แม้ว่าโรคมะเร็งนั้นมีความร้ายแรงจนอาจนำไปสู่การเสียชีวิต แต่การตรวจคัดกรองมะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้แพทย์สามารถค้นหาเซลล์มะเร็งในร่างกายได้ก่อนมีอาการปรากฏอย่างชัดเจน และก่อนที่มะเร็งขยายใหญ่หรือกระจายไปยังอวัยวะอื่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความมีประสิทธิภาพในการรักษาได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การตรวจคัดกรองมะเร็งนี้เป็นเพียงการตรวจหาเซลล์มะเร็งเท่านั้น ไม่ใช่การตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งโดยตรง แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งแม้ว่าจะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงหรือไม่ก็ตามและจะตรวจแม้ยังไม่มีอาการของโรคมะเร็งปรากฏ บทความนี้จะช่วยให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญและชนิดของการตรวจคัดกรองมะเร็งที่แตกต่างกันออกไป
การตรวจคัดกรองมะเร็งสำคัญอย่างไร
การตรวจคัดกรองมะเร็งเป็นการตรวจหาร่องรอยของโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ ในผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงและไม่มีอาการของโรคมะเร็ง ทำให้ช่วยเพิ่มโอกาสในการตรวจพบมะเร็งได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น และแพทย์สามารถรักษาอาการของโรคได้ง่ายขึ้น
แม้ว่าผลที่ได้จากการตรวจด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้จะไม่ยืนยันความแม่นยำได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้ อีกทั้งประสิทธิภาพของการตรวจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกหลาย ๆ อย่างรวมกัน
รูปแบบและวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งที่น่าสนใจ
การตรวจคัดกรองมะเร็งมีอยู่ด้วยกันหลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่กับตำแหน่งของอวัยวะที่ต้องการตรวจ ซึ่งรูปแบบการตรวจที่ได้รับความนิยมและมีส่วนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งนั้นมีดังนี้
การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)
การตรวจรูปแบบนี้ใช้เพื่อตรวจหา ป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งลำไส้https://www.pobpad.com/มะเร็งลำไส้ใหญ่ เพราะช่วยให้แพทย์สามารถพบติ่งเนื้อที่ผิดปกติในลำไส้ โดยแพทย์จะใช้กล้องส่องชนิดพิเศษ (Colonoscope) มีลักษณะเป็นท่อที่สามารถยืดหยุ่นได้ มีไฟและกล้องติดอยู่บริเวณปลายท่อสอดเข้าทางทวารหนักไปยังลำไส้ตรงและลำไส้ใหญ่ หากพบติ่งเนื้อในลำไส้ แพทย์อาจตัดติ่งเนื้อดังกล่าวบางส่วนไปส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ เพื่อป้องกันการกลายเป็นมะเร็งในอนาคต โดยกลุ่มเสี่ยงที่ควรเข้ารับตรวจด้วยวิธีส่องกล้องสำไส้ใหญ่ ได้แก่ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 50–75 ปี
การตรวจภาพรังสีเต้านม (Mammography)
การตรวจรูปแบบนี้มีประโยชน์อย่างมากในการลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเต้านม ซึ่งแพทย์จะให้ผู้เข้ารับการตรวจยืนหันหน้าเข้าหาเครื่องแมมโมแกรมและกดหน้าอกให้แนบกับเครื่องมือมากที่สุด ช่วยให้แพทย์เห็นภาพภายในเต้านม 2 ข้างในบริเวณทั้งหมดได้ และสามารถตรวจพบหากมีเนื้อเยื่อในบริเวณใดบริเวณหนึ่งมีลักษณะที่ผิดไปจากปกติ โดยกลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจภาพรังสีเต้านม คือ ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปและควรรับการตรวจปีละ 1 ครั้ง
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งกับความสำคัญต่อสุขภาพที่ควรรู้ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://doctorathome.com/