกัน

จึงทำให้นาฬิกาส่วนใหญ่ของ Tudor ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก นาฬิกา Rolex ที่มีต้นกำเนิดจากผู้ก่อตั้งคนเดียวกัน แม้นาฬิกาของทั้งสองแบรนด์จะมีความใกล้เคียงกันมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบรุ่นต่าง ๆ โดยคำนึงถึงการออกแบบ ราคา คุณภาพ อย่างละเอียดแล้ว ในสายตาของนักสะสมและคนรักนาฬิกาจะทราบดีว่า ยังมีบางอย่างของทั้งสองแบรนด์ที่แตกต่างกัน เพื่อคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของทางแบรนด์เอง

Difference between rolex & tudor
เมื่อมองเป็นภาพกว้าง ๆ เราจะมองเห็นข้อแตกต่างตามที่กล่าวมาได้ง่ายมาก เช่น นาฬิกา Tudor จะเน้นรูปลักษณ์และความรู้สึกสปอร์ตในเกือบทุกรุ่น การออกแบบจะเน้นความทันสมัย โฉบเฉี่ยว ในขณะที่ Rolex แม้จะมีนาฬิกาลุค Sport Luxury อยู่หลายรุ่น แต่นาฬิกาเหล่านี้ก็ดูหรูหราพอที่จะสวมใส่ในงานที่เป็นทางการ อาทิ Rolex Submariner ถึงต้นกำเนิดของมันจะเป็นนาฬิกาดำน้ำ แต่กลับเข้ากับชุดสูทหรือทักซิโด้ได้เป็นอย่างดี




Siam Watch Club จึงได้รวบรวมนาฬิกา Tudor รุ่นต่าง ๆ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากแบรนด์แม่อย่าง Rolex มาเปรียบเทียบให้เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจน ว่าแต่ละรุ่นมีความ ‘เหมือน’ และ ‘ไม่เหมือน’ กันอย่างไร


Tudor Submariner vs Rolex Submariner



หากคุณชื่นชอบนาฬิกาสไตล์วินเทจ Tudor Submariner เป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมนอกเหนือจาก Rolex Submariner เพราะนาฬิกาทั้งสองรุ่นถูกออกแบบมาในลักษณะที่ใกล้เคียงกัน ดีไซน์สปอร์ต ทนทาน ถูกนำมาใช้งานในการดำน้ำ ซึ่งเป็นกีฬายอดนิยมในช่วงกลางศตวรรษที่ 20

ในขณะที่ Rolex Submariner เปิดตัวในปี 1953 Tudor Submariner ก็ทำการเปิดตัวในปี 1954 ตามความคิดของ Hans Wildorf ที่ต้องการนำเสนอนาฬิกากันน้ำแบบ Submariner ที่มีราคาถูกกว่า Rolex





ความแตกต่างระหว่างทั้งสองแบรนด์อยู่ที่กลไกนาฬิกา Tudor Submariner เลือกใช้กลไกที่ผลิตจากบริษัท outsource ในขณะที่ Rolex Submariner ได้ผลิตกลไกขึ้นเองภายในโรงงานของทางโรเล็กซ์เอง นอกจากนั้น Tudor Submariner ยังไม่รองรับ chronometer เหมือนกับแบรนด์แม่อีกด้วย

นาฬิกาทั้งสองเรือนได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ Rolex Submariner ยังผลิตต่อไป กลับกันกับ Tudor Submariner ที่ได้ยุติการผลิตแล้ว แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของนักสะสมนาฬิกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาสไตล์วินเทจ

Tudor Black Bay GMT vs Rolex GMT-Master II Pepsi




นาฬิกาทั้งสองรุ่นนี้ เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของทั้งสองแบรนด์ ทั้งคู่ได้รับการออกแบบด้วยดีไซน์ที่ยอดเยี่ยมและให้ลุคที่ดูสปอร์ตหรูหรา ไม่ว่าคุณจะสวมใส่เรือนไหนก็ตาม

สำหรับ Rolex GMT-Master II Pepsi แทบไม่ต้องอารัมภบทให้มากความ เพราะนี่คือหนึ่งนาฬิกาในตำนานของ Rolex ซึ่งเป็นที่ใฝ่ฝันของนักสะสมหลาย ๆ คน เพราะ GMT เรือนแรกถูกเปิดตัวในปี 1954 โดยได้รับมอบหมายจาก Pan Am ให้สร้างมันขึ้น เพราะสายการบินต้องการนาฬิกาที่บอกเวลาได้สองไทม์โซนในเวลาเดียวกันให้กับนักบินภายในสายการบิน กรอบน้ำเงิน – แดงนอกจากจะใช้เพื่อบอกกลางวัน/กลางคืนได้แล้ว ยังเป็นสีประจำสายการบิน Pan American Airways อีกด้วย จึงทำให้สีน้ำเงิน – แดง กลายเป็นจุดเด่นของคอลเลคชัน GMT-Master ตั้งแต่นั้นมา



ในปัจจุบัน Rolex GMT-Master II Pepsi ยังคงผลิตอยู่ แต่เป็นรูปแบบเรือนสแตนเลส Ref.126710BLRO และฟังก์ชันที่อัปเกรดขึ้นเป็นเวลาสามไทม์โซน หมุนได้สองทิศทาง พร้อมประสิทธิภาพที่มากขึ้นไปด้วย ทั้งระบบกันน้ำ Triplock กันน้ำได้ 100 เมตร ขอบหน้าปัดเซรามิก Carachrom สองสี และกลไก Calibre 3285 ที่มีความแม่นยำเป็นอย่างมาก
แต่ในทางกลับกัน Tudor Black Bay GMT เป็นนาฬิกาแบรนด์หรูที่มีราคาเอื้อมถึงได้ ไม่สูงมากเกินไปอย่างแบรนด์แม่ของมัน ทั้งยังยอดเยี่ยมด้วยคุณสมบัติหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับ Rolex GMT-Master Pepsi II เกือบทุกประการอีกด้วย

ตัวเรือนเป็นสแตนเลสสตีลขนาด 41 มม. พร้อมผิวเคลือบซาตินอันงดงาม สามารถดูทั้งเวลาและวันที่ GMT ได้ด้วย Cliber MT5652 ซึ่งให้พลังงานสำรองมากถึง 70 ชั่วโมง
Tudor Black Bay GMT 'Pepsi'
ทำให้ความแตกต่างระหว่าง Tudor Black Bay GMT vs Rolex GMT-Master II Pepsi มีไม่มากนัก หากไม่นับกรอบสีฟ้าและแดงจากอลูมิเนียมชุบผิว และเข็มบอกเวลาดีไซน์ Snowflake ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Tudor โดยเฉพาะ

โดยรวมแล้วสำหรับ Tudor Black Bay GMT คุณจะได้รับความคุ้มค่ามากกว่าการเลือกซื้อ Rolex GMT-Master II ที่มีราคาขายปลีกแพงกว่า Tudor มากกว่าสองเท่า ทั้งยังเป็นแบรนด์ที่เติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ในแง่ของการพัฒนาที่เทียบเท่าบริษัทแม่ แต่ยังรักษาระดับฐานราคาให้อยู่เท่าเดิม
อีกทั้ง Tudor ขึ้นชื่อเรื่องการเลือกใช้วัสดุในการออกแบบที่มักจะโดดเด่นและมีสีสันมากกว่า Rolex ทำให้เป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตามองในอนาคต เพราะดีไซน์ที่ล้ำค่า สปอร์ต ดูดีและดูมีราคา ไม่จำเป็นต้องถูกประดับด้วยโลหะมีค่าหรือเพชรเหมือนกับแบรนด์แม่เสมอไป

หากคุณเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ต้องการสะสม ส่งต่อ หรือแลกเปลี่ยนนาฬิกา Tudor Black Bay GMT และ Rolex GMT-Master II Pepsi ทางร้านมีบริการ รับซื้อ Rolex สามารถเลือกดูนาฬิกามือสอง Tudor และ Rolex ของแท้ มือสอง จาก Siam Watch Club ร้านนาฬิกาอันดับ 1 จากกูรูนาฬิกาตัวจริงได้ที่เว็บไซต์ของเรา

6
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย / Rolex GMT-Master Ref. 1637 – “Clint Eastwood”
« เมื่อ: วันที่ 5 กันยายน 2023, 17:57:48 น. »
Rolex GMT-Master Ref. 1637 – “Clint Eastwood”



ชื่อเล่นของ “Clint Eastwood” นี้ เกิดขึ้นเมื่อนักแสดง Hollywood ชื่อดังผู้เป็นตำนานของวงการภาพยนตร์อย่าง Clint Eastwood ได้สวมใส่ นาฬิกา Rolex เรือนนี้บ่อยครั้งในภาพยนตร์ของเขาหลาย ๆ เรื่อง

7
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย / Rolex GMT-Master II ref 116710 BLNR – “Batman”
« เมื่อ: วันที่ 5 กันยายน 2023, 17:31:56 น. »
Rolex GMT-Master II ref 116710 BLNR – “Batman”



โรเล็กซ์รุ่น “Batman” นี้ เป็นนาฬิกาที่มาพร้อมกับขอบหน้าปัดเซรามิกเนื้อแข็งและมีผิวสองสี คือสีดำและน้ำเงิน เป็นชื่อเล่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Dark Knight เนื่องจากมีสีน้ำเงินและสีดำ เรามีบริการ รับซื้อ Rolex ด้วยราคาดีที่สุด

8
จัดอันดับตัวละคร Hollywood คนไหนใส่ นาฬิกา Luxury มากที่สุด

ถ้าหากพูดถึงสิ่งที่อยู่คู่กับวงการภาพยนตร์ Hollywood มาอย่างยาวนาน คงเลี่ยงที่จะพูดถึงคอสตูม เสื้อผ้า ทรงผม เครื่องประดับสุด Luxury และเทรนด์การแต่งหน้าและแต่งกายต่าง ๆ ที่ได้กลายเป็นสิ่งทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นไปไม่ได้



อย่างไรก็ดี หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ทรงอิทธิพลที่สุดของแฟชั่นจากภาพยนตร์ Hollywood ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มและทิ้งมรดกไว้จนถึงปัจจุบัน คงหนีไม่พ้นนาฬิกาแบรนด์ดัง หนึ่งในคอสตูมที่บ่งบอกคาแร็คเตอร์ของนักแสดง ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทุกครั้งที่ปรากฏตัวอยู่บนข้อมือ

แต่ทุกคนเคยสงสัยไหมว่าเครื่องประดับบอกเวลาที่สวมใส่อยู่บนข้อมือนักแสดงระดับแนวหน้า มีมูลค่าสูงแค่ไหน สำหรับท่านที่สงสัย Siam Watch Club ได้รวบรวมนาฬิกาแบรนด์ดังบนข้อมือของพระเอก Hollywood มาจัดอันดับความ Luxury จะมีแบรนด์ที่คุณคิดไว้หรือไม่ มาดูไปพร้อม ๆ กันได้เลย

อันดับ 4
นาฬิกา Omega Speedmaster




จากภาพยนตร์เรื่อง: Apollo 13 (1995)

ราคาโดยประมาณ: 26x,xxx+ บาท

สำหรับคอซีรีส์ Sci-fi คงไม่มีใครไม่รู้จัก Apollo 13 ภาพยนตร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากเค้าโครงเรื่องจริงในการปฏิบัติภารกิจเดินทางไปดวงจันทร์ แต่ความพิเศษระหว่างนาฬิกาแบรนด์ Omega และหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีเพียงแค่การที่นาฬิการุ่น Omega Speedmaster ถูกสวมอยู่บนข้อมือของทอม แฮงค์ผู้รับบทเป็นจิมเท่านั้น เพราะในโครงการ Apollo 13 ที่มีการปฏิบัติภารกิจจริง ๆ  Jim Lovell, Fred, Haise, Jack Swigert ลูกเรือทั้งสามของ Apollo 13  ได้สวมนาฬิกาจากทาง Omega ขึ้นไปบนห้วงอวกาศ โดยทาง Omega ได้ให้การสนับสนุนนาซ่าตั้งแต่ปฏิบัติการ Apollo 11 ที่ Neil Armstrong และคณะลูกเรือก็ได้สวมใส่นาฬิกาแบรนด์นี้ขึ้นไปปฏิบัติภารกิจเช่นกัน และในภายหลัง Omega จึงได้ออกคอลเลคชันนาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Apollo 11 ที่มีชื่อว่า SPEEDMASTER MOONWATCH นั่นเอง

อย่างที่ทุกคนทราบดีว่า Apollo 13 ได้เกิดการระเบิดของถังออกซิเจนขึ้นในขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปดวงจันทร์ จึงทำให้นาฬิกาที่สวมใส่ขึ้นไปบนอวกาศนั้นกลายเป็นปัจจัยสำคัญในภารกิจกู้ชีวิตกลับดาวโลก เมื่อยานลงจอดดวงจันทร์ลำเล็กที่ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ท่องอวกาศนาน ๆ เกิดความผิดพลาดจนเกิดการหลุดออกจากเส้นทางราว ๆ 60 ไมล์ทะเล เพื่อบังคับให้ยานกลับเข้าเส้นทางก่อนหลุดออกจากวงโคจรระหว่างโลกและดวงจันทร์ นักบินต้องทำการเบิร์นเชื้อเพลิงให้ถูกจังหวะ โดยมีเวลาจำกัดอยู่ที่ 14 วินาทีเท่านั้น ห้ามขาด ห้ามเกิน ในขณะที่ตัวเลขบนแผงวงจรดับลง เพราะความหนาวเย็นของสภาพอากาศ ทำให้พวกเขาต้องทำการตั้งค่าด้วยสองมือของตัวเอง โดยการอาศัยเวลาที่เที่ยงตรงของนาฬิกา Omega ที่สวมใส่ขึ้นไปนั่นเอง

อันดับ 3
Audemars Piguet Royal Oak Offshore



จากภาพยนตร์เรื่อง: Trainwreck (2015)

ราคาโดยประมาณ: 61x,xxx+ บาท

Audemars Piguet Royal Oak Offshore ได้ปรากฏตัวขึ้นในภาพยนตร์คอมเมดี้แห่งปีอย่าง Trainwreck โดยมันถูกสวมลงบนข้อมือของ LeBron James นักบาส NBA ชื่อดังภายใต้สังกัดของสโมสร Los Angeles Lakers แม้ James จะได้รับบทเป็นนักแสดงรับเชิญ ที่มีบทบาทและซีนในภาพยนตร์ไม่มากนัก แต่ความโด่งดังและฝีมือของเขาในสายอาชีพบาสเกตบอลก็สามารถสร้างเสียงฮือฮาให้กับการปรากฏกายในภาพยนตร์ Trainwreck ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการที่เขามีนาฬิกา Audemars Piguet Royal Oak Offshore เรือนโตสวมอยู่บนข้อมือ เป็นที่สะดุดตาของเหล่า Watch Collector จนกลายเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะตัวของ James เองยังเป็นนักสะสมนาฬิกาตัวยง เขามีคอลเลคชันนาฬิกาแบรนด์ดังไว้ในครอบครองเป็นจำนวนมาก บางเรือนก็เป็นเรือนหายากที่มีมูลค่ามากกว่าสิบล้านเลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ถ้าในการถูกรับเชิญไปแสดงภาพยนตร์ครั้งนี้ James จะสวมนาฬิกาเรือนสวยเป็นพร็อพประกอบตัวไปตลอดการแสดงทั้งเรื่อง

อันดับ 2
นาฬิกา Rolex Day Date



จากภาพยนตร์เรื่อง: Rain Man (1988)

ราคาโดยประมาณ: 7xx,xxx+ บาท

ภาพยนตร์เรื่อง Rain Man คงเป็นภาพยนตร์อาชญากรรม, แอคชั่นรางวัล Oscar เรื่องโปรดของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะแฟนคลับของเจ้าพ่อจอมบู๊ หนุ่มหล่อยุค 80’s อย่างทอม ครูซ ซึ่งเป็นอีกครั้งที่เขาได้รับบทบู๊ล้างผลาญในบทบาทของเซลล์ขายรถที่ได้สวมนาฬิกา Luxury Rolex Day Date ติดข้อมือไว้แทบตลอดเวลา ทั้งในบทของภาพยนตร์ยังเขียนให้ตัวละครพยายามนำนาฬิกาเรือนนี้ไปจำนำอีกด้วย หลังความสวยงามของ Rolex Day Date ได้สร้างเสียงฮือฮาให้แก่คนรักนาฬิกา ถึงกับมีนักสะสมนาฬิกาบางส่วนขนานนามว่า Rolex Day Date เป็นนาฬิกาที่โดดเด่นกว่านักแสดงที่สวมใส่ แต่ความจริงแล้วด้วยคาแรคเตอร์หนุ่มหล่อ สายลุยที่ถือได้ว่าเป็นไอคอนนักแสดงชายในยุคนั้นของทอมครูซได้เสริมให้นาฬิกาที่เขาสวมใสดูสวยงาม หรูหราและเป็นที่ต้องตาของใครหลาย ๆ คนมากขึ้น เรียกได้ว่าทั้งนักแสดงและนาฬิกาช่วยเสริมมูลค่าให้แก่กันและกันเป็นอย่างดี

อันดับ 1               
นาฬิกา Rolex GMT-Master




จากภาพยนตร์เรื่อง: Apocalypse Now

ราคาโดยประมาณ: 64,xxx,xxx+ บาท

ปิดท้ายด้วยภาพยนตร์สุดคลาสสิกที่คว้ารางวัล Oscar มาถึง 2 รางวัล และแสดงนำโดยนักแสดงชั้น A List ของวงการ Hollywood อย่าง Marlon Brando ผู้ที่เคยคว้ารางวัล Oscar ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปถึง 2 รางวัล หลาย ๆ คนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตาเขาจากการรับบทเป็น วีโต คอร์เลเอโน ในภาพยนตร์ The Godfather โดยที่ Marlon Brando ถูกยกย่องว่าเป็นนักแสดงที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อนักแสดงในยุคศตวรรษที่ 20 จึงทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเป็นที่จับตามองของประชาชนและสื่อมวลชน โดยเฉพาะในภาพยนตร์เรื่อง Apocalypse Now ในบทบาทของพันเอกวอลเทอร์ Marlon Brando ได้สวมใส่ Rolex GMT-Master เอาไว้ ถึงแม้ว่าฉากที่ปรากฏให้เห็นนาฬิกาเรือนดังกล่าวมีไม่มากนัก แต่การถ่ายแบบของเขาคู่กับนาฬิกา Rolex GMT-Master ก็กลายเป็นกระแสขึ้นมาและนาฬิกาเรือนจริงที่ Marlon Brando ใส่ถ่ายทำภาพยนตร์ ได้ถูกประมูลขายทอดตลาดไปในราคาราว ๆ 64,000,000 บาทเลยทีเดียว เรียกได้ว่าความโด่งดังของ Marlon Brando ทำให้ Rolex รุ่นดังกล่าว กลายเป็นตำนานเลยก็ว่าได้

จาก 4 อันดับที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า นาฬิกาหรู และวงการภาพยนตร์เป็นของคู่กัน ทั้งตัวแบรนด์นาฬิกาและนักแสดงเองก็ช่วยส่งเสริมมูลค่าให้แก่กันและกัน ถึงแม้บางเรือนจะกลายเป็นตำนานที่หาซื้อขายได้ยาก แต่ยังมีหลาย ๆ เรือนที่วางจำหน่ายตามท้องตลาด หากคุณกำลังมองหานาฬิการุ่นตามตัวละคร Hollywood สามารถดู collection นาฬิกาเหล่านี้ได้จาก Siam Watch Club ร้านขายนาฬิกามือสอง แหล่งรวมแบรนด์นาฬิกาชั้นนำหลากหลายยี่ห้อจากทั่วทุกมุมโลก

9
Siam Watch Club ให้บริการรับซื้อนาฬิกาด้วยราคาสูงที่สุด ไม่กดราคา ประเมินราคารวดเร็ว และยังสามารถเทรดแลกเปลี่ยนนาฬิกามือสองได้ด้วย มั่นใจในบริการเพราะเรามั่นคงเปิดมายาวนานกว่า 10 ปี ทางร้านรับซื้อทั้งนาฬิกามือหนึ่งและนาฬิกามือสอง นาฬิกาแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง รับซื้อ Rolex, รับซื้อ Audemars Piguet, รับซื้อ AP, รับซื้อ Patek Phillipe, รับซื้อ Omega, รับซื้อ Panerai[/b]



แอดไลน์ @siamwatchclub1
หรือ สแกน QR Code ได้เลย...



ขั้นตอนการขายนาฬิกาง่ายๆ
เรา รับซื้อนาฬิกา ของคุณถึงที่ ขายนาฬิกาได้แม้อยู่ที่บ้าน ประเมินราคารวดเร็วด้วยทีมงานมืออาชีพ
1
แอดไลน์ร้าน
ติดต่อร้านผ่านทาง Line เพื่อง่ายต่อการพูดคุย
2
ส่งข้อมูลนาฬิกา
เตรียมข้อมูล รูปนาฬิกา อุปกรณ์ และตำหนิต่างๆ
3
นัดรับเงินสด
ตกลงราคา และนัดส่งมอบนาฬิกาพร้อมรับเงินสด

ขายนาฬิกาที่ไหนดีที่สุด?
วิธีขายนาฬิกา หรือเลือกร้านรับซื้อนาฬิกามีหลากหลายวิธี ...แต่วิธีไหนที่ใช่สำหรับคุณ?
1. เดินไปเร่ขายตามร้านรับซื้อนาฬิกาในห้างดัง อาจถูกกดราคา เพราะหน้าร้านมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องมีกำไร อาจต้องรับการตำหนิต่างๆเกี่ยวกับนาฬิกา บางท่านอาจรู้สึกอายหรือเสีย หน้าเล็กน้อย
2. ไปโรงรับจำนำที่รับซื้อนาฬิกา มีข้อดีคือสามารถซื้อกลับได้บวกดอกเบี้ยหากแค่ต้องการเงินชั่วคราว แต่หากต้องการขายแน่นอนส่วนใหญ่จะได้ต่ำกว่าราคาตลาด
3. ขายเพื่อน ขายญาติ วิธีนี้ดีที่สุดครับ เพราะขายถึงผู้ใช้โดยตรงน่าจะได้ราคาที่ดี ขาดทุนน้อยกว่าวิธีอื่น
4. ลงขายเองในเว็บขายของมือสองต่างๆ วิธีนี้เป็นการวัดดวงถ้าเจอลูกค้าดีก็โชคดีไป แต่ถ้าเจอพวก กวน มึน โฮล ก็ปวดหัว ดูแล้วไม่จบ เสียเวลานัดหมาย

หากวิธีข้างต้นไม่ใช่คำตอบแต่คุณต้องการความรวดเร็ว และแน่นอนเราให้ราคาที่คุณพอใจที่สุด ขายนาฬิกากับเว็บรับซื้อนาฬิกา Siam Watch Club แบบครบวงจร


ทำไมต้องซื้อขายนาฬิกากับเรา
ยินดีให้คำปรึกษาสำหรับลูกค้าที่สนใจ ขายนาฬิกา ซื้อนาฬิกามือสองของแท้ทุกแบรนด์
รับซื้อนาฬิกา
ให้ราคาดี ไม่กดราคา
ด้วยความจริงใจที่มีมาตรฐานเรามีนโยบายประเมินราคาตลาด 'ไม่กดราคา' และที่สำคัญคือเรา 'ไม่กดดันลูกค้า' หากคุณยังไม่ได้ราคาที่คุณพอใจไม่ว่าจะเป็นผู้ค้ารายย่อยหรือรายใหญ่ เราให้ราคาที่มีมาตรฐานเท่าเทียม
แนะนำนาฬิกา
ยินดีให้คำปรึกษา
สามารถพูดคุย และสอบถามเพื่อหาคำตอบที่ดีสุดจากเราได้ทุกเมื่อ เสมือนคุยกับเพื่อน หากแต่ข้อมูลที่คุณได้รับจะมีแต่ถูกต้องแม่นยำ เพื่อเป็นประโยชน์กับการขายนาฬิกาครั้งนี้อย่างที่สุด
รับซื้อนาฬิกาด้วยเงินสด
รับซื้อนาฬิกาถึงที่
เรามีความพร้อมในการให้บริการทั้งหน้าร้านที่ปลอดภัย หรือการนัดพบนอกสถานที่ตามความสะดวกของลูกค้า ไม่ต้องเสียเวลา เสียความรู้สึกไปขายตามร้านต่างๆหรือโรงรับจำนำ ประเมินราคา ฟรี

แบรนด์นาฬิกาที่เรารับซื้อ รับซื้อนาฬิกา กรุงเทพ ทุกเขต
รับซื้อนาฬิกาแบรนด์ดังทุกแบรนด์ ไม่จำกัดงบ ซื้อขายนาฬิกาด้วยความยุติธรรม
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ A Lange & Sohne
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ AP Audemars Piguet
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Breguet
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Breitling
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ cartier
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Chopard
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Corum
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Franck Muller
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Grand Seiko
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Hublothttps://financesod.com/Themes/default/images/bbc/unformat.gif
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ IWC
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Jaeger LeCoultre JLC
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ omega
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ panerai
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ patek phillipe ปาเต๊ะ
แบรนด์นาฬิกา บซื้อ Rolex
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Tag Heuer
แบรนด์นาฬิกา รับซื้อ Zenith
*รับซื้อเฉพาะนาฬิกาแบรนด์เนมระดับ High-End ของแท้เท่านั้น ดังตัวอย่างแบรนด์ด้านบน
**ทางร้านไม่รับซื้อ นาฬิกาของปลอม แบรนด์แฟชั่นทั่วไป หรือนาฬิกาที่มีราคาหลักพัน (<฿10,000) ซึ่งทางร้านไม่มีความเชี่ยวชาญ

10
Rolex Sky-Dweller กับเรื่องที่คุณอาจยังไม่เคยรู้
Rolex แบรนด์นาฬิกาหรูที่ไม่มีใครไม่รู้จัก นอกเหนือจากนาฬิการุ่นดัง ๆ อย่าง Rolex Oyster หรือ Rolex Submariner อีกหนึ่งเรือนเวลาที่น่าจับตามองได้แก่ Rolex Sky-Dweller สัญลักษณ์ใหม่ของนักเดินทางจาก นาฬิกา Rolex พิเศษอย่างไร มีอะไรที่คุณควรรู้เกี่ยวกับนาฬิกาเรือนนี้ ไปดูกัน






เมื่อปี 2022 ที่ผ่านมานั้น นับว่าเป็นการครบรอบทศวรรษของ Rolex Sky-Dweller เรียกได้ว่าเป็นการเฉลิมฉลองให้กับช่วงเวลา 10 ปีแห่งความเที่ยงตรง มีสไตล์ และความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีของ Oyster Perpetual Sky-Dweller ที่เปิดตัวในปี 2012 Rolex Sky-Dweller นั้นเป็นนาฬิกาที่สร้างขึ้นสำหรับผู้ที่หลงใหลในการออกเดินทางหรือนักเดินทางท่องโลก แต่ไม่ใช่สำหรับวงการการบินดังเช่น GMT-Master การสร้างสรรค์ Rolex Sky-Dweller นั้นเรียกว่าเป็นสิ่งที่หาได้ยากจาก Rolex เพราะโดยทั่วไปแล้วแบรนด์มักจะคำนึงถึงประวัติศาสตร์หรือมรดกตกทอดที่มาจากรุ่นคลาสสิกอันเก่าแก่ สร้างความขลังให้กับความเป็น Rolex แต่สำหรับ Rolex Sky-Dweller นั้นกลับสื่อถึงความต้องการสร้างสรรค์สิ่งแปลกใหม่และไม่เหมือนใครขึ้นมาให้กับ Rolex

ผลลัพธ์ที่ได้คือนาฬิกาที่มีรูปแบบและรูปลักษณ์ฉบับใหม่เอี่ยม ฟังก์ชันการทำงานใหม่อันแสนน่าทึ่ง ขนาดหน้าปัดที่ใหญ่โต 42 มม. และสร้างความน่าตะลึงให้กับทั้งโลกด้วยหน้าปัดที่ซับซ้อนอย่างไม่เคยมีมาก่อนของ Sky-Dweller แต่กลับใช้งานง่ายอย่างเหลือเชื่อ และในประวัติศาสตร์อันสั้นนั้น เราจะเห็นได้ว่า Sky-Dweller มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาอะไรบางอย่างอยู่ตลอด ๆ อย่างไรก็ตาม Rolex นั้นยังคงเป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์อีกมากมายให้กับวงการเรือนเวลาด้วยนาฬิกาเรือนนี้ แต่กระนั้นแล้วยังคงมีบางสิ่งบางอย่างที่คุณเองก็อาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อนเกี่ยวกับ Rolex Sky-Dweller เช่นกัน

ก่อนที่เราจะเข้าสู่วิวัฒนาการการออกแบบของ Sky-Dweller ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจพื้นฐานที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เริ่มจาก Calibre 9001 ที่สร้างขึ้นสำหรับนาฬิกาเรือนนี้โดยเฉพาะ กลไกอัตโนมัติที่ได้รับการรับรองจาก COSC Calibre 9001 มีอัตราการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง สำรองพลังงานได้นานถึง 72 ชั่วโมง มาพร้อมขดลวด Hairspring Parachrom สีน้ำเงินที่ช่วยในการบอกเวลาให้แม่นยำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อีกทั้งยังทนทานต่อสนามแม่เหล็กและความผันผวนของอุณหภูมิ Calibre 9001 ยังติดตั้ง Paraflex เพื่อรับประกันในเรื่องของหน่วยควบคุมความเร็วให้ไม่คลาดเคลื่อน แต่ที่น่าประทับใจที่สุดคือ Rolex Cal. 9001 นั้นยังทำงานควบคู่กันกับกรอบนาฬิกา ปฏิทินแบบรายปี และฟังก์ชัน GMT

1. กรอบนาฬิกา เพื่อช่วยให้การตั้งค่านาฬิกาง่ายขึ้นสำหรับผู้สวมใส่

แทนที่กรอบนาฬิกานั้นจะเป็นเพียงองค์ประกอบเพื่อการตกแต่งที่สวยงามให้กับนาฬิกา แต่กรอบแบบร่องของ Rolex Sky-Dweller หรือที่เรียกว่ากรอบ ‘Ring Command’ นั้นคืออีกวิธีที่ผู้สวมใส่สามารถเลือกได้ว่าจะตั้งค่าฟังก์ชันไหนอย่างไร โดยผู้สวมใส่สามารถตั้งค่าเดือนและวันที่ เวลาอ้างอิง และเวลาท้องถิ่นได้ที่กรอบนาฬิกาโดยขึ้นอยู่กับตำแหน่งของกรอบเพียงแค่หมุนเม็ดมะยม นอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่คุณต้องรู้คือขอบตัวเรือนของ Rolex Sky-Dweller นั้นจะทำจากทอง 18k เสมอ แม้แต่ในรุ่นสแตนเลสสตีลก็ตาม


2. Rolex Sky-Dweller นั้นมีฟังก์ชันปฏิทินรายปี

ปฏิทินรายปีนับว่าเป็นฟังก์ชันปฏิทินขั้นสูงอันดับสองที่พบในนาฬิกาแบรนด์หรูต่าง ๆ แม้ว่านาฬิกา Rolex Sky-Dweller จะไม่มีระบบปีอธิกสุรทิน (29 กุมภาพันธ์) แต่ Rolex กลับไม่มีปัญหาการนับวันที่ผิดพลาดสำหรับเดือนที่มี 30 และ 31 วัน ด้วยเหตุนี้ ข้อจำกัดของปฏิทินรายปีใน Rolex Sky-Dweller คือผู้สวมใส่จำเป็นจะต้องปรับปฏิทินด้วยตนเองปีละครั้งในวันสิ้นเดือนกุมภาพันธ์

นอกจากนั้นแล้ว Rolex Sky-Dweller จะแสดงวันที่สำหรับผู้สวมใส่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกาใต้เลนส์ไซคลอปส์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของแบรนด์ สำหรับเดือนนั้นจะถูกระบุด้วยการแสดงสีในช่องเล็ก ๆ เหนือเลขบอกแต่ละชั่วโมง ตัวอย่างเช่น มกราคมคือเลข 1 นาฬิกา กุมภาพันธ์คือ 2 นาฬิกา และเดือนอื่น ๆ ต่อ ๆ กันไป

3. Rolex Sky-Dweller เป็นนาฬิกา GMT

อีกสิ่งที่ทำให้นาฬิกาเรือนนี้สมบูรณ์แบบมาก ๆ สำหรับนักเดินทางหรือผู้ที่เดินทางบ่อย ๆ ก็คือฟังก์ชัน GMT ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถติดตามโซนเวลาที่ต่างกันสองโซนได้พร้อม ๆ กัน ยิ่งไปกว่านั้น กลไกที่ซับซ้อนนั้นก็ซับซ้อนมากเสียจนไม่ต้องใช้ชิ้นส่วนกดใด ๆ เพิ่มเติมในการเข้าถึงหรือปรับค่าเวลา เพียงแค่มีกรอบ Ring Command ที่แสนเก๋กว่าใคร อีกทั้งยังให้ความสวยงามพร้อมทั้งเชื่อมโยงโดยตรงกับกลไก Calibre 9001 ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับค่าต่าง ๆ ได้ง่ายดาย จึงทำให้ Rolex Sky-Dweller ครองใจใครหลาย ๆ คนได้ไม่ยาก

Rolex Sky-Dweller นั้น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความพิเศษของผู้ที่รักในการเดินทางและเป็นอีกหนึ่งความแปลกใหม่จาก Rolex ซึ่งถ้าหากคุณต้องการตามหา ซื้อ ขาย หรือส่งต่อนาฬิกา Rolex Sky-Dweller ก็สามารถติดต่อเราผ่านไลน์ไอดี @siamwatchclub ได้เสมอ


11
ส่องข้อมือนักการเมืองไทย ใส่นาฬิกาอะไรไปดูกัน!
เป็นกระแสร้อนแรงสุด ๆ ในประเทศไทยกับการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา และแน่นอนว่านักการเมือง มักมาคู่กับนาฬิกา Siam Watch Club จึงขอพาทุกท่านมาส่องข้อมือนักการเมืองไทยกันว่าพวกเขาใส่อะไร


หากกล่าวถึงประเด็นร้อนแรงที่ทุกคนต่างให้ความสนใจคงหนีไม่พ้นกระแสการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ประชาชนต่างก็เฝ้ารอและคอยลุ้นว่าพรรคไหน นักการเมืองคนใดที่จะได้ขึ้นรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทยกันแน่ สิ่งนี้นับเป็นจุดสนใจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเช่นกัน ในขณะเดียวกันนั้น เรา ในฐานะผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการนาฬิกาคงยังมีอีกหนึ่งสิ่งที่เรามักจะสังเกตเห็นจากนักการเมืองทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจอันได้แก่ นาฬิกาที่พวกเขาสวมใส่ หากใครที่กำลังอยากทราบว่านักการเมืองแต่ละท่านใส่นาฬิกาเรือนใดอยู่ มาดูไปพร้อมกันกับเรา Siam Watch Club











พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
RICHARD MILLE RM 029

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จากที่ทางเราสังเกตเห็นเรียกได้ว่าท่านแทบจะเป็นแฟนคลับของ นาฬิกา RICHARD MILLE เลยก็ว่าได้ เพราะท่านมักจะสวมใส่ RICHARD MILLE อยู่บ่อย ๆ จนเกิดเป็นคำค้นหายอดฮิตอย่าง “นาฬิกาประวิตร” อยู่พักใหญ่ สำหรับนาฬิกาที่เราเลือกนำมาให้ดูในวันนี้คือ RICHARD MILLE RM 029 มีราคาอยู่ที่ราว ๆ 4 เกือบ 5 ล้านบาทไทย นอกเหนือจากเรือนนี้ เรายังเห็นท่านสวมนาฬิกา RICHARO MILLE RM 030 BLACK DASH LIMTED EDITION ไว้บนข้อมือด้วยเช่นกัน ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้มีราคาอยู่ที่ราว ๆ 10 ล้านบาทไทย เรียกว่าถ้าไม่รักจริง คงไม่ลงทุนซื้อนาฬิกามูลค่าสูงขนาดนี้อย่างแน่นอน RICHARD MILLE เป็นนาฬิกาที่โดดเด่นในด้านความสปอร์ต มาพร้อมสายหนังอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ บุคคลมีชื่อเสียง ดารา เซเลปและผู้มีอิทธิพลมากมายก็ล้วนสวมใส่นาฬิกาแบรนด์นี้กันอย่างมากหน้าหลายตา


คุณแพทองธาร ชินวัตร
BVLGARI SERPENTI SINGLE SPIRAL ITALIAN TUBOGAS

พรรคอันดับ 2 ตัวแม่แห่งวงการมินต์ช็อก คุณแพทองธาร ชินวัตร หรือ คุณอุ๊งอิ๊ง เรียกได้ว่านอกจากความสามารถในการเป็นแคนดิเดตคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนมักพูดถึงคือสไตล์และแฟชันของคุณอุ๊งอิ๊ง สำหรับนาฬิกาที่เราสังเกตเห็นคือนาฬิกาที่ได้รับเลือกให้อยู่บนข้อมือของเธอนั้น ถือว่าเป็นตัวแทนอันทรงเสน่ห์จากมรดกกรีกโบราณอย่างแบรนด์ BVLGARI และรุ่นที่คุณแพทองธารใส่อยู่คือ BVLGARI SERPENTI SINGLE SPIRAL ITALIAN TUBOGAS นาฬิกางูแสนโดดเด่น หน้าปัดสีแดง ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้ผู้สวมใส่เหมือนถูกต้องมนตร์สะกด BVLGARI เรียกได้ว่าเป็นแบรนด์นาฬิกาที่เป็นทั้งเครื่องประดับแสนสง่าในตัว จึงไม่แปลกใจที่เราจะเห็นบรรดาสตรีที่มีอิทธิพลมากมายเลือกสวมใส่นาฬิกาแบรนด์นี้

คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์
PATEK PHILIPPE CALATRAVA YELLOW GOLD FULL-SET 3919J

สำหรับนาฬิกาของคุณพิธานั้น ในภาพที่ใช้หาเสียงของพรรคก้าวไกลเราจะเห็นคุณพิธาสวมใส่นาฬิกา Apple Watch Series 8 พร้อมด้วยเคส Apple Watch Case Ev – SILVER ราคารวมอยู่ที่ราว ๆ 50,000 บาท แต่หากย้อนกลับไปในชีวิตประจำของคุณพิธาหรือหากใครที่สงสัยว่าท่านจะมีนาฬิกาเรือนใดไว้ในครอบครองบ้าง เกิดเป็นความสงสัยจนต้องเข้า google เพื่อไปค้นหา “นาฬิกาพิธา” เผื่อจะหาซื้อมาใส่ตามบ้าง ซึ่งนอกเหนือจาก Apple Watch ยังมีนาฬิกาอีกเรือนที่เรียกว่าคงความคลาสสิกและน่าสนใจไม่แพ้กันอันได้แก่ นาฬิกา PATEK PHILIPPE CALATRAVA YELLOW GOLD FULL-SET 3919J ราคาอยู่ที่ราว ๆ 500,000 บาทไทย และแน่นอนว่าไม่น่าแปลกใจนักที่เราจะเห็นคุณพิธาเลือกนาฬิกา PATEK PHILIPPE ไว้เป็นหนึ่งในคอลเล็กชัน ด้วยความขลังของแบรนด์ อีกทั้งยังช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น นาฬิกาเรือนนี้จึงถูกเลือกเป็นอีกเรือนเวลาคู่กายของว่าที่นายกคนถัดไปของประเทศไทย


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
PATEK PHILIPPE AQUANAUT TRAVEL TIME5164A-001

“นาฬิกาประยุทธ์” คงเป็นอีกหนึ่งคำค้นหาที่มาแรงไม่แพ้กันกับ “นาฬิกาประวิตร” สำหรับเรือนที่ทุกท่านเห็นพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ใส่อยู่นั้นคือ PATEK PHILIPPE AQUANAUT TRAVEL TIME5164A-001 ที่ขณะนี้มีราคาอยู่ที่ราว ๆ 3 ล้านบาท (ราคาไม่แน่นอนตามความต้องการตลาดในตอนนั้น ๆ) นาฬิกาเรือนนี้ถูกท่านสวมใส่ขณะออกรายการลุยเลือกตั้งหรือแม้กระทั่งตอนเข้าสภา โดดเด่นในเรื่องของการบอกเวลา Dual Time Zone ดูเวลาสองเขตได้พร้อมกัน

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า
PATEK PHILIPPE AQUANAUT TRAVEL TIME5164A-001

และเรือนสุดท้ายกับร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สวมใส่ รับซื้อนาฬิกา PATEK PHILIPPE AQUANAUT TRAVEL TIME5164A-001 รุ่นเดียวกันกับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่แน่นาฬิกาเรือนนี้อาจได้รับความสนใจจากนักการเมือง จึงถูกหยิบมาใส่จากทั้งสองท่านด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม ทั้งร.อ.ธรรมนัสและพลเอกประยุทธ์ ต่างก็เคยอยู่ในพรรคเดียวกัน จึงไม่น่าแปลกนักที่จะเห็นทั้งสองท่านเลือกนาฬิกาแบบเดียวกันมาเป็นนาฬิกาประจำกาย

สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ ถึงแม้ผลโหวตจากทั่วประเทศจะเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตาม เรายังต้องรอกระบวนการตรวจสอบและกระบวนการโหวตจากสว. ในสภาก่อนจะได้รับการยืนยันและประกาศว่าผู้ใดจะครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ทางเราก็ได้แต่หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความโปร่งใส และราบรื่นตามระบอบประชาธิปไตย
สนใจดูคอลเล็กชันนาฬิกาจาก Siam Watch Club? สามารถกด >>ที่นี่<< เพื่อรับชมได้ทันที

12
นาฬิกา Frederique Constant นาฬิกานอกกระแสที่ควรถูกค้นพบ!
นาฬิกา frederique constant นาฬิกาที่ชื่ออาจจะไม่คุ้นหูหลาย ๆ ท่าน แต่กลับมากด้วยความน่าสนใจ จะมีเรือนไหนบ้างที่ควรรู้จัก มาดูกัน

รู้จักกับเรื่องราวของ Frederique Constant

Frederique constant อาจกล่าวได้ว่าเป็นบริษัทนาฬิกาที่ค่อนข้างใหม่ถ้านับจากบรรดาแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิสหลากหลายแบรนด์ บริษัทนาฬิกา frederique constant มีจุดเริ่มต้นในปี 1988 จากคุณ Aletta Francoise Stas-Bax และคุณPeter Stas ผู้ก่อตั้งบริษัทนี้ขึ้นมา โดยตามตำนานกล่าวว่าชื่อบริษัทมาจากการรวมกันของชื่อคุณปู่ของผู้ก่อตั้งทั้งสอง: Frederique Schreiner และ Constant Stas และถึงแม้ว่าบริษัทอาจไม่มีประวัติการผลิตนาฬิกายาวนานถึง 150 ปี แต่พวกเขาก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ เช่นกัน บริษัทของพวกเขาเรียกได้ว่ายุ่งมากในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อพัฒนารุ่นใหม่ ๆ และในปี 1992 Frederique Constant ได้เปิดตัวคอลเล็กชันนาฬิกาเจนีวา 6 เรือนที่ประกอบด้วยกลไกสไตล์นาฬิกาสวิส










สองปีต่อจากนั้น บริษัทได้ผลิตนาฬิการุ่น “Heartbeat” รุ่นแรกออกมา ซึ่งมีหน้าต่างที่หน้าปัดเพื่อให้มองเห็น Balance wheel ที่เต้นเป็นจังหวะดังเช่นชื่อรุ่น Heartbeat ได้อย่างชัดเจน ในเวลานั้นสิ่งนี้ค่อนข้างเป็นนวัตกรรมที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้วงการนาฬิกาเช่นกัน

หากกล่าวถึงนาฬิกา Frederique Constant นั้น แบรนด์จะให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์ความหรูหราในราคาย่อมเยามาโดยตลอด และนาฬิกาหลายเรือนของพวกเขามักจะใช้กลไก ETA ที่ดัดแปลงขึ้นมาเพื่อให้บรรลุความตั้งใจดังกล่าวอยู่เสมอ แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วบริษัทก็ยังได้ออกแบบกลไกที่ทำด้วยมือระดับ high-end ของตัวเองด้วยเช่นกัน นั่นคือรุ่น FC-910 ในปี 2004 แต่สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือการเปิดตัว tourbillon ในปี 2008 และในปี 2015 แบรนด์ก็ได้เปิดตัว Smart watch แบบไฮบริดที่ผสมผสานการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิมเข้ากับเทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่รู้จักของคนในแวดวงนาฬิกามากขึ้น ต่อมาในปี 2016 Frederique Constant ได้มีการเปิดตัวนาฬิกาที่มาพร้อมปฏิทินถาวรทั่วไป ที่น่าประทับใจที่สุดคือ tourbillon แบบปฏิทินถาวรในปี 2018 แต่อีกสิ่งที่น่าสังเกตคือแม้ขณะที่บริษัทมีอายุเพียง 14 ปี Frederique Constant กลับสามารถซื้อแบรนด์นาฬิกา Alpina ที่เก่ากว่ามากได้สำเร็จ ทำให้ทั้งสองบริษัท (รวมถึง Ateliers DeMonaco) อยู่ภายใต้การดูแลของ Frederique Constant Group

4 นาฬิกา Frederique Constant น่าสะสม
นาฬิกา frederique constant-apr-2023-Frederique Constant Classic Heartbeat Automatic
นาฬิกา Frederique Constant Classic Heartbeat Automatic

Classic Heartbeat มีขนาดพอเหมาะและดูคลาสสิก ตัวเรือนทำจากสเตนเลสสตีลขัดเงามีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 40 มม. ตัวเรือนมีความหนา 11 มม. มาพร้อมหน้าปัดสีเงินและตัวเลขโรมันสีดำ ปิดท้ายด้วยสายหนังสีดำสุดคลาสสิก บริเวณหน้าปัดนาฬิกามีคริสตัลแซฟไฟร์แบบนูนและฝาหลังแบบใสที่ช่วยให้นาฬิกาเรือนนี้กันน้ำได้ลึก 50 เมตร พร้อมด้วยจุดเด่นคือหน้าต่าง Heartbeat ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา Heartbeat Automatic ใช้การเคลื่อนไหวอัตโนมัติ FC303 ปรับปรุงมาจาก Sellita SW200-1
นาฬิกา frederique constant-apr-2023-Frederique Constant Healey Chronograph Automatic
นาฬิกา Frederique Constant Healey Chronograph Automatic

นาฬิกาเรือนนี้ช่วยให้ความสปอร์ตและมีกลิ่นอายของความเป็นนาฬิกาประจำสนามรถแข่งด้วยดีไซน์ที่เหมือนกับ console รถยนต์ ตัวเรือน Healey Chronograph ทำจากสเตนเลสสตีลที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม. โดดเด่นด้วยโทนสี British Racing Green พร้อมหน้าปัดย่อยสีขาวที่ตำแหน่ง 3 และ 9 นาฬิกา เข็มนาฬิกาเป็นสีเงินและสีแดง มาพร้อมหน้าปัดคริสตัลแซฟไฟร์แบบนูนและฝาหลังแบบใสทำให้สามารถกันน้ำได้ลึก 50 เมตร ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ FC397

นาฬิกา frederique constant-apr-2023-Frederique Constant Classic Moonphase Manufacture
นาฬิกา Frederique Constant Classic Moonphase Manufacture

การผลิตนาฬิกา Moonphase เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของบรรดานาฬิกาสวิสที่ทุกแบรนด์ต้องมี Frederique Constant สร้างนาฬิกาเรือนนี้ขึ้นเองทั้งหมดภายในโรงงานของพวกเขา ตั้งแต่ดีไซน์รวมไปถึงกลไกการทำงานด้วยเช่นกัน และด้วยตัวเรือนเคลือบสีโรสโกลด์ รับรองว่าจะต้องสะดุดตาอย่างแน่นอนหากคุณเลือกที่จะสวมใส่นาฬิกาเรือนนี้ ตัวเรือนของ Classic Moonphase ทำมาจากสเตนเลสสีโรสโกลด์ มีขนาด 42 มม. มาพร้อมคริสตัลแซฟไฟร์แบบนูนและฝาหลังแบบซีทรูทำให้สามารถกันน้ำได้ 50 เมตรเช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า มาพร้อมสายหนังสีน้ำตาลเข้าคู่กันกับหน้าปัดสีเงินและตัวเลขโรมันพิมพ์สีดำ อีกดาวเด่นของนาฬิกาเรือนนี้คือกลไกข้างขึ้นข้างแรม ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ขณะที่ตัวบอกวันที่อยู่ ณ ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ทำงานภายใต้กลไกอัตโนมัติ FC-712 ที่ผลิตขึ้นเอง

นาฬิกา frederique constant-apr-2023-Frederique Constant Classic Worldtimer Manufacture
นาฬิกา Frederique Constant Classic Worldtimer Manufacture

นาฬิกา Worldtimer ของ Frederique Constant นั้นค่อนข้างเป็นที่นิยมด้วยตัวเรือนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 42 มม. หนา 12 มม. อันช่วยทำให้ข้อมือดูแข็งแรง และในความหนาเท่านี้ นาฬิกาเรือนนี้มาพร้อมคริสตัลแซฟไฟร์แบบนูน มีความสามารถในการกันน้ำลึก 50 เมตร พร้อมด้วยสายหนังสไตล์จระเข้ที่ช่วยเพิ่มความมีระดับ อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญอย่างหน้าปัด World timer แสนโดดเด่น โดยนาฬิกาเรือนนี้จะมีแผนที่โลกสามมิติตรงกลางหน้าปัดและตัวนับวันที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา สามารถปรับค่าผ่านเม็ดมะยม วงแหวนด้านในสามารถบอกช่วงยามกลางวันและกลางคืนผ่านสีที่ต่างกัน

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์นาฬิกาที่น่าจับตามองไม่แพ้แบรนด์ดังอื่น ๆ ถ้าหากคุณมองหา รับซื้อนาฬิกา Frederique Constant อยู่ สามารถติดต่อเรา Siam Watch Club ได้เช่นกัน

13
Harry Winston กับนาฬิกาเรือนพิเศษเพื่อสนับสนุนการวิจัยโรคเอดส์
เป็นอีกครั้งที่วงการนาฬิกาหันมาทำการกุศลเพื่อสร้างเสริมสังคมที่ดีกว่า เมื่อแบรนด์อัญมณีแสนโด่งดังพ่วงมาด้วยตำแหน่งอันน่าเกรงขามในวงการ นาฬิกา Harry Winston เปิดตัวนาฬิกา Limited Edition รุ่นใหม่ Countdown to a Cure สนับสนุนการวิจัยโรคเอดส์





กว่าจะมาเป็น Harry Winston
Harry Winston อีกหนึ่งแบรนด์นาฬิกาที่ก่อนจะมาบุกเบิกวงการนาฬิกานั้น พวกเขาขึ้นชื่อได้ว่าเป็นอีกหนึ่งราชาแห่งวงการอัญมณี โดยเรื่องราวของแบรนด์นั้นเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณ Harry Winston ผู้เกิดและโตมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเครื่องประดับ คุณ Harry ในตอนนั้นเป็นคนฉลาดและมีหัวการค้า เขานำเอามรกต 2 กะรัตที่ซื้อจากโรงจำนำด้วยราคา 25 เซนต์มาขายต่อในราคา 800 ดอลลาร์ และเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยตัวเองตั้งแต่ปีค.ศ. 1920 จวบจนสามารถก่อตั้งแบรนด์ Harry Winston ได้ในปีค.ศ. 1932 และในปีค.ศ. 1935 เขาได้ซื้อเพชรเม็ดงามเม็ดหนึ่งชิ้นแรกของแบรนด์มา นั่นก็คือ Jonker จากนั้นเรื่องราวของแบรนด์ Harry Winston และบรรดาอัญมณีก็โด่งดังและมีชื่อเสียงมาโดยตลอดจากการเป็นเครื่องเพชรของทั้งดยุก ดัชเชส หรือดาราต่าง ๆ มากมายหลายท่าน แต่อีกสิ่งที่เราต้องพูดถึงคือการก้าวเข้าสู่วงการนาฬิกาของ Harry Winston

Harry Winston นั้นเปิดตัวคอลเล็กชันนาฬิกาเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1989 และเข้าสู่โลกแห่งวงการการผลิตนาฬิกาชั้นสูงต่าง ๆ มากมาย โดยวางขายคู่กันกับเครื่องประดับ และหลังจากปี ค.ศ. 2001 แบรนด์ได้ทำการเปิดตัวนาฬิกา Limited Edition ออกมาทุก ๆ ปีต่อจากนั้น อีกหนึ่งเรือนเวลาที่สร้างชื่อเสียงคงหนีไม่พ้นเรือนที่ทำจาก Zalium อันเป็นโลหะผสมกับเซอร์โคเนียม การเดินทางในวงการนาฬิกาของเขาไปได้สวยจนสามารถเปิดโรงงานผลิตนาฬิกาในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี ค.ศ. 2007 และสร้างนาฬิกา Histoire de Tourbillon นาฬิกาแสนซับซ้อนและโด่งดังที่สุดอีกหนึ่งเรือนในไลน์การผลิตนาฬิกา

และอีกหนึ่งเรือนเวลาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เช่นกัน เพราะเป็นนาฬิกาที่มาพร้อมความสง่างามทั้งการออกแบบและวัตถุประสงค์ที่สร้างขึ้นอย่าง Harry Winston Countdown to a Cure นาฬิกาที่พร้อมมอบรายได้ 20% จากการขายให้กับ The American Foundation for AIDS Research

Harry Winston Countdown to a Cure นาฬิกาเพื่อสนับสนุนการวิจัยโรคเอดส์

Harry Winston ในปี 2016 นั้นมาพร้อมกับการเปิดตัวนาฬิกา Limited Edition ตัวใหม่ ภายใต้ชื่อ Harry Winston Countdown to a Cure Timepiece ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อความพยายามของ amfAR (The American Foundation for AIDS Research) ในการพัฒนาวิธีรักษา HIV/AIDS ซึ่งร้อยละ 20 ของราคาที่นาฬิกาแต่ละเรือน จะถูกนำไปบริจาคเพื่อการกุศล โดยในคอลเล็กชันนี้ จะจำกัดจะผลิตอยู่ที่ 40 เรือน เป็นนาฬิกาสำหรับสุภาพสตรี 20 เรือนและนาฬิกาสำหรับสุภาพบุรุษ 20 เรือน



ซึ่งแม่แบบในการผลิตนาฬิกาทั้งสองรุ่นนั้นมาจาก Midnight Collection โดยรุ่นสำหรับสุภาพบุรุษมีการออกแบบที่เรียบง่าย มาพร้อมการเคลื่อนไหวอัตโนมัติอันถูกติดตั้งในตัวเรือน White gold ขนาด 42 มม. พร้อมด้วยหน้าปัดสีเหลือบ ๆ กรมท่าพร้อมด้วยหลักบอกเวลาแบบบาตอง ในส่วนของตัวบอกนาทีนั้นดีไซน์โดยใช้สีอันหลากหลายจากองค์กร amfAR อยู่ติดกันกับบริเวณกรอบนาฬิกาอันเป็นวงกลมรอบวง ซึ่งสีเหล่านี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของโรคจาก “วิกฤตสู่โอกาสในการรักษาให้หายขาด” โดยภายในหน้าปัดนาฬิกายังมีช่องแสดงวันที่ที่บริเวณตำแหน่ง 6 นาฬิกา รวมถึงมีเข็มบอกวินาทีอยู่ตรงกลาง ราคาเปิดตัวของนาฬิกาเรือนนี้อยู่ที่ราว ๆ 21,200 ดอลลาร์ เรียกว่าสง่างามแต่เรียบหรูมาก ๆ กับ Harry Winston Countdown to a Cure เรือนนี้



และ Harry Winston Countdown to a Cure สำหรับรุ่นควอตซ์ของสุภาพสตรีจะมาพร้อมกันกับตัวเรือน White gold ขนาด 32 มม. หน้าปัดสีน้ำเงินกรมท่าแบบเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างในรุ่นสำหรับสุภาพสตรีนั้นจะเน้นไปที่เพชรที่นำมาประดับบนหน้าปัดนาฬิกา โดยสามารถสังเกตเห็นได้ว่าหลักชั่วโมงจะถูกประดับด้วยเพชรและอัญมณีหลากหลายสีขององค์กร amfAR ที่ระหว่างตำแหน่ง 12 นาฬิกาถึง 3 นาฬิกา ตัวเรือนยังประดับด้วยเพชรสามเม็ดที่บริเวณเม็ดมะยม แต่นาฬิกา Harry Winston Countdown to a Cure เรือนนี้กลับมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 16,200 ดอลลาร์เท่านั้น

และตามที่ทุกท่านได้รับทราบกันว่ารายได้ 20% ของราคาขายนั้นจะถูกบริจาคเพื่อสนับสนุนการวิจัยในการหาวิธีรักษา HIV/AIDS ซึ่งเป็นสิ่งที่ amfAR ตั้งเป้าไว้ว่าจะทำให้ได้ภายในปี 2020 และโครงการ Countdown for a Cure นี้เริ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2014 โดยตอนนี้พวกเขาได้ระดมทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านเหรียญ ทางเราก็ได้แต่หวังว่ารายได้จากนาฬิกาเรือนนี้ จะนำไปสู่การรักษาที่ดีให้แก่ผู้ป่วยทุกท่านทั้งในเวลานี้และภายภาคหน้า

มองหานาฬิกา Harry Winston? ต้องการซื้อขาย นาฬิกา Harry Winston? ปรึกษาเรา Siam Watch Club

14
เกาะขอบจอ ส่องนาฬิกาแพงที่สุดในโลกและบรรดาผู้ครอบครอง
ไขข้อข้องใจกับข้อสงสัยว่านาฬิกาแพงที่สุดในโลกเหล่านั้น ใครกันเป็นผู้ครอบครองแล้วที่ว่าแพง มันแพงขนาดไหน ไปดูกัน!


ในโลกแห่งนาฬิกา กาลเวลาไม่เคยหยุดอยู่กับที่ ราคาของนาฬิกาก็เช่นกัน แต่ในขณะที่ราคาของนาฬิกาบางเรือนนั้นมูลค่าสูงจนเราเองก็คิดว่าไม่น่าจะมีใครเป็นเจ้าของได้ และถึงมี ใครล่ะที่จะเป็นผู้ครอบครองนาฬิกาทรงมูลค่าขนาดนั้น? วันนี้ Siam Watch Club มีคำตอบไขข้อข้องใจกับข้อสงสัยว่านาฬิกาแพงที่สุดในโลกเหล่านั้น ใครกันเป็นผู้ครอบครองแล้วที่ว่าแพง มันแพงขนาดไหน ไปดูกัน!




1. Marie Antoinette – BREGUET GRANDE COMPLICATION MARIE-ANTOINETTE
มูลค่านาฬิกา: $30,000,000 (ประมาณ 996 ล้านบาท)

หากพูดถึงนาฬิกาที่แพงที่สุดในโลกและในประวัติศาสตร์ คงหนีไม่พ้นนาฬิกาขององค์ราชินีแห่งประเทศฝรั่งเศส Marie Antoinette ได้รับการออกแบบและดีไซน์โดย Abraham-Louis Breguet เป็นนาฬิกาเรือนที่ 160 ที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเพื่อตั้งใจมอบให้ราชินีโดยเฉพาะ ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นบทกวีแห่งวงการนาฬิกาเลยก็ว่าได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ธรรมดาคือนาฬิกาเรือนนี้นั้นใช้เวลาสร้างทั้งหมดกว่า 34 ปีกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งนานเสียจนที่ว่าราชินีสวรรคตไปก่อนที่นาฬิกาของพระองค์จะเสร็จเสียอีก

นาฬิกาเรือนนี้มีจุดเด่นคือการเป็นนาฬิกาพกที่มีตัวเรือนอันเคลือบด้วยทองคำโดยรอบ ระยะเวลาที่ใช้ในการประดิษฐ์จนได้ผลงานอันประณีตและงดงามแบบที่หาเทียบไม่ได้ ขนาดตัวเรือน 63 มม. พร้อมกลไกปฏิทินถาวร กลไกคำนวลน้ำขึ้น น้ำลง ระยะเวลาขึ้นลงของพระอาทิตย์ในแต่ละไทม์โซน บอกเวลาด้วยกลไก Minute Repeater วัดอุณหภูมิได้ และใช้กลไกอัตโนมัติแบบตุ้มเหวี่ยง



2. Floyd Mayweather – JACOB & CO. BILLIONAIRE
มูลค่านาฬิกา: $18,000,000 (ประมาณ 590 ล้านบาท)

ถ้าไม่ใช่มหาเศรษฐีตัวจริงของโลก คงไม่สามารถครอบครองนาฬิกาเรือนนี้ได้เป็นแน่ โดยเจ้าของคือ Floyd Mayweather อดีตนักมวยและโปรโมเตอร์มวยผู้โด่งดัง นาฬิกาเรือนนี้ทำมาจากทองคำขาวประดับด้วยเพชรเจียระไนมรกต 313 เม็ด มีทับทิม 1.21 กะรัตประดับบริเวณมงกุฎและมีเพียงเรือนเดียวในโลกเท่านั้น! จึงไม่น่าแปลกเลยที่ว่าทำไมนาฬิกาเรือนนี้ถึงกลายเป็นอีกหนึ่งนาฬิกาที่แพงที่สุดในโลก



3. Paul Newman – PAUL NEWMAN ROLEX DAYTONA
มูลค่านาฬิกา: $18,000,000 (ประมาณ 590 ล้านบาท)

ราคาพอ ๆ กันกับ Jacob & Co. Billionaire เลยก็ว่าได้กับ PAUL NEWMAN ROLEX DAYTONA โดยนาฬิกาเรือนนี้ถูกสร้างขึ้นจากความรักของภรรยาของเขาเพื่อมอบให้เป็นของขวัญในปี 1969 และด้วยความที่ Paul นั้น ชอบความเร็วและการแข่งรถมาก ๆ ด้านหลังของนาฬิกาจึงถูกสลักข้อความเพื่อแสดงถึงความห่วงใยของภรรยาไว้ว่า “DRIVE CAREFULLY ME” ในภายหลังนาฬิกาเรือนนี้ถูกนำออกมาประมูลจนราคาสูงถึง 590 บาทไทย จึงกลายเป็นอีกหนึ่งนาฬิกาที่แพงที่สุดในโลกเช่นกัน จุดเด่นอันน่าจดจำคือนาฬิกาเรือนนี้มีหน้าปัดสีขาวนวล สายหนังแบบคาดมือ คริสตัลโดมจากอะคริลิกและข้อความสลักแสนพิเศษหนึ่งเดียวจากภรรยาของ Paul Newman



4. Jay-Z – HUBLOT BIG BANG
มูลค่านาฬิกา: $5,000,000 (ประมาณ 163 ล้านบาท)

แรปเปอร์ชื่อดังชาวอเมริกาอย่าง Jay-Z หรือ Shawn Corey Carter ที่นอกจากจะเป็นนักร้องแรปด้วยตัวเองแล้ว เขายังมีดีกรีเป็นถึงผู้ทำเพลงอีกด้วย เรียกว่าเป็นหนึ่งในบุคคลทรงอิทธิพลของประวัติศาสตร์วงการเพลง Hip Hop เมื่อครั้งที่เขาสวม Hublot Big Bang ประดับเพชรเรือนนี้ เขาก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจของสื่อมวลชนทันทีและด้วยความเพชรวิบวับตระการตาขนาดนี้ จึงเหมาะกับเศรษฐีแห่งวงการเพลง Hip Hop เช่นเขาเอามาก ๆ ที่สำคัญคือนาฬิกาเรือนนี้นั้น Beyonce ผู้เป็นภรรยาได้มอบให้ Jay-Z เป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 43 ปี



5. Eric Clapton – PATEK PHILIPPE 2499
มูลค่านาฬิกา: $3,500,000 (ประมาณ 114 ล้านบาท)

Patek Philippe 2499 อีกหนึ่งนาฬิกาที่แพงที่สุดในโลก ที่เรียกได้ว่าเป็นนาฬิกาอันแสนเลอค่าของบรรดานักสะสม Patek Philippe เนื่องจากมีเพียง 1 ใน 2 ชิ้นในโลกเท่านั้นที่กรอบทำจากทองคำขาว โดย Eric Clapton ซื้อนาฬิกาเรือนนี้ไปในราคาประมาณ 114 ล้านบาทไทย ด้วยความมีระดับและความหายาก จึงทำให้มูลค่าสูงสุด ๆ



6. Conor McGregor – JACOB & CO. RASPUTIN TOURBILLON FULL BAGUETTE WITH WHITE DIAMONDS
มูลค่านาฬิกา: $2,750,000 (ประมาณ 90 ล้านบาท)

Conor Anthony McGregor มืออาชีพแห่งวงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานชาวไอริช โดยเขามีดีกรีเป็นถึงอดีตแชมป์ Ultimate Fighting Championship รุ่น former Ultimate Fighting Championship ระดับ featherweight และเป็นแชมป์ระดับ lightweight ถึง 2 ครั้ง นั่นจึงทำให้เส้นทางอาชีพของเขาโรยด้วยกลีบกุหลาบทันที สร้างความมั่งคั่งให้กับหน้าที่การงานและตัวเขาได้เป็นอย่างดี โดยจุดเด่นของนาฬิกาอยู่ที่การประดับเพชรบนหน้าปัดและเข็มบอกเวลาสีน้ำเงิน เข้ากับหงส์ 2 ตัวบนหน้าปัดได้เป็นอย่างดี



7. Cristiano Ronaldo – นาฬิกา Franck Muller Round
มูลค่านาฬิกา: $1,500,000 (ประมาณ 50 ล้านบาท)

Cristiano Ronaldo หนึ่งในนักเตะผู้ทรงอิทธิพลที่หากพูดชื่อไป ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จัก โดย Cristiano Ronaldo นับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้เล่นกีฬาลูกหนังที่ร่ำรวยที่สุดในโลกด้วยฝีไม้ลายมือที่หาตัวจับได้ยากและภาพลักษณ์ที่กระชากใจใคร ๆ หลายคน อีกทั้ง Cristiano Ronaldo ยังขึ้นชื่อในเรื่องการเลือกเครื่องประดับที่พิเศษและไม่เหมือนใคร โดยนาฬิกา Franck Muller Round เรือนนี้ก็นับเป็นอีกหนึ่งข้อพิสูจน์ชั้นดีได้เช่นกัน นาฬิกาเรือนนี้มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 50 ล้านบาทไทย ประดับด้วยทับทิมและเพชรเจียระไนทรง baguette ทั่วทั้งเรือน

กล่าวได้เลยว่าเป็น 7 นาฬิการาคาแพงที่สุดในโลกที่น่าสนใจมาก ๆ และถ้าหากคุณเองก็เป็นคอนาฬิกา อยากตามหาหรือส่งต่อนาฬิกาแบรนด์แท้มือสอง สามารถติดต่อเราผ่านทาง Facebook หรือแอดไลน์ @siamwatchclub

15
โปรโมทเพจร้านค้า / Blackpink in your area! เลือกนาฬิกาตาม LISA BLACKPINK
« เมื่อ: วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2023, 14:11:45 น. »
Blackpink in your area! เลือกนาฬิกาตาม LISA BLACKPINK
คุณ Lisa Blackpink ไอคอนนิกแห่งวงการเพลงทั้งเอเชียและสากลที่ไม่ว่าหยิบจับอะไร ใคร ๆ ก็ต้องอยากตามหาและอยากซื้อตาม วันนี้เรามานำเสนอส่วนหนึ่งของบรรดา Collection นาฬิกาลิซ่า ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็ถามหา

หากพูดถึงไอคอนนิกแห่งวงการเพลงทั้งเอเชียและสากลในตอนนี้ ตำแหน่งคงหนีไม่พ้นคุณ Lisa Blackpink หรือคุณ ลลิสา มโนบาล ศิลปินเกาหลี สัญชาติไทย พ่วงมาด้วยความเป็นแฟชันสตาร์ที่ไม่ว่าหยิบจับอะไร ใคร ๆ ก็ต้องอยากตามหาและอยากซื้อตาม ความมีอิทธิพลของเธอช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ที่ถูกเธอเลือกใช้อยู่เสมอ ๆ อีกหนึ่งสิ่งที่คุณลิซ่านั้นมีติดตัวแทบจะทุก ๆ ครั้งที่ออกสื่อนั่นก็คือนาฬิกาข้อมือ ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Bvlgari แล้ว คุณลิซ่าเองก็ยังมักจะสวมใส่นาฬิกาที่เข้ากับภาพลักษณ์ของตัวเองอยู่ตลอด และในวันนี้ Siam Watch Club พร้อมที่จะนำเสนอส่วนหนึ่งของบรรดา Collection นาฬิกาลิซ่า ที่หลาย ๆ ท่านอาจจะอยากติดตามหรือมีไว้ครอบครองก่อนที่ราคาจะพุ่งขึ้นสูงกว่านี้



นาฬิกา Rolex Datejust Ref.69173
เริ่มที่เรือนแรกอันได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาประจำตัวของคุณลิซ่าเลยก็ว่าได้กับ Rolex Datejust Ref.69173 คุณลิซ่าเลือกเอานาฬิกาเรือนนี้มาใส่บ่อย ๆ แทบทุกโอกาสและคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะใส่มานานพอสมควรก่อนที่จะได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับ Bvlgari นาฬิกาเรือนนี้โดดเด่นด้วยตัวเรือนแบบทูโทนสีทองตัดกับสีเงิน ตัวเรือนทำจาก Stainless Steel 904L ทองคำ 18K และสายนาฬิกา Jubilee ขนาดตัวเรือน 26 mm. หน้าปัดสีน้ำเงินแสนสง่า กรอบหยัก บอกหลักเวลาแบบขีด โดยราคาของนาฬิกาเรือนนี้นั้นอยู่ที่หลักแสนต้น ๆ ไม่แพงเกินเอื้อมถึง หากใครอยากซื้อนาฬิกา Lisa เรือนนี้เพื่อเป็นของขวัญช่วงวาเลนไทน์นับว่าเหมาะสมสุด ๆ



นาฬิกา Rolex Oyster Perpetual x Chrome Hearts
เรือนนี้เป็นการผสมผสานระหว่างตัวเรือน Rolex Oyster Perpetual เข้ากับสายข้อมือจาก Chrome Hearts แบรนด์แฟชันเครื่องประดับที่มากด้วยชื่อเสียงและผลงานมากมาย โดยตัวสายนาฬิกาจะถูกออกแบบให้เป็นสายดอกไม้ โดยแต่ละกลีบดอกจะเป็นรูปทรงไม้กางเขนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Chrome Hearts และเราได้ยลโฉมนาฬิกาเรือนนี้บนข้อมือของคุณลิซ่าเมื่อครั้งในงาน Coachella ในช่วงที่วง Blackpink นั้นได้ขึ้นแสดงในงาน ราคาของเรือนนี้มีมูลค่าสูงกว่า Rolex Datejust Ref.69173 ที่กล่าวถึงไปก่อนหน้า



นาฬิกา La Californienne Women’s Pink Cartier 1970s Large Tank Watch
เอาใจสายหวานกันกับนาฬิกา Lisa La Californienne Women’s Pink Cartier 1970s Large Tank Watch จากแบรนด์คาร์เทียร์ แบรนด์ที่โด่งดังในด้านเครื่องประดับอีกเช่นกัน เหมาะกับคุณผู้หญิงที่อยากได้ลุคออกแนวหวาน ขี้เล่น แอบมีความสปอร์ตและใส่ได้ในโอกาสสบาย ๆ ด้วยสายหนังหลากสี ธีมสีชมพูเข้มสลับกับสีน้ำตาลเข้ม ชมพูอ่อน ม่วงอ่อน แสนสดใส ตัวเรือนนาฬิกาทำจากทองคำ 18K หน้าปัดสีชมพู แสดงเวลาแบบเลขโรมัน มาในราคาเบา ๆ หลักแสนต้น ๆ ใครมองหานาฬิกา Lisa สักเรือน เรือนนี้สดใสและน่ามีไว้ครอบครองไม่แพ้กัน



นาฬิกา Panthère de Cartier
นาฬิกาอีกเรือนใน Collection นาฬิกา Lisa ที่ทางคุณลิซ่าได้ใส่เข้าคู่กับแฟชันสนามบินก่อนบินมาทำการแสดงที่ประเทศไทย เข้ากับลุคชุดสีดำในวันนั้นสุด ๆ Panthère de Cartier มีตัวเรือนแบบทรงสี่เหลี่ยมขนาด 22 mm. x 30 mm. ความพิเศษคือตัวเรือนบาง 6 mm. ทำจากวัสดุ Stainless Steel มาพร้อมหน้าปัดสีเงินเข้าคู่กับตัวสายที่เป็นสีเดียวกัน เลขบอกเวลาเป็นหลักโรมัน เข็มบอกเวลาสีน้ำเงิน กลไกควอทซ์ มีราคาอยู่ที่ประมาณหลักแสนต้น ๆ เช่นกัน



นาฬิกา Rolex Datejust 31 Ref.278278
และอีกหนึ่งเรือนที่ถือว่าราคาเริ่มสูงขึ้นมาค่อนข้างมากจากเรือนก่อน ๆ กับ Rolex Datejust 31 Ref.278278 ตัวเรือนและสาย Yellow Gold จากทองคำ 18K หน้าปัดขนาด 31 mm. ใช้หลักบอกเวลาประดับเพชร มีช่องหน้าต่างสำหรับบอกวันที่ ขอบหน้าปัดหยัก ตัวสายเป็นแบบ President เรือนนี้เป็นนาฬิกาทรงผู้ชายที่ใช้ได้แบบ Unisex เป็นอีกหนึ่งเรือนเวลาที่น่าสะสม ราคาอยู่ที่หลักล้านต้น ๆ



นาฬิกา Bvlgari Aluminium Watch
สำหรับนาฬิกาเรือนนี้เป็นของขวัญคริสต์มาสจากทาง Bvlgari ที่ส่งให้คุณลิซ่าได้เก็บสะสมไว้ใน collection ด้วยดีไซน์ทรงสปอร์ตสีขาวดำ มีแรงบันดาลใจมาจากเครื่องบินไอพ่นของสายการบิน Alitalia ของอิตาลี ให้ดีไซน์แบบ Unisex ที่ใส่ได้ทุกเพศ ตัวเรือนขนาด 40 mm. ทำจากวัสดุอะลูมิเนียมอัลลอย กันน้ำได้ถึง 100 เมตร อีกทั้งดีไซน์ตรงบริเวณขากรรไกรแบบใหม่ยังช่วยให้สามารถใส่นาฬิกาได้แบบเบา สบายยิ่งขึ้น ราคาตอนนี้อยู่ที่หลักแสนต้น ๆ



นาฬิกา Serpenti Tubogas
ขาดไปไม่ได้กับนาฬิกา Lisa ที่เป็นอีกหนึ่งไอคอนนิกแห่งวงการนาฬิกาอย่าง Bvlgari Serpenti Tubogas โดดเด่นในเรื่องของดีไซน์จากงูในตำนานกรีก สะกดทุกสายตาให้หยุดมองมาที่นาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งรุ่นที่คุณลิซ่าเลือกใส่นั้นเป็นตัวเรือนสีเงิน Stainless steel 35 mm. หน้าปัดสีดำ เกลียวเดี่ยว มีความสามารถในการกันน้ำได้ 30 เมตร ช่วยให้ลุคที่ดูดุขึ้นและโฉบเฉี่ยวขึ้นให้แก่ผู้สวมใส่



นาฬิกา Bvlgari X Lisa limited edition
และล่าสุดกับนาฬิกา collection ใหม่ที่คุณลิซ่าร่วมออกแบบ Bvlgari X Lisa limited edition ความพิเศษคือลายดอกไม้ที่สลักไว้ด้านหลังพร้อมด้วยสัญลักษณ์ตัว L ที่มาจากชื่อของคุณลิซ่าเอง ซึ่งนาฬิกาเรือนนี้ มีจำนวนจำกัดการผลิตอยู่เพียง 700 เรือนในโลกเท่านั้นสำหรับขนาด 33 mm. และจำกัดที่ 300 เรือนสำหรับรุ่น 23 mm. เม็ดมะยมทำจาก rubellite กลไกระบบควอทซ์เช่นเคย เรือนนี้นับว่าสวยและค่อนข้างเหมาะกับคุณผู้หญิงที่อยากได้ลุคหวาน ๆ ใส่ได้ทุกวัน ทุกโอกาส
หากคุณเองต้องการตามหานาฬิกาลิซ่ารุ่นไหน สามารถทักหา Siam Watch Club ได้ทั้งทาง Facebook และ Line @siamwatchclub

หน้า: [1] 2















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า